นักเศรษฐศาสตร์ลาวแนะ ‘ต้องดึงเม็ดเงินต่างชาติ’ เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินกีบ

ศ.ภูเพชร เคียวภิลาวงศ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสและคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว เสนอแนะวิธีรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเงินกีบและจัดการกับความท้าทายทางเศรษฐกิจของลาวที่ตกต่ำจากปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น โดยลาวจำเป็นต้องดึงดูดเงินตราต่างประเทศเข้ามามากขึ้นด้วยการเพิ่มมูลค่าของการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศจะช่วยรักษาเสถียรภาพของค่าเงินกีบไม่ให้อ่อนค่าลงไปกว่าปัจจุบัน นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่ต้องแก้ไข คือ แก้ไขกฎระเบียบการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติในลาว โดยปัจจุบันยังไม่มีการออกกฎระเบียบดังกล่าวมารองรับว่าชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในลาวได้ หากแก้ไขได้จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาได้อีกทางหนึ่ง

ที่มา : https://www.nationthailand.com/world/asean/40031972

สงครามอิสราเอล-กราดยิงพารากอน ททท. ชี้ 2 ความเสี่ยงท่องเที่ยวไทยปลายปี 66

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันนัก ท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย (ณ ต้นเดือนตุลาคม ปี 2566) แตะ 20 ล้านคน คาดการณ์ว่าเป้าหมายที่วางไว้ 25-28 ล้านคน มีความเป็นไปได้ เนื่องจาก เดือนตุลาคม-ธันวาคม ปี 2566 แนวโน้มนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มตลาดระยะไกล หรือลองฮอลล์ (จากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา) ที่ยังมีบุ๊กกิ้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงตลาดระยะใกล้ หรือ ช็อตฮอลล์ ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายของไทยก็เติบโต ทั้งเกาหลีใต้ มาเลเซีย อินเดีย รัสเซีย ทำให้เป้าหมายที่วางไว้ 25 ล้านคน น่าจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ดี ช่วงไฮซีซั่นภาคการท่องเที่ยว คือ ช่วงปลายปี 2566 ทว่าไทยพบความเสี่ยง 2 ประการ ได้แก่ กราดยิงสยามพารากอน และซ้ำเติมด้วยปัญหาสงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งเบื้องต้นเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอนคาดว่าจะกระทบไทยในระยะสั้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน สะท้อนจากตัวเลขการจองไฟลท์บินจากจีนมาไทยลดลง ขณะที่สงครามอิสราเอล-ฮามาส ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรงในแง่ความรู้สึกของนักท่องเที่ยว จนทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความลังเลในการเดินทาง เพื่อรอดูสถานการณ์ แต่ยังเร็วไปที่จะประเมินผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวอิสราเอลปัจจุบันเดินทางเข้าไทยประมาณ 170,000-180,000 คน โดยประเมินว่าสิ้นปี 2566 จะเข้ามาเยือนถึง 200,000 คน เนื่องจากเที่ยวบินระหว่างกรุงเทลอาวีฟ ไปภูเก็ตและกรุงเทพ ยังไม่มีการยกเลิก

ที่มา : https://moneyandbanking.co.th/2023/66705/

สถานการณ์การท่องเที่ยวในหลวงพระบางขยายตัวต่อเนื่อง

หลวงพระบาง แหล่งมรดกโลกของยูเนสโก ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 779,811 คน สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 121.49 หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 427,738 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยนับเป็นนักท่องเที่ยวชาว สปป.ลาว คิดเป็น 177,596 คน ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด รายงานโดย Soudaphone Khomthavong ผู้อำนวยการฝ่ายสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว หลวงพระบาง ซึ่งจังหวัดหลวงพระบางถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่หลากหลาย นอกจากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นแล้ว ยังมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เสื้อผ้าแบบดั้งเดิม อาหาร และวิถีชีวิตท้องถิ่น ที่เป็นที่สนใจของผู้คนที่มาเยือนจังหวัด สำหรับปี 2023 จังหวัดคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 1 ล้านคนภายในสิ้นปี และเพิ่มขึ้นไปเกือบ 3 ล้านคน ภายในปี 2024

