แรงงานสปป.ลาวมีฝีมือเริ่มกลับมาทำงานที่ไทย

สถิติจากกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมระบุว่า แรงงานกว่า 246,000 คน ได้เดินทางกลับจากไทยไปยังลาวตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่ เมื่อมีการเลิกจ้างจำนวนมาก โดยมีคนประมาณ 150,000 คน ที่เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว นายพงษ์สายศักดิ์ อินทรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสังคมสงเคราะห์ กล่าวว่า กว่าร้อยละ 50 ของแรงงานที่กลับมาทำงานในสปป.ลาวได้กลับมาทำงานที่ประเทศไทยแล้ว เขายังกล่าวเสริมว่านายจ้างในประเทศไทยมีความต้องการแรงงานที่มีทักษะเพิ่มขึ้นและเสนอค่าจ้างที่เหมาะสม ในขณะที่บริษัทในลาวยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ในขณะที่รัฐบาลกำลังจัดตั้งศูนย์จัดหางานในทุกจังหวัดของสปป.ลาวเพื่อช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวที่กลับมาโดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับงานใหม่แก่พวกเขา ศูนย์แห่งใหม่นี้จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ตลาดแรงงาน ทำหน้าที่เป็นฐานสำหรับการติดตามและรายงานเกี่ยวกับนโยบายการจ้างงานและแรงงาน และส่งเสริมการพัฒนาทักษะในการทำงาน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Skilledlao_22_22.php

ประเทศในอาเซียนให้ความสนใจ ในการใช้รถไฟลาว-จีนในการขนส่งสินค้า

ผู้ประกอบการจากประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมาร์ กำลังใช้บริการรถไฟลาว-จีน เพื่อนำเข้าและส่งออกสินค้าไปและกลับจากจีนและที่อื่นๆ Daovone Phachanthavong รองประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาวกล่าวกับ Vientiane Times ว่ามีการส่งสินค้าระหว่างจีนและประเทศสมาชิกอาเซียนผ่านทางรถไฟมากขึ้น อีกทั้งผู้คนจำนวนมากในประเทศอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย ต้องการเดินทางโดยรถไฟและเยือนวังเวียงและหลวงพระบางเมื่อการระบาดของโควิด-19 สงบลง ก่อนหน้านี้ประเทศไทยได้ส่งออกข้าว 1,000 ตันครั้งแรกไปยังฉงชิ่งในประเทศจีนและในอนาคตข้างหน้ารัฐบาลไทยกำลังพิจารณาส่งออกผลไม้ กล้วยไม้ ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม ประมง และปศุสัตว์ ด้านการลงทุนหลายบริษัทกำลังพิจารณาลงทุนในลาว เพราะสินค้าจากประเทศอาเซียนสามารถส่งไปยังยุโรปผ่านทางรถไฟลาว-จีนได้แล้ว

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_More_21.php

เกาหลีใต้แบ่งปันความเชี่ยวชาญทางการค้าให้กับสปป.ลาว

สปป.ลาวจะสามารถเพิ่มโอกาสในการส่งออกผ่านโครงการแบ่งปันความรู้ของสาธารณรัฐเกาหลี (KSP)  ตามนโยบายและแผนปฏิบัติการเชิงปฏิบัติเพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งออกและเพื่อบ่มเพาะสตาร์ทอัพระดับโลกที่เกิดในสปป.ลาว นอกจากนี้ยังจะจัดให้มีเซสชั่นการสร้างขีดความสามารถในเกาหลีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ในกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมอีกด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ ดร. มโนทอง วงษ์ไซ ที่ปรึกษาอาวุโส KSP กล่าวว่า “รัฐบาลสปป.ลาวตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าให้สินค้าสปป.ลาวโดยส่งเสริมการผลิตในประเทศที่ผสมผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าด้วยกันเพื่อกระตุ้นการส่งออก โครงการนี้สามารถสนับสนุนกระทรวงให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ในวิสัยทัศน์สำหรับปี 2564-2568 และ 2573 ตลอดจนช่วยให้ SMEs สปป.ลาวมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจดิจิทัล” เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงจะเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายระดับชาติเพื่อเพิ่มอัตราส่วนการค้าต่อ GDP เป็นร้อยละ 70 และปริมาณการส่งออกเป็นร้อยละ 50 ภายในปี 2568

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_S_Korea_20.php

MRC และ GIZ ลงนามข้อตกลงส่งเสริมความร่วมมือด้านน้ำข้ามพรมแดน

คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) และหน่วยงานพัฒนา GIZ ของเยอรมนีได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อดำเนินการระยะที่สองของโครงการความร่วมมือทางน้ำข้ามพรมแดนในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง โครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความสามารถของคณะกรรมาธิการในการเฝ้าติดตามและจัดการกับความท้าทายในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ซึ่งรวมถึงภัยคุกคามที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำท่วมและภัยแล้ง ดร.อนุลักษณ์ กิตติคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสำนักเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กล่าวในพิธีลงนามว่า “การสนับสนุนจากเยอรมนีจะปูทางให้เราได้พัฒนาความสามารถของเราต่อไปในการติดตามสถานะของแม่น้ำโขง รวบรวมข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและดำเนินการวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลที่ดีขึ้น และปกป้องอนาคตของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่พึ่งพาลุ่มน้ำในเชิงรุก”

