คลังอัดสินเชื่อแบงก์รัฐอีก2.3แสนล. ช่วยฟื้นฟูศก.หลังโควิด

อุตตม ตั้งทีมคลัง แบงก์รัฐลงพื้นที่ช่วยฟื้นฟูชาวบ้านหลังโควิด เปิดสาขาแบงก์รัฐเป็นคลินิกแก้จน พร้อมอัดฉีดมาตรการเศรษฐกิจ อีกชุดใหญ่ ทั้งภาษี สินเชื่ออีก 2.3 แสนล้านฟื้นเศรษฐกิจต่อ  นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยถึงการดำเนินมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากโควิด19ว่า ได้สั่งให้หน่วยงานในสังกัดคลังและสถาบันการเงินรัฐ จัดตั้งทีมเราไม่ทิ้งกัน ลงพื้นที่ไปสำรวจความเดือดร้อน และเร่งฟื้นฟูอาชีพให้กับประชาชนหลังจากผ่านมาตรการเยียวยาโควิด เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง พร้อมกับจะเปิดสาขาธนาคารรัฐให้เป็นคลินิก คลังสมอง หมอคลัง  ทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารกรุงไทย  เพื่อรับปรึกษาร้องทุกข์ด้านต่างๆ ทั้งด้านอาชีพ บริการทางการเงิน ปัญหาหนี้นอกระบบ  เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ฟื้นโดยเร็ว นอกจากนี้คลังกำลังจัดทำมาตรการทางภาษี และมาตรการทางการเงิน สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกแพ็คเก็จใหญ่ โดยเบื้องต้นให้ธนาคารรัฐเตรียมวงเงินไว้ปล่อยกู้เพิ่มเติมอีก 2.3 แสนล้านบาท เพื่อใช้สร้างอาชีพ ให้เงินหมุนเวียนแก่ประชาชน เกษตรกร และภาคธุรกิจให้เกิดความต่อเนื่อง เช่น ธ.ก.ส. จะปล่อยกู้สินเชื่อให้ภาคเกษตรอีก 1.7 แสนล้านบาท ออมสินช่วยประชาชน 4 หมื่นล้านบาท และขยายพักหนี้อีก 2 ปี รวมถึงธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ให้ประชาชนเข้าถึงอีกมากกว่า 1 ล้านราย

ที่มา:  https://www.dailynews.co.th/economic/776427

พาณิชย์-เอกชนจับตาความขัดแย้งสหรัฐ-จีน

พาณิชย์-เอกชน เตรียมแผนปรับทัพส่งออก รับมือสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ปะทุรอบใหม่  ชี้โลก เดาใจ “ทรัมป์” ยาก แต่คาดใกล้ช่วงเลือกตั้งปธน กระทรวงและภาคเอกชนอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-จีน จนเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ และจะมีการจัดทำแผนในการผลักดันส่งออกร่วมกันเพื่อรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาภาคส่งออกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าแล้ว และในปี 63 ก็ได้รับผลกระทบจากการระบาดไวรัสโควิด-19 ตอนนี้ภาคเอกชนกำลังติดตามความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างสหรัฐ-จีนอย่างใกล้ชิด แต่เชื่อว่าไทยมีโอกาสที่ได้รับประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องของการค้าและการลงทุนมากเช่นกัน โดยเฉพาะโอกาสที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นซับพลายเซนของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มั่นคงของโลกได้ เพราะในระยะหลังมีผู้ประกอบการจากจีนเริ่มย้ายฐานการผลิตมาไทยและอาเซียนจำนวนมากเพื่อป้อนชิ้นส่วนและวัตถุดิบให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนและประเทศต่าง ๆ ช่วงหลังจีนกับประเทศตะวันตกทั้งสหรัฐและยุโรปมีปัญหากันหลังจากที่เกิดการระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสหรัฐที่กล่าวหาจีนมาเป็นต้นเหตุในการทำให้เกิดการระบาดจนมีความขัดแย้งต่อเนื่อง ดังนั้นจีนต้องหาพันธมิตรในอาเซียนและประเทศใกล้เคียงมากขึ้น เห็นจากที่ผ่านมาไทยขออะไรจีนมักได้ง่ายๆหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเปิดด่านในการส่งสินค้าเกษตรไทยไปจีน ก็ได้รับความสะดวกรวดเร็วผิดกับครั้งก่อนๆ จนทำให้สินค้าเกษตรไทยหลายตัวสามารถส่งออกไปจีนได้เพิ่ม เช่น ทุเรียน แม้จะเจอปัญหาระบาดโควิด-19 แต่ก็มีล้งจีนเข้ามากว้างซื้อทุเรียนไทยมากกว่าเดิมอีกเพื่อนำไปจำหน่ายในตลาดจีน  

