สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน กระทบ FDI กัมพูชา

กัมพูชาและประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง จากรายงานล่าสุดของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา โดยกล่าวเสริมว่าสงครามการค้าที่ยืดเยื้อได้ผลักดันให้เกิดความท้าทายที่สำคัญ ซึ่งทำให้กิจกรรมและการลงทุนระหว่างประเทศหลายประเทศชะลอตัวลง โดยรองผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ลุ่มน้ำโขงกล่าวว่าสงครามการค้าส่งผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวต่อประเทศ ซึ่งในระยะสั้นกัมพูชาจะได้รับประโยชน์ในแง่ของการค้าเพราะบริษัทจีนบางแห่งกำลังเผชิญกับการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดสหรัฐเนื่องจากมีการเก็บภาษีที่สูง ดังนั้นหลายบริษัทจึงมองหาฐานการผลิตใหม่เช่นกัมพูชา อย่างไรก็ตามในระยะยาวสงครามการค้าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจกัมพูชาไม่มากก็น้อย เช่นส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาน้อยลงและการลงทุนจากต่างประเทศในกัมพูชาลดลง โดย Nikkei Asian Review ได้รายงานเมื่อเร็วๆนี้ว่ามี บริษัท 16 แห่งกำลังมองหาฐานการผลิตใหม่จากจีนไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯเนื่องจากข้อพิพาททางการค้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677276/us-china-trade-tension-diverts-foreign-investments-to-kingdoms-benefit

จังหวัดบิ่นห์เยือง ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของคณะกรรมการประชาชนประจำจังหวัด (Provincial People’s Committee) เปิดเผยว่าจังหวัดบิ่นห์เยืองได้ดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) มากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งขยายตัวร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ประกอบกับจังหวัดดังกล่าวอยู่ในอันดับที่ 2 ของเป้าหมายการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ บิ่นห์เยืองได้ดำเนินการตั้งโครงการ FDI ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะใช้แรงงานน้อยลง พร้อมกับสร้างมูลค่าสูงขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/binh-duong-lures-over-3-billion-usd-in-foreign-investment/165675.vnp

‘กรุงฮานอย’ เป็นเมืองที่ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด ในช่วง 11 เดือนแรกปี 62

จากข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เปิดเผยว่าฮานอยยังคงเป็นเมืองที่ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุดในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 ด้วยมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของการลงทุนจากต่างชาติรวม โดยตัวเลขดังกล่าว มีมูลค่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้วอยู่ที่ 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เหตุผลที่นักลงทุนต่างชาติถึงเลือกเข้ามาลงทุนในฮานอย เนื่องมาจากโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ความพร้อมของเขตอุตสาหกรรม และการขนส่งที่สะดวก ทำให้กรุงฮานอยเป็นหนึ่งในเมืองหลวงศูนย์กลางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การค้าและบริการ รวมไปถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากร ทั้งนี้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม โดยในปีนี้ มีมูลค่าการลงทุนจากต่างชาติอยู่ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าจะมีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้นถึง 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/569661/ha-noi-attracts-highest-fdi-in-11-months.html#PcSlgw4fY54QgWt6.97

การลงทุนจากต่างประเทศพุ่งสูงขึ้น ในอุตสาหกรรมไม้แปรรูปเวียดนาม

จากรายงานของสมาคมไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้เวียดนาม เปิดเผยว่าโครงการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมไม้แปรรูปของเวียดนาม โดยในปีที่แล้ว มีผู้ประกอบการต่างชาติกว่า 529 ราย ที่มีมูลค่าการส่งออกราว 3.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.7 ของการส่งออกทั้งอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ในปัจจุบัน ยังมีบริษัทต่างชาติอื่นๆ อีกมากที่ให้บริการจัดเตรียมวัตถุดิบ เพื่อป้อนเข้าสู่บริษัทแปรรูปไม้และให้บริการด้านการขนส่งอีกด้วย ประกอบกับค่าจ้างแรงงานถูก การเข้าถึงวัตถุดิบได้ง่าย ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน และอัตราภาษี เป็นต้น เนื่องมาจากข้อตกลงการค้าเสรี ส่งผลให้อุตสาหกรรมดังกล่าวดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ สงครามการค้าสหรัฐฯและจีน จะสร้างโอกาสใหม่ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในอุตสาหกรรมไม้แปรรูปของเวียดนาม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/569605/foreign-investment-increases-in-wood-processing-industry.html#d7SY8bmUk5U1KudL.97