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_MRC14.php

รัฐบาลสปป.ลาวห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรบางชนิด

รัฐบาลได้สั่งห้ามการนำเข้าผลผลิตทางการเกษตร ปศุสัตว์ และปลาบางประเภท โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการเพาะปลูกพืชผลและสัตว์เหล่านี้ในสปป.ลาวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากขึ้น ทั้งนี้สินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรอาจนำเข้าต่อไปได้ เช่น สเปิร์มของสัตว์เพื่อการเพาะพันธุ์ เมล็ดข้าว วัคซีนและอุปกรณ์สำหรับสัตว์ ยาสำหรับสัตว์ และอาหารสัตว์ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎ ต้องมีการใช้งานเฉพาะและไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในประเทศ และรวมถึงเนื้อวัว เนื้อแกะ และเนื้อนกกระจอกเทศระดับพรีเมียมที่เสิร์ฟในร้านอาหารและโรงแรมขนาดใหญ่ สปป.ลาวเผชิญกับการขาดดุลการค้ามาอย่างต่อเนื่อง การริเริ่มแนวทางดังกล่าวรัฐบาลสปป.ลาวพยายามลดความพึ่งพาจากต่างประเทศในอีกส่วนหนึ่งเป็นการสร้างความมั่นคงด้านอาหารในอนาคตให้แก่สปป.ลาวอีกด้วย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt13.php

บริษัทไทยทุ่ม 1 พันล้านดอลล์สรัฐฯ สร้างเมืองอัจฉริยะในสปป.ลาว

รัฐบาลลาวได้ให้สัมปทานแก่บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ของประเทศไทย วางแผนที่จะลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการก่อสร้างอมตะสมาร์ทแอนด์อีโคซิตี้ในภาคเหนือของสปป.ลาว จะเริ่มในต้นปีนี้ โดยมีโอกาสขยายตัวได้ถึง 20,000 เฮกตาร์ในระยะต่อไป เมืองอมตะสมาร์ทแอนด์อีโค มีเป้าหมายเพื่อให้บริการนักลงทุนต่างชาติในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก เครื่องจักร การแปรรูปอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนเคมีภัณฑ์และยา รวมถึงโลจิสติกส์และคลังสินค้า

อีกทั้งเมืองอัจฉริยะนี้ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟนาทวย ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนจีนประมาณ 20 กม. มีสถานีรถไฟสองแห่งซึ่งทำหน้าที่เป็นประตูระหว่างอาเซียนและจีนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนทางการค้า การสร้างเมืองอัจฉริยะไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในสปป.ลาว แต่ยังจะส่งเสริมให้นักลงทุนในภูมิภาคนี้ย้ายโรงงานของพวกเขามาที่นี่อมตะมีแผนจะเชิญบริษัทข้ามชาติและรัฐบาลจากจีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และไทย มาส่งเสริมโครงการอมตะสมาร์ทแอนด์อีโคซิตี้เพื่อพัฒนาโครงการนี้อย่างเต็มศักยภาพ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Thai_12_22.php

ธนาคารกลางสปป.ลาว เวียดนาม ลงนาม MOU แลกเปลี่ยนข้อมูล

ผู้ว่าการธนาคารแห่งสปป.ลาว (BOL) และธนาคารแห่งเวียดนาม (SBV) เพิ่งลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนข้อมูลในการกำกับดูแลการธนาคาร ข้อตกลงดังกล่าวได้ลงนามระหว่างการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการโดยนายกรัฐมนตรีพันคำ ตั้งแต่วันที่ 8-10 มกราคม 2565 เพื่อตอบรับคำเชิญจากนายกรัฐมนตรี พิม มินห์ ชินห์ ของเวียดนาม การลงนามในบันทึกความเข้าใจ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลในการกำกับดูแลการธนาคารที่ลงนามในปี 2551 เพื่อสะท้อนถึงการลงทุนด้านการธนาคารในปัจจุบัน  ข้อตกลงฉบับใหม่ระบุความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางทั้งสอง โดยเน้นที่การแบ่งปันข้อมูล การกำกับดูแลการธนาคารข้ามพรมแดน การตรวจสอบ ณ สถานที่ปฏิบัติงาน และการจัดการภาวะวิกฤตของธนาคารพาณิชย์ภายใต้การกำกับดูแลความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานบนพื้นฐานความไว้วางใจซึ่งกันและกันและ ความเข้าใจสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของธนาคารกลางทั้งสองในการส่งเสริมคุณภาพของการตรวจสอบการจัดตั้งข้ามพรมแดน การสร้างขีดความสามารถของผู้ตรวจสอบ และการวิเคราะห์ความเสี่ยงของธนาคาร ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธนาคารและความร่วมมือในการดำเนินการตามกรอบการบูรณาการการธนาคารในอาเซียนของทั้งสองธนาคารกลาง

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Lao_Vietnamese_10.php