“ตลาดหุ้นเวียดนาม” ขึ้นแท่นจุดหมายที่มีความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ

การประชุมประจำปีขององค์กรคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (IOSCO) ในปี 2566 นับเป็นการประชุมประจำปีครั้งที่ 48 ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย. นาง Vu Thi Chan Phuong ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม กล่าวว่าตลาดหุ้นเวียดนามมีการพัฒนาที่น่าประทับใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพและการรักษาสภาพคล่องในตลาดที่ดี อีกทั้งยังเป็นช่องทางการลงทุนที่น่าสนใจของประชาชน และดึงดูดนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้จำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ช่วยอำนวยความสะดวกในการระดมเงินทุนเท่านั้น แต่ธุรกิจเวียดนามยังมีความก้าวหน้าในด้านธรรมาภิบาล ความโปร่งใสและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-stock-market-becomes-reliable-destination-for-investors-worldwide-post1026603.vov

“กฟผ.” ระงับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของกรมจัดการบริหารเขตเศรษฐกิจกว๋างหงาย เมื่อวันที่ 29 พ.ค. เปิดเผยว่าบริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (EGATi) ได้ยื่นเอกสารต่อกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม (MoIT) เกี่ยวกับการระงับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่อยู่ในรูปแบบ Build-Operate-Transfer (BOT) ตั้งอยู่ในจังหวัดกว๋างหงาย ซึ่งการตัดสินใจของ กฟผ. ในครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของแหล่งพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืน ตลอดจนสอดคล้องกับบริบทของโลกที่จะลดการพึ่งพาถ่านหินและเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานที่สะอาด

ที่มา : https://vir.com.vn/thai-investor-suspends-23-billion-thermal-power-plant-project-in-quang-tri-102618.html

“องค์กรระดับโลก” มองแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามไปในทิศทางที่เป็นบวก

ธนาคารโลก (WB) คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามที่ 6% ในปี 2566 ชะลอตัวลง 0.3% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือน ม.ค. อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามยังอยู่ในระดับสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงแม้ว่าเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ขณะที่ธนาคารโลกรายงานว่าสถานการณ์การค้าทั่วโลกในปีนี้ อยู่ในทิศทางที่เป็นลบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบางประเทศที่พึ่งพาภาคการค้าเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาเลเซียและเวียดนาม ทั้งนี้ องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD), ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และธนาคารพัฒนาเอเชีย คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในปีนี้ จะขยายตัว 6.5% อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเศรษฐกิจเวียดนามยังคงเผชิญกับความเสี่ยงหลายประการ ได้แก่ เงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง การดำเนินนโยบายแบบเข้มงวดในหลายประเทศ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าฟื้นตัวช้า การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานโลก ความมั่นคงด้านพลังงานและอาหาร ภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/reputable-organisations-optimistic-about-vietnam-s-economic-outlook-2154134.html

“คนเวียดนาม” มองการจัดการการเงินส่วนบุคคลไปในทิศทางที่ดี

“แมนูไลฟ์” เปิดเผยผลการสำรวจ พบว่าคนเวียดนามมองเรื่องการบริหารทางการเงินส่วนบุคคลไปในทิศทางที่เป็นบวก แต่คนส่วนใหญ่ยังกังวลว่าจะจัดการกับสุขภาพของตนเองได้อย่างไร โดยจากการสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จะเห็นได้ว่ารายได้ส่วนบุคคลเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 17% ในปี 2566 และเมื่อถามถึงวิธีการในการบรรลุเป้าหมายทางการเงิน พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 40% ทำการออมเงินเพื่อการเกษียณ รองลงมาออมเงินเพื่อค่ารักษาพยายาล 37% ค่าเล่าเรียนของลูกหลาน 32% และออมเงินสำหรับการซื้อบ้านใหม่ 30% ตามลำดับ ทั้งนี้ เครื่องมือสำคัญที่จะบรรลุเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล รวมถึงการออมเงินเพื่อการเกษียณ พบว่าคนส่วนใหญ่ 80% ต้องการถือเงินสด รองลงมาการสนับสนุนทางครอบครัวและมรดก (42%) และการประกันสุขภาพส่วนบุคคลและโรคร้ายแรง (37%) ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดเอเชีย ในขณะเดียวกัน คนเวียดนามมองว่าอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย ได้แก่ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ (62%), ภาวะเงินเฟ้อ (60%), สุขภาพที่ย่ำแย่ (51%), การสูญเสียรายได้ (48%) และค่ารักษาพยายาล (38%)

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-people-optimistic-about-personal-finances-post1026170.vov

