ตำบลพวงพิน เขตซะไกง์ ผลผลิตข้าวช่วงมรสุม คาด ลดลงครึ่งหนึ่งจากปีก่อน

ผลผลิตข้าวในช่วงมรสุมของตำบลพวงพิน อำเภอพะงัน เขตซะไกง์ คาดลดลงมากกว่าครึ่งจากปีก่อน เนื่องจากขาดน้ำ สาเหตุจากปริมาณน้ำฝนน้อยลง ทำให้นาข้าวขาดน้ำและผลผลิตลดลง โดยปกติผลผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 60 ตะกร้าต่อเอเคอร์ทุกปี แต่ในปีนี้มีเพียง 30 ตะกร้าเท่านั้น ในตำบลพวงพิน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ โดยเกษตรกรส่วนใหญ่มีผลผลิตข้าวเปลือกน้อยลงและส่งออกข้าวน้อยลงในปีนี้เช่นกัน ในบรรดาเมืองจินดวินตอนบนริมแม่น้ำจินดวิน (Chindwin River) ของเขตซะไกง์ พบว่า ตำบลพวงพินมีผลผลิตข้าวมากที่สุด
ที่มา: https://news-eleven.com/article/222307

เดือนต.ค.-พ.ย.64 ภาคการผลิตเมียนมาดึงดูดเม็ดเงินลงทุนไปแล้วกว่า 75.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

คณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัท (DICA) เผย สถานประกอบการต่างประเทศส่วนใหญ่จับตาภาคการผลิตของเมียนมาเพื่อดูแนวโน้มการลงทุน พบว่าเมียนมาดึงดูดเม็ดเงินลงทุนประมาณ 75.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 8 โครงการ ในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.64 ของงบประมาณย่อยในปีงบประมาณปัจจุบัน ที่ผ่านมาการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปของเมียนมาลดลงอย่างมากจากความต้องการของตลาดสหภาพยุโรปที่ตกต่ำในเดือนที่แล้ว ส่งผลให้โรงงานผลิตเสื้อผ้าแบบ CMP (Cutting Making และ Packaging) ส่งผลโรงงานบางแห่งปิดตัวถาวรและชั่วคราว ทำให้คนงานหลายพันคนต้องตกงาน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมกำลังกลับสู่ภาวะปกติหลังจากมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับแรงงาน ภาคการผลิตของเมียนมาส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอที่แบบ CMP และถือเป็นส่วนสำคัญของ GDP ประเทศ เมียนมาดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มูลค่ากว่า 234.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากบริษัท 13 แห่งในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.64 เป็นการลงทุนในภาคเกษตรกรรม ปศุสัตว์และการประมง การผลิต พลังงาน การก่อสร้าง การขนส่งและการสื่อสาร โรงแรมและการท่องเที่ยว และบริการอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการขยายทุนโดยวิสาหกิจที่มีอยู่แล้วและการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา
ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/manufacturing-sector-attracts-75-6-mln-in-oct-nov/#article-title

Digital marketing เทรนด์ใหม่ของอุตสาหกรรมอะโวคาโดในเมียนมา

Digital marketing ได้รับความสนใจในอุตสาหกรรมอะโวคาโด ปัจจุบันผลอะโวคาโดจำนวนมากจากเขตต่างๆ กำลังไหลทะลักเข้าสู่ตลาด โดยการส่งออกไปตลาดต่างประเทศมีอุปสรรคจากการขนส่งเพราะอยู่ในช่วง COVID-19 ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในประเทศเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งอะโวคาโดคุณภาพดีสามารถขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้และราคาที่เป็นธรรมถูกกำหนดไว้เพื่อป้องการการตั้งราคาที่สูงหรือต่ำจนเกินไป ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์มากขึ้นเมื่อมีผลอะโวคาโดจำนวนมากเข้าสู่ตลาด ซึ่งอะโวคาโดระยะเวลาเก็บเกี่ยวแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความสูงจากระดับน้ำทะเล โดยการเก็บเกี่ยวจะอยู่ระหว่างเดือนก.ย.ถึงเดือนก.พ. และอะโวคาโดพันธุ์ Hass เป็นที่ต้องการมากที่สุดในตลาด ทั้งนี้ราคาอะโวคาโดอยู่ที่ 9,500-10,000 จัตต่อกิโลกรัมสำหรับเกรด A ส่วนเกรด B อยู่ที่ 8,500 จัตต่อกิโลกรัม ส่วนเกรด C จะอยู่ที่ 6,500-7,000 จัตต่อกิโลกรัม และต่ำกว่าเกรด C จะอยู่ที่ 1,500 จัตต่อกิโลกรัม

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/digital-marketing-becomes-trendy-in-avocado-industry/

CBM อนุญาตให้ใช้เงินหยวน-จัต ซื้อขาย ในเขตชายแดนจีน-เมียนมา

ธนาคารกลางเมียนมา หรือ CBM ประกาศ อนุญาตให้ใช้หยวนหรือจัตในการทำธุรกรรมในขตชายแดนระหว่างเมียนมาและจีนเพื่อสนับสนุนการค้าของสองประเทศ ซึ่งผู้ค้าชาวเมียนมาสามารถเปิดบัญชีที่ธนาคารที่กำหนดโดยสามารถชำระเงินหยวน-จัต ได้โดยตรง ทั้งนี้ธนาคารต้องปฏิบัติตามแนวทางการใช้เงินหยวนหรือจัดอย่างเคร่งครัดในการค้าขายข้ามพรมแดน โดยด่านข้ามพรมแดนระหว่างเมียนมา และจีน 5 แห่ง ได้แก่ ด่านมูเซ ด่านลิวจี, ด่านชินฉ่วยฮ่อ, ด่านคามาไพติ และด่านเชียงตุง ซึ่งด่านมูเซ เป็นด่านชายแดนที่มีความสำคัญมากที่สุด จากข้อมูล พบว่า เมียนมามีมูลค่าการค้าข้ามแดนผ่านด่านมูเซ 4.057 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2563-2564 โดยเป็นการส่งออกมีมูลค่า 2.9 พันดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้ามูลค่า 1.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/yuan-kyat-direct-trade-allowed-in-sino-myanmar-border-areas/

เมียนมาส่งออกปูนิ่มไปมากกว่า 600 ตัน ในทุกๆ ปี

ปูนิ่มจากรัฐยะไข่ของเมียนมาส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศกว่า 600 ตันต่อปี โดยตลาดสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง และประเทศต่างๆ ของยุโรป ในรัฐยะไข่ บริษัทแปรรูปปูสามารถผลิตได้ 15 ตันต่อเดือน และประมาณ 200 ตันต่อปี โดยจะถูกส่งไปยังห้องเย็นในนิคมอุตสาหกรรมไลง์ตายาเพื่อทำการบรรจุ โดยราคาปูนิ่มมีมูลค่าประมาณ 7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อกิโลกรัม ทั้งนี้การส่งออกปูนิ่มของบริษัทต่างๆ ของเมืองตาน-ดแว เมืองท่าสำคัญในรัฐยะไข่ พบว่า ในปีงบประมาณ 2561-2562  มีรายได้ 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปีงบประมาณ 2562-2563  มีรายได้กว่า 3.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในปีงบประมาณ 2563-2564 มีรายได้กว่า 4.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-yearly-ships-over-600-tonnes-of-soft-shell-crab-to-external-market/