บิ่นห์เยืองดึงดูดเม็ดเงิน FDI พุ่งสูงขึ้น 69%

จากรายงานของระบบฐานข้อมูลส่วนกลางเวียดนาม (VGP) เปิดเผยว่าจังหวัดบิ่นห์เยือง (Binh Duong) ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ได้ดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศอยู่ที่ 9.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงปี 2559 – เดือนตุลาคม 2562 นับว่าเม็ดเงินลงทุนดังกล่าว เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ โดยส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนไปภาคอุตสาหกรรม การค้า และบริการ ทั้งนี้ เพื่อดึงดูเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศอย่างยั่งยืนในจังหวัด ทำให้ต้องมีการปรับปรุงโปรแกรมการลงทุนในช่วงปี 2559-2563 เพื่อจุดประสงค์ในการเพิ่มเงินทุน FDI กว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ในปี 2561 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 49.6 ของการลงทุนทั้งหมด และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของงบประมาณจังหวัด

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/fdi-poured-into-binh-duong-up-69-percent-406678.vov

นโยบายใหม่ต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเหล็กเมียนมา

บริษัท ผู้ผลิตเหล็กระหว่างประเทศในเขตเศรษฐกิจพิเศษติลาว่า กำลังมองหาโอกาสเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านการผลิตเหล็กในมีเพียง 50,000 ตัน แต่ยังมีศักยภาพมากเนื่องจากประเทศยังต้องการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากซึ่งต้องใช้เหล็ก โอกาสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จึงมีแนวโน้มที่ดี คาดเติบโต 7% โดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก ตลาดจะพัฒนาหากมีการสนับสนุนการผลิตเหล็ก ตอนนี้ส่วนใหญ่นำเข้าเป็นหลักซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในอุตสาหกรรมท้องถิ่น ความต้องการอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านถึง 2.5 ล้านตันต่อปี มากกว่า 90 % จากการนำเข้า อีกไม่กี่ปีความต้องการเหล็กจะเพิ่มขึ้นและทำไมต้องนำเข้าทั้งที่ผลิตได้เอง แต่ปัญหาคือการนำเข้าได้รับการยกเว้นภาษีซึ่งทำให้แข่งขันได้ยาก การนำเข้าส่วนใหญ่มาจากเวียดนามซึ่งได้รับการปกป้องด้วยนโยบายและกฎระเบียบ หากนโยบายที่คล้ายคลึงกันถูกนำไปใช้ในการผลิตเหล็กในประเทศจะเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่าคือ 50,000, 000 ตันภายในสิบปี หากการผลิตเหล็กเติบโตขึ้นจะสามารถยับยั้งการไหลออกของเงินสำรองต่างประเทศและกลายเป็นผู้ส่งออกเหล็กได้ สามารถเพิ่มการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/new-policies-needed-unleash-growth-steel-industry.html

FDI เมียนมาสูงกว่า 81 ล้านเหรียญสหรัฐ

คณะกรรมการการลงทุนของเมียนมา (MIC) ระบุว่า 50 ประเทศมีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 81,000 ล้านเหรียญสหรัฐจากปี 2531-2532 ปีงบประมาณถึงปี 2561-2562 ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในภาคน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและภาคไฟฟ้า MIC จัดประชุมครั้งที่ 18/2019 เมื่อวันที่ 16 พ.ย.และอนุญาตให้ธุรกิจใหม่ 8 ธุรกิจในการผลิตสัตว์และการประมง บริการอื่น ๆ และที่อยู่อาศัย การลงทุนรวมของธุรกิจใหม่มีมูลค่าประมาณ 165.853 ล้านเหรียญสหรัฐและ 99,443 ล้านเหรียญสหรัฐ สามารถสร้างโอกาสในการจ้างงาน 1,739 ตำแหน่งให้กับคนในท้องถิ่น โดย MIC เปิดโอกาสให้มีการลงทุนจากต่างประเทศมูลค่า 220 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในระยะเวลา 20 ปี และดำเนินการตามแผนส่งเสริมการลงทุนในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ระหว่างปี 2559-2560 ถึงปี 2563-2564 ปีงบประมาณระยะกลางจากปี 2564-2565 ถึงปี 2568-2569 ปีงบประมาณและระยะยาวจาก 2569-2570 ถึงปี 2578 2579 เมียนมาคาดจะมีเงินลงทุนต่างประเทศประมาณ 5.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562-2563

