สปป.ลาว-จีน ‘เล็งขยายทางด่วนเวียงจันทน์ถึงมณฑลยูนนาน’ เชื่อมการค้าและการลงทุน

นายหวัง ห่าว รองผู้ว่าการมณฑลยูนนานของจีนได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของ สปป.ลาว และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้การสนับสนุนโครงการความร่วมมือขยายทางด่วนจากนครหลวงเวียงจันทน์ ของ สปป.ลาว ถึงชายแดนมณฑลยูนนานของจีน จากเดิมที่มีทางด่วนเฟสที่ 1 เชื่อมระหว่างเวียงจันทน์กับวังเวียงที่เปิดให้ใช้งานมาตั้งแต่ปลายปี 2563 นอกจากนี้ สปป.ลาว ได้ขอให้ทางการจีนให้ความช่วยเหลือในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาและการจัดการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน หลังจากการค้าชายแดนระหว่าง สปป.ลาวและมณฑลยูนนานมีการเติบโตอย่างมาก จนถึงขณะนี้ มีบริษัทข้ามชาติจากมณฑลยูนนานมาลงทุนในลาวแล้วกว่า 297 บริษัท มีมูลค่าการลงทุนรวม 4.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งสองฝ่ายยกย่องความสำคัญของทางรถไฟลาว-จีน ซึ่งเชื่อมโยงมณฑลยูนนานกับเมืองหลวงของลาวที่มีส่วนในการสนับสนุนการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_244LaosChina_23.php

สปป.ลาว หนุน โลจิสติกส์เชื่อมทางรถไฟ จีน-สปป.ลาว

เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคปฏิวัติประชาชนลาว และประธานาธิบดีทองลุน สีสุลิด แห่งสปป.ลาว ได้เสนอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทำงานร่วมกับ ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าใน สปป. ลาว (Vientiane Logistics Park :VLP) เพื่อให้ประเทศเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค อีกทั้งยังขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกันทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินงานและกำหนดกฎหมายที่จำเป็นเพื่อหนุนอุตสาหกรรมให้เติบโดได้ดียิ่งขึ้น โดยการเปิดให้บริการของรถไฟลาว-จีนตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2564 มีรายงานว่า การขนส่งสินค้าเพื่อกระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ เป็นไปอย่างสะดวกสบายและรวดเร็วขึ้น ซึ่งมีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่การเปิดดำเนินการของ VLP มีการขนส่งสินค้าระหว่างไทยและจีนเพิ่มขึ้น คาดว่าจนถึงปี 2573 จะมีการเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 5 ล้านตู้ ครอบคลุมทั่วประเทศและจะมีการเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ 2 ล้านตู้ต่อปีผ่าน VLP และทางรถไฟ ทั้งนี้มีการประเมินว่า VLP จะสร้างรายได้ให้กับรัฐประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://english.news.cn/asiapacific/20220630/a006b98c589f4af28f9a3e7c8bee9323/c.html

กำหนดการศึกษาความเป็นไปได้ของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมใหม่

เจ้าหน้าที่จังหวัดพงสาลีได้ให้ไฟเขียวแก่กลุ่มธุรกิจจีนเพื่อดำเนินการสำรวจและศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมแห่งใหม่ (SEZ) หากได้รับการอนุมัติ โซนจะตั้งอยู่ในเขต Nhot-ou ของจังหวัดที่ชายแดนร่วมระหว่างลาว จีน และเวียดนาม  ภายใต้ MOU นั้น นักลงทุนจะต้องเริ่มการสำรวจและศึกษาความเป็นไปได้ภายใน 30 วันหลังจากลงนามในข้อตกลง ซึ่งมีอายุ 18 เดือน กลุ่มชาวจีนจะสำรวจพื้นที่ประมาณ 250 ตารางกิโลเมตรสำหรับโครงการ พื้นที่ดังกล่าวจะครอบคลุมพื้นที่ 100 ตารางกิโลเมตรสำหรับการบริการและการท่องเที่ยว ในขณะที่อีก 150 ตารางกิโลเมตรที่เหลือจะนำไปใช้เพื่อการเกษตรและการพัฒนาอุตสาหกรรม การศึกษาความเป็นไปได้และการสำรวจจะใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงเพื่อจัดทำแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตเศรษฐกิจเฉพาะ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Feasibility167.php