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/775916

ประวิตร ตั้งเป้าขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะสู้กลุ่มอาเซียน

รองนายกฯ ประวิตร เผยคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เร่งรัดศึกษาเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์สร้างแรงจูงใจเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้สามารถแข่งขันในระดับอาเซียน โดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ผ่านมาได้ประกาศเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ 27 เขตทั่วประเทศ มีความก้าวหน้าของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะต้นแบบใน 4 พื้นที่ คือ กรุงเทพมหานคร พื้นที่ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน จังหวัดชลบุรี พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และจังหวัดภูเก็ต โดยคณะกรรมการฯ ได้เร่งรัดศึกษาเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ในการสร้างแรงจูงใจเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้สามารถแข่งขันในระดับอาเซียนได้ อีกทั้งยังแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นประธาน และได้เตรียมความพร้อม ในการสานต่อความร่วมมือด้านเมืองอัจฉริยะอาเซียน โดยให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นผู้แทน เข้าร่วมการประชุม ASEAN Smart Cities Network (ASCN) ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 8-10 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ ณ เมืองฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

ที่มา : https://www.matichon.co.th/publicize/news_2193668

‘กรมเจรจาฯ’ เผยไทยครองแชมป์ส่งออกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เบอร์ 1 อาเซียน เชื่อ FTA และ ITA ช่วยสร้างแต้มต่อและดึงดูดการลงทุนได้จริง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทั่วโลกมีกิจกรรมผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มความต้องการคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพิ่มขึ้นด้วย จึงเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไทยที่มีศักยภาพอยู่แล้ว จะพัฒนาเทคโนโลยีให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและขยายการส่งออกในตลาดโลกได้ โดยในปี 2562 ไทยเป็นผู้ส่งออกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อันดับที่ 6 ของโลก ทั้งนี้ จากสถิติการค้าระหว่างประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่าไทยส่งออกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ มูลค่าสูงถึง 3,943 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ เช่น สหรัฐฯ สัดส่วนร้อยละ 37 ฮ่องกง, อาเซียน, สหภาพยุโรปและจีน เป็นต้น หากจำแนกรายสินค้า พบว่า ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีสัดส่วนการส่งออกมากที่สุดในกลุ่ม สำหรับการเปิดเสรีทางการค้าถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกสินค้าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ของไทยเติบโต นอกจากนี้ “ผู้ประกอบการควรศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าให้ทันต่อความต้องการของตลาด โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีขนาดเล็กและเบา ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งควรวางแนวทางปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว และเพิ่มความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก”

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/beco/3125668

สศช.ประเมินพิษ “โควิด” ฉุดจีดีพีไทยทั้งปีติดลบ 5-6%

สศช.เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 63 ติดลบ 1.8% ส่วนแนวโน้มปี 63 คาดว่า ติดลบ 5-6% เป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 เป็นหลัก พร้อมคาดไตรมาส 2 น่าจะหนักที่สุดหลังจากทุกกิจการหยุดหมด นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 63 และแนวโน้มปี 63 ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2563 ปรับตัวลดลง 1.8% เทียบกับการขยายตัว 1.5%  ในไตรมาสก่อน หลังจากได้รับผลกระทบโควิด-19 และเศรษฐกิจโลกชะลอตัวต่อเนื่องจากปีก่อน ส่วนไตรมาสที่ 2 ประเมินว่า น่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะเกิดการล็อคดาวน์ ทำให้ธุรกิจต่างๆ และการท่องเที่ยวหยุดชะงัก อย่างไรก็ตามทั้งปี 63 สศช. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะปรับตัวลดลงในช่วงลบ 5-6% เนื่องจากการปรับตัวลดลงรุนแรงของเศรษฐกิจ และปริมาณการค้าโลก ,การลดลงรุนแรงของจำนวน และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ,เงื่อนไขและข้อจำกัดที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศ และ ปัญหาภัยแล้ง โดยคาคว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าจะปรับตัวลดลง 8% การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมปรับตัวลดลง 1.7% และ 2.1% ตามลำดับ