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/09/29/luang-prabang-tourism-booms-in-2023-welcomes-over-779000-visitors-in-first-9-months/

นายกฯ กัมพูชา คาดสนามบินนานาชาติเสียมเรียบดึงนักท่องเที่ยวมายังกัมพูชาเพิ่มขึ้น

นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต กล่าวว่า สนามบินนานาชาติเสียมเรียบ ซึ่งเป็นสนามบินแห่งใหม่ของกัมพูชา ด้วยเม็ดเงินลงทุนมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ พร้อมรองรับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้าน บริษัท Angkor International Airport Investment (Cambodia) Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้ลงทุนในโครงการสนามบินนานาชาติดังกล่าวได้ปรับยอดการลงทุนจาก 880 ล้านดอลลาร์ ในปี 2019 เป็นมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์ ในปี 2022 โดยสนามบินนี้จะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงกลางเดือนตุลาคมปีนี้ สำหรับกัมพูชายังมีแผนที่จะก่อสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ ในจังหวัดตาแก้วบนพื้นที่ขนาดกว่า 2,600 ไร่ อยู่ห่างจากกรุงพนมเปญประมาณ 20 กิโลเมตร จะเริ่มการก่อสร้างและแล้วเสร็จภายใน 2 ปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501366062/video-cambodian-pm-says-new-siem-reap-international-airport-is-a-big-hope-for-tourism/

AMRO ปรับการเติบโต GDP ของกัมพูชาเหลือ 5.3%

องค์กรวิจัยเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (AMRO) ได้ปรับลดอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) กัมพูชา ลงเหลือร้อยละ 5.3 สำหรับการประมาณการครั้งที่ 3 ภายในปี 2023 ด้วยการสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงภาคการผลิตโดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่ม และกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง ขณะที่ภาคการผลิตเครื่องนุ่งห่มซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของกัมพูชามีอัตราการเติบโตที่ช้าลง และภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา จึงทำให้ AMRO ปรับลดการเติบโตของ GDP ลงเหลือร้อยละ 5.3 จากร้อยละ 5.7 ที่ได้คาดการณ์ไว้ในเดือนกรกฎาคม และร้อยละ 5.9 ในเดือนเมษายนปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501362523/amro-revises-down-cambodias-gdp-growth-to-5-3-for-2023/

ไทย-สปป.ลาว หารือกำหนดมาตรการใหม่ หวังกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว

เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ไทย และ สปป.ลาว ได้หารือร่วมกันถึงมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยจะเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวระหว่างกัน และเร่งสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ณ อำเภอปากชม จังหวัดเลย ด้านนายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมด้วย นายณรงค์ จีนอ่ำ พล.ต.ปริชญ์ สุคันธศรี ผู้บัญชาการทหารบกที่ 28 และคณะเจ้าหน้าที่ต่างๆ เข้าพบนายคำพัน สิดทิดำพา ผู้ว่าราชการจังหวัดเวียงจันทน์ ของ สปป.ลาว ณ โรงแรม S Vangvieng Boutique Hotel ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ถือเป็นการประชุมด้านความมั่นคงชายแดนไทย-สปป.ลาว ครั้งที่ 20 โดยได้มีการหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ภายหลังการตัดสินใจของรัฐบาลไทยในการอนุมัตินโยบายฟรีวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งสปป.ลาว วางแผนที่จะยกระดับเมืองชายแดนอย่างเวียงจันทน์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาจากประเทศไทยแล้วอาจมีการเดินทางท่องเที่ยวต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเลยหวังเป็นอย่างมากว่าโครงการต่างๆ จะส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ ระหว่าง สปป.ลาว และไทย ต่อไปในอนาคต

ที่มา : https://www.bangkokpost.com/thailand/general/2648313

สปป.ลาว พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะรัฐมนตรีท่องเที่ยวและ Tourism Forum 2024

