ซูซูกิเปิดแผนผ่อนชำระสำหรับรถสี่รุ่น

บริษัท รถยนต์ซูซูกิเมียนมาร์มอเตอร์ จำกัด เปิดตัวแผนการผ่อนชำระใหม่สำหรับรถยนต์สี่รุ่นในสายการผลิตในประเทศ โดยร่วมมือกับธนาคารสหกรณ์ จำกัด (มหาชน) โดยโครงการใหม่นี้สำหรับผู้ที่ซื้อรุ่น Ciaz, Ertiga, Swift GL และ Swift GLX ในเดือนนี้ โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อด้วยการชำระเงินดาวน์ 20 เปอร์เซ็นต์จากนั้นชำระยอดเป็นรายเดือนรวมถึงประกันของ GGI Insurance วัตถุประสงค์ของธนาคารคือการส่งเสริมการบริการทางการเงินใหม่ ๆ สำหรับผู้บริโภค รถซูซูกิที่เข้าร่วมในโครงการนี้ ได้แก่ Ciaz ราคาอยู่ที่ 27 ล้านจัต, Ertiga mpv ที่ 27.2 ล้านจัต, Suzuki Swift GL และ GLX  แฮทช์แบค ที่ .9.9 ล้านจัตและ 24.1 ล้านจัตตามลำดับ

ที่มา :https://www.mmtimes.com/news/suzuki-launches-instalment-plan-purchases-four-models.html

ตัวเลขนักท่องเที่ยวเมียนมาเพิ่ม

กระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวเผยข้อมูลตั้งแต่เดือน ม.ค-ก.ย.ปีนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากกว่า 1.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 390,000 รายหรือ 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นประเทศในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่นเ กาหลีใต้ และจีน ผลจากการผ่อนคลายวีซ่าในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว วีซ่าอนุญาตให้พำนักในประเทศได้นานถึง 28 วัน ในวันที่ 1 ตุลาคมรัฐบาลได้ขยายวีซ่าเดินทางเข้าประเทศจากเยอรมนี รัสเซีย สเปน อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรเลียเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศตะวันตกให้มากขึ้น นักท่องเที่ยวมีเวลาน้อยมากในการเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวในปีนี้รับรู้เรื่องการผ่อนคลายวีซ่าล่วงหน้าแค่ 3 เดือน มีเพียงนักเดินทางแบบแบ็คแพ็คเท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินกับนโยบายใหม่ได้ ตั้งแต่ ม.ค. –ก.ย.ปีนี้มีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปกว่า 120,000 คน ลดลง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากข้อมูลพบว่าผู้มาเยือนจากเยอรมนี อิตาลี รัสเซีย สเปน และโปแลนด์ใช้เวลาเฉลี่ย 14 วันและอยู่ในกลุ่มผู้ใช้จ่ายสูงสุด

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/tourist-numbers-myanmar-rise.html

รัฐบาลต้องการกลไกที่แข็งแกร่งเพื่อลดการกระทำผิดทางการเงิน: NA

สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ กระตุ้นให้รัฐบาลกำหนดมาตรการที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขการละเมิดที่เกี่ยวข้องกับการเงินของรัฐ องค์กรตรวจสอบของรัฐฝ่ายนิติบัญญัติกล่าวว่ามันไม่สมเหตุสมผลหากรัฐบาลไม่ได้ทำตามผลการตรวจสอบของหน่วยงานตรวจสอบ และรัฐบาลควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นใช้จ่ายเงินของรัฐซึ่งไม่รวมอยู่ในงบประมาณของรัฐในกรณีฉุกเฉิน สิ่งนี้จะช่วยกำจัดการละเมิดวินัยทางการเงิน และได้นำเสนอการตรวจสอบทางการเงินในปี 61 พบว่าหน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่นหลายแห่งไม่ได้ส่งเงินที่เก็บรวบรวมเพื่อส่งไปยังคลังแห่งชาติตามที่กฎหมายกำหนด ประมาณ 433 ล้านกีป สมาชิกสมัชชาแห่งนครหลวงเวียงจันทน์กล่าวว่าควรมีการจัดตั้งหน่วยงานกลาง สมาชิกสมัชชาแห่งแขวงสะหวันนะเขตกล่าวว่าขอให้หน่วยงานกลางจัดให้มีการดูแลอย่างใกล้ชิดและทันท่วงที และการเชิญหน่วยงานของรัฐมาอธิบายการกระทำผิด สมาชิกสมัชชาแขวงเชียงขวางกล่าวว่ารัฐบาลควรลดงบประมาณที่จัดสรรให้กับหน่วยงานของรัฐที่ยังคงละเมิดกฎระเบียบ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_needs_250.php