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/775078

เอกชนเสียงแตกเข้าร่วมซีพีทีพีพี

นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะทำงานศึกษาความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อความเป็นหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) เปิดเผยว่า คณะทำงานจะมีการประชุมอีกรอบในวันที่ 21 พ.ค.นี้เพื่อหาข้อสรุปให้ได้ว่า ควรจะสนับสนุนให้ไทยเข้าร่วมซีพีทีพีพีหรือไม่  หลังจากที่ผ่านก็ได้มีการประชุมไปแล้วรอบหนึ่งโดยรับฟังความเห็นจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นปัญหาทั้งสิทธิยา เมล็ดพันธุ์ แรงงาน การจัดซื้อจัดจ้าง พร้อมกันนี้ก็ขอให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงในแต่ละประเด็นเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในความตกลงดังกล่าว นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า สรท.อยู่ในช่วงของการประชุมหารือถึงเรื่องดังกล่าว เพราะแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมก็มีความแตกต่างกัน หรือแม้แต่อุตสาหกรรมเดียวกันก็มีความเห็นที่ต่างกันเพราะมีทั้งที่เห็นว่าเป็นประโยชน์และเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งซีพีทีพีพีมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณามาก ไม่เพียงแต่ประเด็นที่เป็นปัญหาที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่   ไม่เหมือนกับเอฟทีเออื่นๆที่สามารถตกลงเจรจากันได้ง่ายกว่า ขณะนี้ภาคเอกชนยังมีความเห็นที่ไม่ไปในทิศทางเดียวกัน มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สิ่งที่เห็นตรงกันคือ อนาคตในการค้าขายในโลกเศรษฐกิจแบบนี้จำเป็นที่ไทยต้องเข้าร่วมในความตกลงต่างๆ เอฟทีเอ หรือการเจรจาแบบทวิภาคี พหุภาคี

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/774921

เวียดนามเล็งส่งออกผักผลไม้สดไปยัง ‘ไทย’

สมาคมพืชผักและผลไม้เวียดนาม (VinaFruit) เปิดเผยว่าดำเนินการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ไทยและแอฟริกา โดยได้รับสัญญาเชิงบวกเมื่อปีที่แล้ว มูลค่าส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามไปยังไทย อยู่ที่ 74.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ นาย Dang Phuc Nguyen เลขาธิการของสมาคมฯ เสนอให้กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเจรจากับกระทรวงเกษตรของไทย เพื่อสร้างความสมดุลทางการค้าแก่ผักผลไม้ เนื่องจากเวียดนามขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง และให้คำแนะนำว่าธุรกิจเวียดนามควรศึกษาตลาดเจาะลึกมากขึ้น ในขณะที่ มองหากลุ่มลูกค้าและขยายเครือข่ายทางการค้า ทั้งนี้ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ชี้ให้เห็นว่าไทยเป็นผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะผักผลไม้สดจากเวียดนาม นอกจากนี้ การจัดแสดงสินค้าในไทยประจำปี จะช่วยให้ธุรกิจเวียดนามสามารถศึกษาความต้องการของตลาดและลูกค้าในท้องถิ่นได้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-seeks-to-export-fresh-fruits-vegetables-to-thailand/173292.vnp

ชายแดนไทยกัมพูชาเริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง

การขนส่งสินค้าผ่านด่านพระตะบอง ของประเทศไทยได้เริ่มดำเนินการแล้ว ซึ่งในช่วงที่ COVID-19 ปิดทำการ แต่ชายแดนก็กลับมาทำงานได้อีกครั้งในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการจำกัดเวลาการเดินทางตามที่ผู้ว่าการจังหวัดพระตะบองกล่าว แม้ว่าชายแดนจะเพิ่งเปิดใหม่ แต่ข้อจำกัดในหลายๆด้านจะยังคงอยู่ โดยจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน ด่านระหว่างประเทศอื่นที่ใช้ร่วมกันระหว่างจังหวัดพระตะบองของกัมพูชาและจังหวัดชลบุรีของประเทศไทยยังคงเปิดให้บริการสำหรับการขนส่งสินค้าตามปกติเท่านั้น ยังไม่อนุญาตให้คนเดินทางข้ามผ่าน หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รายงานตัวเลขจากกรมการค้าต่างประเทศของไทยซึ่งแสดงให้เห็นว่าการค้าระหว่างประเทศของกัมพูชากับไทยลดลงเหลือ 1.5 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรกเนื่องจาก Covid-19 กระทบเศรษฐกิจโลกและนำไปสู่การปิดด่านชายแดน จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ของประเทศไทยการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาในช่วงสามเดือนแรกมีมูลค่าถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา :https://www.khmertimeskh.com/50723015/thai-checkpoint-resumes-for-trade/

รัฐบาลให้ความช่วยเหลือแรงงานที่ตกงานจากสถานการณ์ COVID-19

คนงานที่เดินทางกลับสปป.ลาวหลังจากออกจากงานในประเทศไทยเนื่องจากการระบาดของโรค Covid-19 จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลในการหางานใหม่ โดยกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมได้ขอให้กรมแรงงานและสวัสดิการสังคมในแต่ละจังหวัดและเวียงจันทน์รวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานหมู่บ้านเกี่ยวกับจำนวนคนตกงานจากประเทศไทยโดยกระทรวงคาดการณ์ว่ามีจำนวนประมาณ 79,208 คนและจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการที่ธุรกิจหลายแห่งปิดทำการชั่วคราว การช่วยเหลือดังกล่าวจะครอบคลุมไปยังแรงงานในประเทศที่ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งรัฐบาลจะจัดการหางานให้แก่แรงงานที่ประสงค์จะทำงานแต่ก่อนหน้านั้นจะต้องมีการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพของแรงงานก่อนจะถูกส่งออกไปยังองค์กรหรือธุรกิจต่างๆ เพื่อให้ทั้งภาคธุรกิจและแรงงานได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แรงงานมีงานทำและบริษัทได้แรงงานที่มีคุณภาพไปส่งเสริมธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt90.php

“โควิด” ฉุดความเชื่อมั่นดิ่งเหว คลายล็อกดาวน์สะพัด 2 แสนล้าน

ดัชนีความเชื่อมั่นไทยติดลบในรอบเกือบ 22 ปี หลังโควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรก 2563 ติดลบ 10% เข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิค ส่วนผลการคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 1 ช่วยเงินสะพัด 6-9 หมื่นล้าน ลุ้นเศรษฐกิจฟื้นไตรมาส 4 ายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายน 2563 อยู่ที่ระดับ 47.2 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2563 ที่อยู่ในระดับ 50.3 ซึ่งติดลบต่อเนื่องต่ำสุดในรอบ 259 เดือน หรือ 21 ปี 7 เดือน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 39.2 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำอยู่ที่ระดับ 46.0 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 56.4 โดยเป็นผลจากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจ และรายได้โดยรวม และการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสถานการณ์ ทั้งนี้การรีสตาร์ตธุรกิจส่งผลต่อธุรกิจ การจับจ่ายใช้สอยในประเทศ มาตรการช่วยเหลือของรัฐ การกระตุ้นเศรษฐกิจทางด้านการลงทุน จะส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เพราะจากปัญหาปัจจุบัน การล็อกดาวน์ทำให้เม็ดเงินหายไปจากระบบวันละ 10,000 ล้านบาท จากการชะลอจับจ่ายของประชาชนในทุกกลุ่มสินค้า การท่องเที่ยว สินค้าจำเป็น สินค้าฟุ่มเฟือย สำหรับแนวโน้มการปลดล็อกให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศเป็นสัญญาณที่น่าจะเกิดขึ้นได้ในไตรมาส 3 และถ้าสถานการณ์ของการปลอดเชื้อโควิด-19 ในเอเชีย และทั้งโลกดีขึ้น คาดว่าไตรมาส 4 นักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเริ่มกลับมา 6 ล้านคน หรือเดือนละประมาณ 2 ล้านคน ขึ้นอยู่กับมาตรการของรัฐ โดยจะทำให้การท่องเที่ยวไทยฟื้นเร็วขึ้น

ทีมา: https://www.prachachat.net/economy/news-462105