ขณะนี้ สปป.ลาว กำลังเร่งเตรียมการเพื่อเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีการท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 27 และการประชุมการท่องเที่ยวอาเซียน (ATF) ครั้งที่ 42 ณ นครเวียงจันทน์ ระหว่างวันที่ 22-27 มกราคม ปีนี้ นำโดย Khom Douangchantha อธิบดีกรมการตลาดการท่องเที่ยว ซึ่งได้เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว (MICT) ได้จัดตั้งคณะกรรมการเตรียมการจำนวน 13 คณะ ซึ่งจะรับผิดชอบในการคัดเลือกสถานที่ และจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย รวมถึงจัดทำการ์ดเชิญสำหรับผู้นำประเทศต่างๆ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมการประชุมมากกว่า 800-1,000 คน ขณะที่ทางการ สปป.ลาว คาดหวังเป็นอย่างมากว่าจะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 2.7 ล้านคน เพื่อหวังกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/08/28/laos-gears-up-to-host-asean-tourism-ministers-meeting-tourism-forum-2024/

เติร์กเมนิสถานเตรียมเปิดเที่ยวบินตรงมายังกัมพูชา

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา (MoT) รายงานว่า เติร์กเมนิสถานจะกลายเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศเอเชียกลาง ที่จะมีการเชื่อมโยงเที่ยวบินตรงมายังเสียมราฐประเทศกัมพูชา ซึ่งคำยืนยันเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (14 ส.ค.) กล่าวโดย Muhammetnyyaz Mashalov เอกอัครราชทูตเติร์กเมนิสถานประจำกัมพูชา ขณะที่เขาเข้าเยี่ยมคารวะ Thong Khon รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ณ กรุงพนมเปญ ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีฯ ได้เน้นย้ำถึงปัจจัยด้านสันติภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาในกัมพูชา โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การปรับปรุงการบริการต้อนรับ และ ส่งเสริมการชำระเงินในระบบดิจิทัล สำหรับกัมพูชาคาดว่าจะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 5 ล้านคน ภายในปีนี้ ขณะเดียวกันกัมพูชาและเติร์กเมนิสถานกำลังเร่งดำเนินการร่วมกันในการส่งเสริมศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวในสองประเทศและมุ่งประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวต่างชาติในต่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501343430/turkmenistan-mulls-direct-flights-to-cambodia/

หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว สปป.ลาว วางแผนดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ

รัฐบาล สปป.ลาว กำลังเร่งจะจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติภายในปี 2025 ตามข้อมูลของกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว ซึ่งรวมถึงการพัฒนาตามแผนเพื่อยกระดับมาตรฐานของภาคการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และการเกษตร โดยนำเสนอคุณลักษณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น ด้วยการบูรณาการระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้หลุดพ้นจากความยากจน ขณะที่ปัจจุบันสิ่งอำนวยความสะดวกในการเอื้อต่อการท่องเที่ยว เช่น สถานีรถไฟ สปป.ลาว-จีน และศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว ก็เป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวมายัง สปป.ลาว มากขึ้น สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วง 2 ปี 5 เดือน สปป.ลาว ให้การต้อนรับเกือบ 5.6 ล้านคน สร้างเงินหมุนเวียนในประเทศกว่า 631 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้ เกือบ 3 ล้านคน เป็นชาว สปป.ลาว และเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.6 ล้านคน ขณะที่ระยะเวลาพำนักเฉลี่ยอยู่ที่ 7 วันต่อคน อ้างอิงจากกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_141_Tourism_y23.php

ADB คาดการท่องเที่ยวกัมพูชากลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) รายงานการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวภายในกลุ่มประเทศเอเชียและแปซิฟิก รวมถึงกัมพูชาที่สถานการณ์เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งได้รายงานไว้ใน Asian Development Outlook (ADO) ประจำเดือนกรกฎาคมปีนี้ โดยได้ปรับคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาไว้ที่ร้อยละ 5.5 ในปีนี้ และขยายตัวร้อยละ 6 ในปีหน้า จากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวและบริการที่แข็งแกร่งมากขึ้น สำหรับแนวโน้มการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวอยู่ที่ร้อยละ 7.3 ขณะภาคการเกษตรของกัมพูชาที่ถือเป็น 1 ใน 4 เสาหลักของระบบเศรษฐกิจ คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 1.1 อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาคอุตสาหกรรมจะเติบโตช้าลงมาอยู่ที่ร้อยละ 5.8 ในปีนี้ และร้อยละ 7.8 ในปีหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501327000/tourism-recovery-in-full-swing-says-adb/