“เวียดนาม” ลงนามข้อตกลง FTA กับประเทศคู่ค้า 15 ฉบับ

เวียดนามเป็นประเทศเดียวที่ได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศคู่ค้าที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักรและรัสเซีย และจนถึงในปัจจุบัน เวียดนามได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรี รวมทั้งสิ้น 15 ฉบับ และอยู่ในช่วงขั้นตอนการเจรจาข้อตกลงการค้าอีก 4 ฉบับ โดยข้อตกลงการค้าหรือเขตการค้าเสรีมีส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเวียดนามมีข้อได้เปรียบอย่างมากที่จะส่งเสริมการค้า ความเชื่อมโยงทางธุรกิจและนำเสนอสินค้าเวียดนามไปสู่ผู้บริโภคในตลาดสำคัญทั่วโลก ทั้งนี้ จากข้อมูลในปีที่แล้ว ระบุว่ายอดการส่งออกที่ใช้หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าแบบพิเศษ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี มีมูลค่าอยู่ที่ 78.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 33.61% ของมูลค่าการส่งออกรวมของเวียดนามไปยังตลาดที่ทำข้อตกลงการค้าเสรี (233 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม รายงานว่าอัตราการใช้หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าแบบพิเศษ อยู่ที่ 33.61% และอัตราการเติบโตที่ 13.18% แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวของการส่งออกของเวียดนามในตลาด FTA ในช่วงหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-signs-15-ftas-with-foreign-partners-2153890.html

จับตาเวียดนามวิกฤตหนักไฟฟ้าส่อขาดแคลน

“เวียดนาม” ประเทศ “น่าลงทุน” และมีศักยภาพการพัฒนาอันดับต้น ๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วันนี้…กำลังเผชิญวิกฤตพลังงานไฟฟ้าขาดแคลนอย่างหนักมาตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และส่อแววยืดเยื้อไปจนถึงฤดูร้อนในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ถึงขั้นต้องประกาศเวียนดับไฟฟ้าทั่วประเทศเพื่อรับมือกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบางพื้นที่อาจต้องดับไฟฟ้านานกว่า 7 ชั่วโมง ทั้งที่ประเทศเวียดนามมีกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้งในระบบมากถึง 80,704 เมกะวัตต์ ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 45,434 เมกะวัตต์ สะท้อนถึงปัญหาความมั่นคงระบบไฟฟ้าและคุณภาพไฟฟ้าของเวียดนามที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต ความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล

ที่มา : https://www.thaipost.net/hi-light/392968/

“เวียดนาม” แก้ไขปัญหาไฟดับ! ในภาคเหนือของประเทศ

ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. โรงไฟฟ้าพลังความร้อนท้ายบิ่ญ 2 (Thai Binh) ได้กลับมาดำเนินกิจการตามปกติแล้ว โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเฉลี่ย 8 ล้านกิโลวัตต์ต่อวัน และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงิเซิน (Nghi Son) คาดว่าจะเดินเครื่องด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้า 13 ล้านกิโลวัตต์ต่อวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. ทั้งนี้ ตามข้อมูลของการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) เปิดเผยว่าระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำไฟฟ้าพลังน้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังคงอยู่ในระดับวิกฤต เครื่องกำเนิดไฟฟ้าบางเครื่องกลับมาทำงานอีกครั้ง แม้ว่ากำลังการผลิตจะลดลงก็ตาม เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในภาคเหนือของเวียดนาม ทางศูนย์สั่งการพลังงานแห่งชาติได้เพิ่มกำลังส่งระยะสั้น 2,600 MVA บนสายส่ง Nho Quan-Nghi Son 2-Ha Tinh ขนาด 500 กิโลวัตต์ เพื่ออำนวยความสะดวกจากภาคใต้สู่ภาคเหนือของประเทศในช่วงเวลาเร่งด่วน

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/electricity-shortage-in-northern-vietnam-eases/

“อียู” ประกาศผ่อนปรนกฎระเบียบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากเวียดนาม

การแก้ไขกฎระเบียบฉบับที่ 2019/1973 ที่แผยแพร่เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. เกี่ยวกับมาตรการฉุกเฉินในการควบคุมการส่งออกอาหารไปยังสหภาพยุโรป ด้วยเหตุนี้ สหภาพยุโรปจึงย้ายข้อกำหนดของสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเวียดนามจากภาคผนวก 2 ซึ่งต้องมีใบรับรองสุขอนามัย (HC) และการควบคุมในอัตรา 20% ที่ประตูชายแดนไปยังภาคผนวก 1 ที่กำหนดให้ควบคุมผลิตภัณฑ์เพียง 20% ที่ประตูพรมแดนสหภาพยุโรป การตัดสินใจครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) ในการควบคุมความปลอดภัยของอาหารและสนับสนุนธุรกิจในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมคุณภาพของผลิตภัณฑ์เวียดนามที่จะเข้าไปสู่ตลาดสหภาพยุโรปนั้น จำเป็นที่ต้องผลักดันภาคธุรกิจให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของอาหารของสหภาพยุโรปอย่างเคร่งครัด

ที่มา : https://en.baochinhphu.vn/eu-eases-regulations-on-viet-nams-instant-noodles-11123061211192207.htm