อนาคตของมหานครย่างกุ้ง

มหานครย่างกุ้งในอนาคตกำลังจะพัฒนาด้วยโครงการ 80 เมกกะโปรเจ็ค ผู้ประกอบการไทยที่ SMEs จะได้ประโยชน์จากโครงการเหล่านี้แน่นอน เพราะสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ด้วยเหตุผลทางภูมิศาสตร์ เรามีความสะดวกที่จะส่งสินค้าเข้าไปได้หลากหลายกว่าประเทศอื่นๆ ยกเว้นจีนที่เขามีชายแดนติดกับเมียนมายาวเช่นเดียวกับเรา แต่ไทยได้เปรียบเพราะใกล้เมืองหลวงเก่าเมืองย่างกุ้งกว่าจีน โครงการหนึ่งที่มีผลต่อการพัฒนามหานครย่างกุ้งอย่างมาก คือ โครงการสร้างถนนวงแหวนรอบนอกรอบที่หนึ่งและรอบที่สอง ทางด่วนที่ก่อสร้างนี้จะเป็นทางยกระดับสองชั้น ที่มีทั้งถนนหกเลน และมีทางรถไฟอยู่ด้วย ข้างล่างจะเป็นทางถนนธรรมดา ซึ่งธุรกิจต่อเนื่องทั้งต้นน้ำปลายน้ำล้วนได้ประโยชน์ทั้งสิ้น เริ่มจากการที่สถาปนิกที่ใช้ออกแบบต่างๆ ซึ่งเมียนมานิยมจ้างสถาปนิกจากประเทศสิงคโปร์ ขณะที่ค่าจ้างของสถาปนิกไทยถูกกว่าสิงคโปร์มากกว่าครึ่งแต่คุณภาพไม่ต่างกัน ต่อมาวิศวกรอาชีพนี้ก็เช่นเดียวกัน และผู้ประกอบการที่ค้าขายอุปกรณ์ก่อสร้างต่างๆ โอกาสของ SMEs ก็มีเช่นกัน อย่างผู้รับเหมาก่อสร้างที่สามารถรับช่วงงานต่อจากผู้เล่นรายใหญ่ ผู้ตกแต่งภายในที่จะมีมากขึ้นในการพัฒนาประเทศคราวนี้ ดังนั้นยังมีความต้องการอีกมากมายและยังต้องใช้เวลาอีกยาวนาน เมียนมาคือตลาดแห่งสุดท้ายของประเทศ CLMV ที่กำลังเปิดอยู่ ดังนั้นไทยควรรีบความโอกาสนี้ไว้ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มดุเดือดขึ้น

ที่มา: https://www.posttoday.com/aec/trade/604710

ราคาข้าวในสปป.ลาวมีแนวโน้มสูงขึ้นในปีหน้า

ตลาดข้าวในสปป.ลาวอาจมีความผันผวนมากขึ้นในปี 63 เนื่องจากการเก็บเกี่ยวอาจไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 62 ซึ่งคาดว่าจะให้ผลตอบแทนรวมประมาณ 3.5 ล้านตันซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ 4.4 ล้านตัน ราคาที่สูงขึ้นเกิดจากปัญหาการขาดแคลน การเก็บรักษา และความยากลำบากในการจัดหาข้าว นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว ได้ระบุปัจจัยบางประการที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตข้าวในปี 62 ว่าการซ่อมแซมช่องทางชลประทานจำนวนมากที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในปี 61 ยังไม่สมบูรณ์และระบบชลประทานไม่สามารถจ่ายน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร ในปี 62 ฤดูแล้งยาวนานกว่าปกติส่งผลให้เกิดภาวะแห้งแล้งซึ่งประสบปัญหาในบางพื้นที่เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการระบาดของศัตรูพืชและน้ำท่วมอย่างรุนแรง ในปีนี้ข้าวนาปี ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติเกือบ 172,000 เฮกตาร์ ข้าวประมาณ 105,200 เฮคตาร์ ถูกกำจัดออกไปอย่างสมบูรณ์ซึ่งคิดเป็น 13.63% ของการปลูกข้าวนาปีทั่วประเทศ

