“มูดี้ส์” ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของแบงก์เวียดนาม

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน ‘มูดี้ส์’ (Moody’s) ได้ปรับมุมมองความน่าเชื่อถือของธนาคาร Saigon Thuong Tin Commercial Bank (Sacombank) จากเดิมคงที่ ปรับขึ้นเป็นเชิงบวก (Positive) ซึ่งการปรับขึ้นเครดิตดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการประเมินในเรื่องของความสามารถในการจัดการสินเชื่อของธนาคาร ผ่านการบริหารหนี้สูญและการจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และยังได้ปรับอันดับจากระดับ Caa1 ขึ้นมาอยู่ที่ B3 นอกจากนี้ ธนาคาร Sacombank มีอัตราส่วนการกู้ยืมระหว่างธนาคารต่ำที่สุดในบรรดากลุ่มธนาคารที่ได้มีการจัดอันดับ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/moodys-upgrades-sacombanks-credit-rating-outlook-to-positive-post1016365.vov

“SCG” เดินหน้ารุกตลาดเวียดนาม

บมจ. เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) อนุมัติการลงทุนเข้าซื้อหุ้น 70% ของ Starprint Vietnam JSC (SPV) ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษแข็งแบบพับได้ ด้วยมูลค่า 1.53 พันล้านบาท หรือประมาณ 44.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้เป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจในตลาดเวียดนาม ทั้งนี้ นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง กล่าวว่าบริษัทจะเดินหน้าขยายโอกาสทางธุรกิจและเวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูง รวมถึงมีความต้องการผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัท SPV มีฐานลูกค้าที่โดดเด่นและมีประวัติที่ดีในเรื่องของความสัมพันธ์ทางการค้ากับบริษัทข้ามชาติและบริษัทระดับประเทศ โดยบริษัทดังกล่าวมีกำลังการผลิตการพิมพ์ออฟเซ็ท 16,500 ตันต่อปี และกล่องแข็ง 8 ล้านชิ้นต่อปี นอกจากนี้ เมื่อประเมินงบการเงินของบริษัท SPV ในปี 2565 พบว่ารายได้รวมของกิจการ อยู่ที่ 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยกำไรสุทธิหลังหักภาษี 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/thailands-packaging-company-to-expand-business-in-vietnam/252178.vnp

สื่ออินเดีย ชี้เวียดนามก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของเอเชีย

บทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ “THE STAT READE TIMES” เปิดเผยว่าเวียดนามจะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมชั้นนำของเอเชีย โดยเฉพาะเทคโนโลยีและเครื่องแต่งกาย โดยบทความข้างต้นระบุว่าบางประเทศในเอเชียยังอยู่ในช่วงค่อยๆ ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัส แต่เวียดนามยังคงมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และ GDP ของประเทศ เร่งขยายตัว 8.02% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 นับเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้ง เวียดนามมีแรงงานที่สามารถแข่งขันได้และต้นทุนการผลิตต่ำ ประกอบกับประชากรวัยหนุ่มสาว จำนวน 97 ล้านคน โดยสัดส่วนประชากร 70% อยู่ในช่วงอายุต่ำกว่า 35 ปี ซึ่งเป็นกำลังแรงงานจำนวนมากสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต

ที่มา : https://en.nhandan.vn/indian-newspaper-vietnam-could-be-asias-next-industrial-hotspot-post121907.html

บ.เสื้อผ้าญี่ปุ่นหนีจีนซบอาเซียนเหตุ ‘ค่าแรงพุ่ง-ซีโร่ โควิด’

บรรดาซัพพลายเออร์ที่ผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นให้แบรนด์เสื้อผ้าดังของญี่ปุ่นจำนวนมากเริ่มย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพื่อไปตั้งฐานการผลิตในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนแทน โดยเฉพาะในเวียดนามและกัมพูชา เนื่องจากต้นทุนค่าแรงงานในจีนที่แพงขึ้นและนโยบายกำจัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของทางการปักกิ่งให้เป็นศูนย์ ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ การเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ของบรรดาผู้ผลิตเสื้อผ้าญี่ปุ่น เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจท่ามกลางภาวะเงินเยนอ่อนค่าและต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้นมาก ขณะที่ความตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ที่มีผลบังคับไปเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา ก็มีส่วนช่วยต่อลมหายใจให้แก่บริษัทเหล่านี้ได้มาก โดยข้อมูลขององค์การการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ระบุเสริมว่า ค่าจ้างแรงงานรายเดือนโดยเฉลี่ยของคนงานในโรงงานในกวางโจวของจีนอยู่ที่ประมาณ 670 ดอลลาร์ สูงกว่าค่าจ้างรายเดือนคนงานในโฮจิมินห์ ซิตี้ของเวียดนามซึ่งอยู่ที่ประมาณ 270 ดอลลาร์และในกรุงธาดา บังกลาเทศซึ่งอยู่ที่ 120 ดอลลาร์

