ศูนย์อัญมณีในมัณฑะเลย์ปิดทำการ

ศูนย์ซื้อขายพลอยในมัณฑะเลย์จะปิดทำการจนถึงสิ้นเดือนแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื่อ COVID-19 ยังคงต่ำในภูมิภาค เลขาธิการคณะกรรมการบริหารศูนย์การค้าอัญมณี กล่าวว่าแม้ความพยายามของฝ่ายบริหารในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ COVID-19 ของรัฐบาลแต่ก็ยังถูกสั่งให้ปิดไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ศูนย์อัญมณีแห่งนี้ดึงดูดผู้คนหลายพันคนต่อวันรวมถึงผู้ซื้อจากจีน รัฐบาลระดับภูมิภาคได้ปลดล็อคจำกัดของมาตรการ COVID-19 โดยอนญาติทำให้เดินทาง โรงแรมสามารถกลับมาเปิดใหม่และเริ่มการผลิตได้หากปฏิบัติตามระเบียบ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/gemstone-centre-mandalay-stay-closed.html

อาเซียนถกแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด จ่อลงนามความตกลงยอมรับร่วมด้านยานยนต์ ส.ค.นี้

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เตรียมร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน หรือ SEOM ครั้งที่ 3/51 ผ่านระบบทางไกล หารือแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และมาตรการที่ออกมาใหม่ช่วงการแพร่ระบาด เตรียมพร้อมความตกลงยอมรับร่วม APMRA ให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจลงนามในเดือนสิงหาคม 2563 พร้อมถก 11 คู่เจรจา หาแนวทางจัดทำ FTA กับประเทศใหม่ๆ  และเพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 52 ในเดือนสิงหาคม และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 ในเดือนพฤศจิกายน 2563 การประชุม ครั้งนี้ จะหารือประเด็นผลกระทบทางเศรษฐกิจตลอดจนแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังโควิด-19 รวมถึงมาตรการที่แต่ละประเทศออกมาในช่วงการแพร่ระบาดใหญ่ รวมทั้งหารือเรื่องการดำเนินงานของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และการเตรียมพร้อมเพื่อลงนามความตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียน (APMRA) ซึ่งเป็นประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญ โดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจจะลงนามความตกลงร่วมกันในเดือนสิงหาคมนี้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของอาเซียนจะพบกับ 11 คู่เจรจา ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง สหรัฐฯ แคนาดา อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย และสหภาพยุโรป รวม 12 การประชุม โดยจะหารือประเด็นสำคัญ เช่น การเปิดเสรีเพิ่มเติมภายใต้ความตกลงที่มีอยู่เดิมกับจีน ความเป็นไปได้ในการเจรจาทำความตกลง FTA ใหม่ๆ กับแคนาดาและสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย ที่มีรัสเซียเป็นหัวเรือใหญ่ รวมถึงความคืบหน้าความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-สหรัฐฯ ความคืบหน้าการจัดทำขอบเขตการเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป และการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านเศรษฐกิจกับญี่ปุ่น เป็นต้น ทั้งนี้ อาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย โดยในปี 2562 การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่าการค้ารวม 107,928 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยเกินดุล 17,880 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 62,904 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 45,024 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค. – พ.ค.) มีมูลค่าการค้ารวม 41,218 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอาเซียนมูลค่า 24,697 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียนมูลค่า 16,522 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-493979

การท่องเที่ยวภายในประเทศกัมพูชาเริ่มฟื้นตัวในช่วงเดือนกรกฎาคม

นักท่องเที่ยวภายในประเทศทั้งหมดที่ได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วประเทศกัมพูชาอยู่ที่ 313,300 คน ในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม 2563 โดยตัวเลขดังกล่าวถูกเปิดเผยโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวทองคอน ซึ่งเสริมว่าแนวโน้มบ่งชี้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.67 เมื่อเทียบกับสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน โดยคิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศ 5,491 คน ลดลงร้อยละ 30.89 และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 307,809 คนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.54 แสดงให้เห็นมุมมองแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งในเดือนสิงหาคมเนื่องจากผู้คนจะมีวันหยุดยาว (เพื่อชดเชยวันหยุดปีใหม่กัมพูชาของพวกเขา) ตามด้วยเทศกาลวันหยุดประชุมแบนในเดือนกันยายน ในขณะที่สถานการณ์ COVID-19 ภายในประเทศก็เริ่มที่จะดีขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50746062/domestic-tourism-takes-off-with-a-bang-over-310000-tourists-travel-in-first-two-weeks-of-july/

ด่านศุลกากรกัมพูชามีรายรับ 1.3 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรก

กรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) ของกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน มีรายรับรวมกว่า 5,152,600 ล้านเรียล หรือ 1,272.2 ล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งปีแรกลดลงร้อยละ 16.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวได้รับการเปิดเผยในการแถลงข่าวล่าสุดเกี่ยวกับผลการประชุมทบทวนของ GDCE โดยมีผู้อำนวยการทั่วไปเป็นประธาน โดยรายได้นี้คิดเป็นร้อยละ 43.9 ของเป้าหมายที่ระบุไว้ในกฎหมายงบประมาณปี 2563 ซึ่งกล่าวว่ารายได้จากการนำเข้ายานพาหนะลดลงร้อยละ 31.7, วัสดุก่อสร้างลดลงร้อยละ 28.2 ขณะที่เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และ สินค้าโภคภัณฑ์ลดลงร้อยละ 3.1 โดยในช่วงเวลาเดียวกันภาษีนำเข้าลดลงร้อยละ 19.8, ภาษีพิเศษลดลงร้อยละ 21.6 และภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 9.6 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลดลงของรายได้ศุลกากรส่วนใหญ่มาจากผลของการระบาด COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออกของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50746083/cambodian-customs-collects-1-3-billion-in-first-semester/