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-11/14/c_138554434.htm

ผู้ส่งออกตกลงราคาข้าวเปลือกอินทรีย์ในชุมชนกัมพูชา

ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชียได้ตกลงลงนามซื้อข้าวเปลือกจากชุมชนเกษตรกรรมในพระวิหารบนราคาเดียวกันในฤดูเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้ายแม้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ระหว่างประเทศจะลดลงก็ตาม  โดยราคาที่ตกลงกันสำหรับข้าวขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้าวแต่ละชนิด เช่นข้าวขาวปกติจะถูกซื้อในราคา 1,200-1,300 เรียลต่อกิโลกรัม ส่วนราคาของข้าวหอมมะลิถูกตั้งไว้ที่ 1,450-1,650 เรียลต่อกิโลกรัม ซึ่งบริษัทได้เข้าร่วมโครงการทำสัญญากับชุมชนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มการเข้าถึงตลาดให้กับเกษตรกรและช่วยให้พวกเขาเข้าถึงห่วงโซ่อุปทานในท้องถิ่น ซึ่งจะส่งออกข้าวไปยังยุโรปนอกจากนี้ยังมีผู้ซื้อในสหรัฐฯและออสเตรเลีย โดยบริษัทกำลังมองหาซัพพลายเออร์ข้าวอินทรีย์ในจังหวัดบันทายมีชัยและจังหวัดเสียมราฐเพิ่มเติม ซึ่งระบุว่าข้าวอินทรีย์มีปริมาณมากกว่าข้าวธรรมดาทั่วไป 25-30% ในตลาดต่างประเทศ ซึ่งAmru Rice คือผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่รายหนึ่งประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่า บริษัท ได้เข้าร่วมโครงการทำสัญญากับเกษตรกรประมาณ 5,000 รายและตั้งเป้าที่จะส่งออกข้าวอินทรีย์กว่า 20,000 ตันไปยังตลาดต่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50659140/exporter-communities-agree-price-for-organic-paddy-rice/

เทศกาลน้ำของกัมพูชามีผู้เข้าชมกว่า 4.7 ล้านคน

มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 4.7 ล้านคน เข้าชมเมืองหลวงในช่วงวันหยุดเทศกาลน้ำสามวัน ตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับวันหยุดในปีที่แล้ว ซึ่งรายงานระบุว่ามีชาวกัมพูชากว่า 4.7 ล้านคนและชาวต่างชาติที่เดินทางมาอีก 31,446 คน ไปเยี่ยมชมกรุงพนมเปญในช่วงวันหยุดสามวัน โดยโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าวว่าวันแรกของเทศกาลน้ำมีผู้เข้าชมประมาณครึ่งล้านคนเท่านั้น แต่ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากในอีกสองวันถัดมา ซึ่งในวันที่ 2 และ 3 จำนวนผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเพราะผู้คนรู้สึกปลอดภัยและต้องการสนุกสนานกับเทศกาลน้ำ โดยเทศกาลน้ำเป็นหนึ่งในวันหยุดหลักในปฏิทินกัมพูชา ซึ่งจะมีการแข่งเรือที่ด้านหน้าของพระบรมมหาราชวังในช่วงกลางวันและการแสดงแสงสีบนเรือรวมถึงดอกไม้ไฟในยามกลางคืน โดยจากรายงานของกระทรวงพบว่ามีผู้คนเดินทางไปยังกัมพูชาจำนวนกว่า 5.8 ล้านคนในช่วงสามวันของเทศกาลน้ำ ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเป็นนักท่องเที่ยวประมาณ 89,500 คนเป็นชาวต่างชาติ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50659038/capital-draws-4-7-million-visitors-during-festival/

“อุตตม” คาดเศรษฐกิจ’63 ยังผันผวน พร้อมออกมาตรการดูแล เล็งใช้ตลาดทุนขับเคลื่อนศก.ไทย

นายอุตตม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมการลงทุนแห่งปี SET in the City 2019” ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2563 ยังคงมองว่ามีความผันผวน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มองว่าเศรษฐกิจไม่ดี เพียงแต่ว่ามีความไม่แน่นอนสูง รัฐจึงจะต้องเตรียมความพร้อมด้วยการออกมาตรการมาดูแลอย่างใกล้ชิดจะต้องพิจารณาในความเหมาะสม เนื่องจากต้องการที่จะประคับประครองเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ดี ยังคงมองว่าตลาดทุนมีความสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศไทย โดยกระทรวงการคลังได้ขอให้ตลาดหลักทรัพย์เข้ามามีส่วนช่วยในการดูแลและพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการให้ความรู้ทางด้านการเงินแก่ประชาชนในต่างจังหวัด เนื่องจากมองว่า การลงทุนจะเกิดขึ้นได้ไม่เฉพาะในเขตเมือง แต่ในต่างจังหวัดเองก็เป็นแหล่งทุนที่มีความมั่งคั่งที่จะทำให้เกิดการระดมทุนผ่านตลาดทุน โดยเฉพาะในภูมิภาคกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการระดมทุนในภูมิภาค

ที่มา : https://www.prachachat.net/finance/news-391286