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/world/1042066

‘เวียดนาม’ เปิดตัวแอปอีคอมเมิร์ซของอุตสาหกรรมเครื่องกล

แอปอีคอมเมิร์ซสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลของเวียดนามได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ชื่อว่า “ซุปเปอร์มาร์เก็ตเครื่องกล” โดยมีเป้าหมายที่จะนำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมาสู่ชีวิตของผู้คนมากขึ้นและเป็นศูนย์รวมจำหน่ายสินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คุณ Nguyen Nhut Minh Tri ตัวแทนของทีมพัฒนาแอปพลิเคชั่น กล่าวว่าแรงงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลเวียดนามมักประสบปัญหาเกี่ยวกับการค้นหาอุปกรณ์ชิ้นส่วน ซึ่งแทบไม่มีสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ นั่นคือเหตุผลที่เริ่มต้นแอปนี้ และยังเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแห่งแรกสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องกลในเวียดนาม

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnam-launches-e-commerce-app-for-mechanical-industry-post120183.html

“กิจการเวียดนาม” มีส่วนร่วมจำกัดในห่วงโซ่อุปทานโลก

คุณ Pham Tuấn Anh รองผู้อำนวยการสำนักงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าในปัจจุบัน เวียดนามมีบริษัทผลิตและแปรรูป จำนวน 5,000 รายที่จัดหาชิ้นส่วน อะไหล่ในอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องกล โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 70% เป็นผู้ผลิตอุตสาหกรรมในประเทศ, 8% เป็นผู้ส่งออก และ 17% ทำทั้งสองอย่าง ในขณะที่ผู้ประกอบการเพียง 30% เท่านั้นที่มีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานโลกและห่วงโซ่คุณค่า

ทั้งนี้ คุณ Đỗ Thị Thúy Hương รองประธานสมาคมอุตสาหกรรมสนับสนุนและเกี่ยวเนื่อง กล่าวว่าความเฉพาะของอุตสาหกรรมนั้น ต้องการแหล่งเงินทุนและเทคโนโลยี ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่สำคัญของผู้ประกบอการเวียดนาม นอกจากนี้ ความเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจในเวียดนามยังมีอยู่อย่างจำกัดและอ่อนแอ เพราะกิจการไม่ได้ตระหนักถึงประโยชน์จากการเชื่อมโยงของธุรกิจท้องถิ่นหรือกิจการในประเทศและต่างประเทศ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1298262/vietnamese-enterprises-limited-in-global-supply-chain.html

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าปี 2573 ผู้ส่งออกอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก

เวียดนามตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่มีความสามารถการแข่งขันสูงและเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกรายใหญ่ 15 อันดับแรกของโลกภายในปี 2573 โดยตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าเวียดนามตั้งเป้าที่จะส่งเสริมผลิตภัณฑ์ 20 รายการที่ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ระดับโลกและมีความได้เปรียบในตำแหน่งห่วงโซ่อุปทานโลก ส่งผลให้กำลังผลิตของภาคอุตสาหกรรมสนับสนุนอยู่ที่ 70% ของอุปสงค์ในประเทศและกำลังผลิตในประเทศ 45% ทั้งนี้ กระทรวงฯ ร้องขอให้รัฐบาลมุ่งความสำคัญไปยังการพัฒนาเชิงคุณภาพแทนที่จะเป็นเชิงปริมาณ และใช้มาตรการต่างๆ เพื่อพัฒนากำลังผลิต ซึ่งหนึ่งเป็นจุดอ่อนหลักของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ กระทรวงฯ คาดว่าในปี 2573 ภาคการผลิตอุตสาหกรรมจะมีสัดส่วน 40% ของ GDP

 

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1166915/vn-aims-to-become-industrialised-world-exporter-by-2030.html

 

‘บริษัทญี่ปุ่น’ เล็งขยายการลงทุนอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่ภาคการผลิตในเวียดนาม

องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) เปิดเผยผลการสำรวจกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นในเวียดนาม 700 ราย พบว่าในภาพรวม บริษัทญี่ปุ่นเข้าไปขยายการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่ภาคการผลิต (Non-manufacturing Industries) มากขึ้น อาทิ อุตสาหกรรมการปลีก การศึกษา การดูแลสุขภาพ พลังงาน การเงินการประกันภัย การขนส่งและอสังหาริมทรัพย์ โดยยังพบว่าบริษัทญี่ปุ่นที่อยู่ในภาคการผลิตอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ 51.7% วางแผนที่จะขยายธุรกิจในเวียดนามอีก 1-2 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะเดียวกันเมื่อสอบถามถึงกลุ่มบริษัทที่ไม่ใช่ภาคการผลิตส่วนใหญ่ 58.7% ต้องการทำเช่นเดียวกัน เพิ่มขึ้น 12.1% ทั้งนี้ นาย Hirai Shinji หัวหน้าตัวแทนของ JETRO สาขานครโฮจิมินห์ กล่าวว่าบริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ในเวียดนามดำเนินธุรกิจการผลิตอุตสาหกรรม แต่ในปัจจุบันเม็ดเงินทุนจากต่างชาติกำลังไหลเข้าไปยังอุตสาหกรรมอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค การค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1165354/japanese-firms-in-viet-nam-eye-non-manufacturing-industries.html

 

‘เวียดนาม’ เผยเดือน ม.ค. ดัชนีผลผลิตอุตฯ โต 2.4%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (IPI) ในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปคิดเป็นสัดส่วน 70% ของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมทั้งหมดของประเทศและปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ สาขาหรือกิจกรรมการผลิตของภาคอุตสาหกรรมหลายด้านด้วยกันที่ผลักดันให้ดัชนีผลผลิตอุตฯ เติบโตสูงขึ้น ได้แก่ การขุดเหมืองแร่ (21.9%), การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะสำเร็จรูป (16.8%), หนังและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (12.3%), อุปกรณ์ไฟฟ้า (11.5%), การผลิตเสื้อผ้า (11.4%) สิ่งทอ (8.8%), ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก (8.1%) ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมที่ทำให้ดัชนีผลผลิตอุตฯ ปรับตัวลดลง ได้แก่ การผลิตเครื่องดื่ม (2.7%), การผลิตยาและเวชภัณฑ์ สมุนไพร (3.6%), อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ (5%), การแปรรูปไม้และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้ (5.1%), น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ (9.7%)

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/business/vietnam-business-news-february-1-813048.html

Digital marketing เทรนด์ใหม่ของอุตสาหกรรมอะโวคาโดในเมียนมา

Digital marketing ได้รับความสนใจในอุตสาหกรรมอะโวคาโด ปัจจุบันผลอะโวคาโดจำนวนมากจากเขตต่างๆ กำลังไหลทะลักเข้าสู่ตลาด โดยการส่งออกไปตลาดต่างประเทศมีอุปสรรคจากการขนส่งเพราะอยู่ในช่วง COVID-19 ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในประเทศเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งอะโวคาโดคุณภาพดีสามารถขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้และราคาที่เป็นธรรมถูกกำหนดไว้เพื่อป้องการการตั้งราคาที่สูงหรือต่ำจนเกินไป ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์มากขึ้นเมื่อมีผลอะโวคาโดจำนวนมากเข้าสู่ตลาด ซึ่งอะโวคาโดระยะเวลาเก็บเกี่ยวแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความสูงจากระดับน้ำทะเล โดยการเก็บเกี่ยวจะอยู่ระหว่างเดือนก.ย.ถึงเดือนก.พ. และอะโวคาโดพันธุ์ Hass เป็นที่ต้องการมากที่สุดในตลาด ทั้งนี้ราคาอะโวคาโดอยู่ที่ 9,500-10,000 จัตต่อกิโลกรัมสำหรับเกรด A ส่วนเกรด B อยู่ที่ 8,500 จัตต่อกิโลกรัม ส่วนเกรด C จะอยู่ที่ 6,500-7,000 จัตต่อกิโลกรัม และต่ำกว่าเกรด C จะอยู่ที่ 1,500 จัตต่อกิโลกรัม

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/digital-marketing-becomes-trendy-in-avocado-industry/