เกาหลีใต้ส่งออกไอศกรีมพุ่งไปเวียดนาม

จากรายงานของสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งประเทศเกาหลีในต่างประเทศ (KOTRA) เมื่อวันที่ 19 ก.ค. เปิดเผยว่าการส่งออกไอศกรีมไปเวียดนามของเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ในปี 2562 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกระแสนิยมวัฒนธรรมเกาหลีใต้ที่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปี 2562 มูลค่าส่งออกไอศกรีมไปเวียดนามอยู่ที่ 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อปีที่แล้ว เวียดนามนำเข้าไอศกรีมจากเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.6 ทั้งนี้ ทางฝั่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าการเติบโตดังกว่าว เป็นผลมาจากคลื่นวัฒนธรรมเกาหลี “ฮันรยู” ในแถบประเทศเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าบันเทิงและอาหาร รวมถึงเวียดนามเป็นแหล่งลงทุนสำหรับอุตสาหกรรมไอศกรีม เนื่องจากรายได้เฉลี่ยของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นจุดมุ่งหมายของการส่งออกไปต่างประเทศอันดับที่ 3 ของเกาหลีใต้ ในปี 2562 รองจากจีนและสหรัฐฯ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/korean-ice-cream-exports-to-vietnam-surge/178826.vnp

รายได้ของคนเวียดนามดิ่งลง 90% เหตุโควิด-19

การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้รายได้ของคนเวียดนามลดลงถึงร้อยละ 90 และต้องลดค่าใช้จ่ายลง ซึ่งจากผลสำรวจของอิปซอสส์ (Ipsos) จำนวนตัวอย่าง 500 ราย พบว่ารายได้ของคนเวียดนามลดลงกว่าร้อยละ 20 ส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานไร้ฝีมือ ขณะที่ ผู้ที่มีรายได้น้อย ร้อยละ 17 (ประมาณ 323 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน) กล่าวว่าครอบครัวของเขาต้องลดค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยว การกินอาหารนอกบ้าน เสื้อผ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่าง 2 ใน 3 คาดว่ารายได้อาจเพิ่มขึ้นในอนาคตอันเร็วๆนี้ เนื่องจากเวียดนามไม่พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อรายใหม่ในชุมชนนานกว่า 3 เดือน ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) แสดงให้เห็นว่าผู้คนตกงาน 31 ล้านคนหรือร้อยละ 57.3 ที่รายได้ปรับตัวลดลงจากโควิด-19 อีกทั้ง รายได้เฉลี่ยของคนเวียดนามลดลงร้อยละ 10.2 ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ อยู่ที่ 224 ดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/pandemic-lowers-incomes-of-90-of-vietnamese-416265.vov

สปป.ลาวยังคงปิดชายแดนแต่อนุญาตให้บางกลุ่มสามารถเดินทางได้

สปป.ลาวยังคงปิดด่านเพื่อให้มั่นใจในการแพร่ระบาดของ COVID-19 ว่าชาวต่างชาติจะไม่นำเชื้อเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศแต่ถึงอย่างไรก็ยังคงมีการเปิดเที่ยวบินสำหรับการเดินทางของแขกพิเศษของรัฐบาลเช่น นักการทูตและนักเรียนต่างชาติโดยต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยหากมีความประสงค์เดินทางออกนอกประเทศต้องแจ้งวัตถุประสงค์เฉพาะและรายละเอียดของการเดินทางของพวกเขามายังหน่วยงาน รวมถึงผู้ป่วยที่แสวงหาการรักษาพยาบาลในต่างประเทศจะได้รับอนุญาตให้ออกจากสปป.ลาวได้แต่จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดในการเข้าประเทศปลายทาง ปัจจุบันเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ดำเนินการคือเที่ยวบินจากเวียงจันทน์ไปยังเมืองคุนหมิงของมณฑลยูนนานในประเทศจีน

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/07/19/laos–borders-remain-closed-to-foreigners-but-resume-flights-on-vientiane-hanoi-route

สปป.ลาว, จีนเพื่อร่วมมือในโครงการลดการปล่อย CO2

สปป.ลาวและจีนจะร่วมมือในโครงการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยการสร้างพื้นที่สาธิตการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ (CO2) ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจไชยเชษฐา (SDZ) นครเวียงจันทน์ บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของสปป.ลาว และกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมของจีน โดยลงนามทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งสองฝ่าย ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีทั้งสองและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือในการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระหว่างสองประเทศ พื้นที่สาธิตการปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำใน SDZ  โครงการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งรัฐบาลสปป.ลาวและจีนได้มอบหมายให้ SDZ ดำเนินการและพัฒนา มันเป็นหนึ่งใน 10 โครงการสาธิตการปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำของจีนในประเทศกำลังพัฒนา พื้นที่สาธิต SDZ จะดำเนินการตามแผนการปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำเป็นแบบจำลองสำหรับการขนส่งโดยใช้ยานพาหนะไฟฟ้าและช่วยเหลือภาคอื่น ๆ รวมถึงการสื่อสารโครงการสาธารณะเพื่อเสริมสร้างความพยายามในการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสปป.ลาวและสนับสนุนแผนการพัฒนาที่ยั่งยืน และจะมีการสนับสนุนพื้นที่ใน SDZ โดยการสร้างแผนโครงการรวมถึงจัดหาอุปกรณ์ก่อสร้างและยกระดับความเชี่ยวชาญในการปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำผ่านการฝึกอบรมและกิจกรรมอื่น ๆ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Lao_China_to138.php