‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลโต 25% ปี 68

จากการประชุมเชิงปฏิบัติการการตัวชี้วัดและวิธีการวัดผลของมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจดิจิทัลในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และผลิตภัณฑ์มวลรวมภูมิภาค (GRDP) เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. โดยคุณเหวียน ธิ ถู เฮือง จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) กล่าวว่าสัดส่วนมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจดิจิทัลต่อจีดีพี ตั้งแต่ปี 2563-2565 อยู่ที่ 12.75% และ 12.67% ในปี 2565

ทั้งนี้ หากพิจารณาแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ พบว่าภาคบริการเวียดนามมีส่วนผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุด 6.59% ในปี 2563-2565 ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง 6.11% และภาคเกษตรกรรมมีตัวเลขต่ำที่สุด 0.05% ของ GDP อย่างไรก็ดี ขนาดของเศรษฐกิจดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2563-2565 แสดงให้เห็นถึงการส่งเสริมของรัฐบาลที่จะพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล อีกทั้ง เศรษฐกิจดิจิทัลคาดว่าจะมีสัดส่วน 25% ของ GDP เวียดนามในปี 2568 และเพิ่มขึ้น 30% ในปี 2573 ตามมติของคณะกรรมการที่ 52 (52/HQ-TW)

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-projects-high-proportion-of-digital-economy-in-gdp-2223887.html

‘เวียดนาม’ คาดส่งออกข้าวปีนี้ ทะลุ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) เปิดเผยว่าทั้งปริมาณและมูลค่าการส่งออกข้าวในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่ายอดการส่งออกข้าวในปีนี้จะสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการส่งออกข้าวสาร (Milled rice) ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 7.75 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 4.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.2% และ 36.3% เมื่อเป็นรายปี ในขณะที่ราคาส่งออกเฉลี่ย 568 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

ทั้งนี้ จากการประชุมเชิงปฏิบัติการการ นายเจิ่น แทงห์ นาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวว่าข้าวมีบทบาทสำคัญต่อภาคเกษตรกรรมในเวียดนามและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และในอนาคตข้างหน้า ตลาดข้าวจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีความต้องการมากขึ้นจากจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ตะวันออกกลางและแอฟริกา

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ มองว่าการเติบโตของปริมาณการส่งออกข้าวมีทิศทางสูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อสต๊อกของประเทศผู้ส่งออก และดันราคาส่งออกข้าวปรับตัวเพิ่มขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1638131/rice-exports-expected-to-hit-us-5-billion-this-year.html

นายกฯ สปป.ลาว ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-ญี่ปุ่น เน้นความร่วมมือระดับภูมิภาค

การประชุมสุดยอดผู้นำจากประเทศในกลุ่มอาเซียนและญี่ปุ่น มีความตั้งใจในการทบทวนความร่วมมือในช่วงห้าทศวรรษที่มุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยการประชุมได้จัดลำดับความสำคัญของการสร้างวิสัยทัศน์ใหม่และความร่วมมือที่จับต้องได้ เน้นย้ำความพยายามในการทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับความท้าทาย ต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมความร่วมมือทางอุตสาหกรรม ทั้งนี้ นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว มีส่วนร่วมในการอภิปรายทวิภาคีกับผู้นำจากทั่วภูมิภาค ในฐานะที่ สปป.ลาว กำลังเตรียมที่จะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้การสนับสนุน สปป.ลาว โดยเน้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ก้าวข้ามความสัมพันธ์ที่นอกเหนือไปจากธุรกิจ และส่งเสริมความไว้วางใจผ่านความท้าทายร่วมกัน เนื่องจากมีบริษัทญี่ปุ่นประมาณ 160 แห่งที่ทำธุรกิจใน สปป.ลาว ซึ่งมีส่วนสนับสนุนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมลาวเป็นอย่างมาก และสร้างโอกาสในการจ้างงานโดยส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และอำนวยความสะดวกในการถ่ายทอดเทคโนโลยี

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/12/15/lao-pm-to-join-asean-japan-summit-focus-on-regional-cooperation/

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในปี 2567 จากการท่องเที่ยวและการส่งออก

เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโต 2.4% ในปีนี้ และขยายตัว 3.2% ในปี 2567 อย่างไรก็ตาม หากคานึงถึงผลกระทบของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล อัตราการเติบโตในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.8% ลดลงจากประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 4.4% โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการส่งออกที่ฟื้นตัว การบริโภคภายในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้จ่ายภาคบริการ ประกอบกับการจ้างงานและรายได้ที่ดีขึ้น ปัจจัยสาคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่ ภาคการท่องเที่ยวคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไม่ต่ากว่า 30 ล้านคน สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มการเติบโตในภาคการบริการ การขนส่ง และการค้าปลีก ภาคการส่งออกคาดว่าจะเติบโต 3.8% ในปี 2024โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวปานกลางในเศรษฐกิจโลกการฟื้นตัวของการส่งออกจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษในภาคอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ และการบริโภคในประเทศคาดว่าจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสาคัญในการเติบโตในปี 2024 การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะเติบโต 3.5% โดยได้แรงหนุนจากค่าจ้างและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การบริโภคของรัฐบาลก็คาดว่าจะมีส่วนสนับสนุนการเติบโตในเชิงบวกเนื่องจากรัฐบาลยังคงลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่อไปแนวโน้มเงินเฟ้อ โดยรวมคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวปานกลางในปี 2567 แนวโน้มยังเป็นบวก แต่มีความเสี่ยงบางประการที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวได้

ที่มา : https://www.nationthailand.com/more/commentary/40033896

เมียนมาร์มีความพยายามที่จะขยายส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกในภาคส่วนที่หลากหลาย

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ (MoC) กำลังพยายามเพิ่มผลผลิตและส่งออกสินค้าจากภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะพืชผลและผัก ผลิตภัณฑ์ประมง หยก ปุ๋ย เชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ตามสถิติและแถลงการณ์ของกระทรวง มูลค่าการส่งออกรวมของเมียนมาร์เพิ่มขึ้น 221 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 ผ่านเส้นทางการขนส่งและการค้าชายแดน เนื่องจากปัจจุบันเป็นฤดูกาลที่เฟื่องฟูสำหรับผลิตผลทางการเกษตร กระทรวงคาดการณ์ว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นในภาคส่วนนี้ ในส่วนของการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมง มีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในหนึ่งสัปดาห์ โดยส่งออกผ่านการขนส่งทั้งทางเรือและทางอากาศ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ประมง เช่น ปลา ปลาป่น และปลาแห้งยังถูกขนส่งผ่านด่านการค้าเกาะสอง มะริด มอตอง และเมียวดี อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากการส่งออกของภาคเอกชนแล้ว ภาครัฐยังขนส่งหยก 3,228 กิโลกรัมที่จำหน่ายโดยห้างสรรพสินค้าอัญมณีไปยังจีนอีกด้วย รวมทั้งศูนย์บริการแบบครบวงจรของบริษัท Myanma Gems Enterprise ยังจำหน่ายเครื่องประดับหยกมูลค่าเพิ่ม เช่น กำไล ลูกปัด และโซ่มือ โดยส่งออกไปยังตลาดจีนโดยการขนส่งทางอากาศ ในส่วนรายได้จากการส่งออกยาง ได้รับอนุญาตให้นำไปลงทุนในสินค้าภายในประเทศที่จำเป็น เช่น ปุ๋ยและเชื้อเพลิง โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของสินค้าโภคภัณฑ์และเพิ่มผลกำไรให้กับผู้ส่งออก การส่งออกยางจึงเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงต้นเดือนธันวาคมเมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ตามสถิติ เช่นเดียวกับ การส่งออกหนังดิบและเครื่องหนัง ผลิตภัณฑ์ไม้สำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น น้ำตาลและผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่ม CMP ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอเชิญชวนหน่วยงาน สมาคม และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันส่งเสริมภาคการค้าของประเทศ เพิ่มความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้า ขยายตลาดโลก และส่งออกสินค้ามากขึ้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-seeks-to-expand-global-market-shares-in-versatile-sectors/