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/foreign-investment-reaches-over-us81-b

FDI เมียนมาโตช้าสุดในอาเซียน

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของเมียนมาล่าช้าสุดในอาเซียนตามรายงานของสำนักเลขาธิการอาเซียนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายงานการลงทุนของอาเซียนปี 62 มีการลงทุนไหลสูงเป็นประวัติการณ์ไปยังประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียนยกเว้นเมียนมาที่ลดลง โดยในปี 61 ลดลง 11% คิดเป็น 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุหลักมาจากการลดลง 48% ของการลงทุนในอุตสาหกรรมที่นำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต ส่วนใหญ่การลงทุนมาจากบริษัทสิงคโปร์และบริษัทในเครือของจีนหรือฮ่องกง ในปี61 การลงทุนภายในอาเซียนมากกว่า 48% จะเป็นอินโดนีเซีย สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ทำให้ FDI หลั่งไหลเข้ามาใน CLMV เพิ่ม 4% เป็น 23 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปีที่แล้วคิดเป็น 15% ในอาเซียน เวียดนามเป็นผู้นำในการดึงดูดเงินลงทุนกว่า 15 พันล้านเหรียญสหรัฐในกลุ่มประเทศ CLMV การไหลเข้าสูงจะเป็นของกัมพูชาและเวียตนามทำให้การลงทุนแข็งแกร่งขึ้น FDI ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์คือ 155 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 61 จากที่ 147 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 60 เพิ่มขึ้นเป็นปีที่สามติดต่อกัน โดยขยายตัวจาก 9.6% ในปี 60 เป็น 11.5% ในปี 61 เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 66% เข้าสู่ภาคบริการ (การเงิน ค้าส่งและค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์) ทำให้เป็นภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน FDI ในเมียนมาส่วนใหญ่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการเก็บรักษา ข้อมูลและการสื่อสาร

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-lags-asean-sees-record-fdi.html

กัมพูชาเป็นหนึ่งในสี่ประเทศในอาเซียนที่มี FDI อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

กัมพูชาเป็นหนึ่งในสี่ประเทศในอาเซียนที่มีการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสูงถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยจากการศึกษาของสำนักเลขาธิการอาเซียนและการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ซึ่งพบว่าการลงทุนโดยตรงภายในอาเซียนเพิ่มขึ้น 5% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 155 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว โดยมีสี่ประเทศที่ภาคการลงทุนทางตรงเพิ่มขึ้นคือ กัมพูชา, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์และเวียดนาม ตามรายงาน ซึ่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งด้านการผลิตและบริการสูงขึ้นกว่า 15% เป็น 3 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว โดยเฉพาะภาคการเงินและภาคการประกันภัย ซึ่งภาคบริการคิดเป็นกว่า 79% ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในขณะที่ภาคการผลิตคิดเป็น 12% โดย Shenzhou International Group Holdings (จีน) ซึ่งเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์รายใหญ่ของไนกี้เริ่มสร้างโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐในเขตเศรษฐกิจพิเศษของพนมเปญซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50657917/cambodia-among-four-in-asean-receiving-fdi-at-record-level/

เวียดนามเผยเม็ดเงิน FDI ไปยังนครด่งนาย ตรงตามเป้าที่ตั้งไว้

จากข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เปิดเผยว่าจังหวัดด่งนายได้รับเงินทุนโดยตรงจากต่างชาติไหลเข้ากว่า 1.46 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยโครงการ FDI ประมาณ 190 โครงการ ในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม นับว่าเกินกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ (46%) ซึ่งทางกระทรวงฯ ได้อนุมัติโครงการใหม่กว่า 93 โครงการ ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ โครงการปรับเพิ่มงบการลงทุน 670 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยโครงการส่วนใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ โครงการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ จังหวัดดังกล่าวได้รับเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ มูลค่า 29.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จำนวนโครงการ FDI 1,447 โครงการ ในปัจจุบัน ประเทศเกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น เป็นนักลงทุนรายใหญ่ในจังหวัดด่งนาย

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/fdi-inflow-to-dong-nai-province-breaks-target-405777.vov