แขวงไชยสมบูรณ์ สปป.ลาว ไฟเขียวพัฒนาการท่องเที่ยว

แขวงไชยสมบูรณ์ได้อนุญาตให้บริษัทท้องถิ่นสร้างสถานที่ท่องเที่ยวบนเนินเขาผากาใต้ ในเมืองอะนุวง โครงการมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 878 เฮกตาร์ ซึ่งรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว 150 เฮกตาร์ การพัฒนาด้านการเกษตร 471 เฮกตาร์ และพื้นที่อนุรักษ์ 257 เฮกตาร์ ภายใต้สัญญาสัมปทาน 50 ปี โดยบริษัทจะสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครอบคลุมในพื้นที่เทือกเขาสันภูหมอกและภูเขาภูตะกัน ในเขตหลงเฉิง ได้แก่ การก่อสร้างสวน บ้านจำลองของกลุ่มชาติพันธุ์ ถนนทางเข้า ร้านอาหาร จุดชมวิว สนามกีฬา ตลาดกลางคืน โรงพยาบาล ตลาดขายของที่ระลึก โรงแรมและที่จอดรถ นอกจากนี้ แขวงไชยสมบูรณ์ยังวางแผนที่จะสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งการสร้างจุดชมวิว จุดบริการ ที่จอดรถ ที่ตั้งแคมป์ และถนนทางเข้า

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_237Xaysomboun_23.php

เอกชน ลุ้นดิจิทัลวอลเล็ตเดินหน้าได้ดัน GDP

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2566 เติบโตได้น้อยกว่าที่คาด โดยในช่วง 9 เดือนแรกเติบโตได้เพียง ร้อยละ 1.9 ซึ่งการส่งออกยังชะลอตัวตามทิศทางประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะจีน การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่หดตัวอย่างต่อเนื่องและชะลอการผลิตเพื่อเติมสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 28 ล้านคน แทนที่จะเป็นราว 30 ล้านคน การใช้จ่ายต่อหัวก็ลดลงเหลือเพียง 4.3 หมื่นบาท จากที่เคยประมาณการ 4.55 หมื่นบาท และเศรษฐกิจโลกปี 2567 มีแนวโน้มชะลอตัว จากภาวะการเงินที่ยังตึงตัวต่อเนื่อง ส่วนเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตไม่ถึง ร้อยละ 5 เนื่องจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ ร้อยละ 2.8-3.3 และมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะโตได้น้อยกว่า ร้อยละ 3 เนื่องจากต้องเผชิญทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัจจัยความเปราะบางในประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือน หนี้ของภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs รวมถึงผลกระทบต่อการเข้าถึงสินเชื่อในระบบจากการเริ่มใช้มาตรการการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบของธปท.ที่เน้นเรื่องวินัยการไม่สร้างหนี้เกินกำลัง โดยมีปัจจัยบวกสำหรับปี 2567 ได้แก่ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยว 33 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นอีก 5 ล้านคนจากปี 2566 ทั้งนี้ หากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตดำเนินการได้เต็มวงเงิน 5 แสนล้านบาท ประเมินว่าจะช่วยเพิ่มการเติบโตของ GDP ได้อีกอย่างน้อย ร้อยละ 1.0-1.5

ที่มา INN News : https://www.innnews.co.th/news/politics/news_650643/

เมียนมาร์มีรายได้ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกข้าวในเดือนที่ผ่านมา

ในเดือนพฤศจิกายน เมียนมาร์มีรายได้ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกข้าว ซึ่งสูงกว่าเดือนก่อนหน้า ตามข้อมูลที่เผยแพร่จากสหพันธ์ข้าวเมียนมาร์ ทั้งนี้ รายได้จากปริมาณการส่งออกข้าวอยู่ที่ 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 119,526 ตันในเดือนตุลาคม และ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 175,990 ตันในเดือนพฤศจิกายน ตามลำดับ โดยในปีงบประมาณนี้ มีการส่งออกข้าวจำนวน 759,673 ตันตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน สร้างรายได้ให้เมียนมาร์กว่า 361 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี สหพันธ์ข้าวเมียนมาร์คาดว่าจะส่งออกข้าวได้ 2 ล้านตันในปีการเงิน 2566-2567 นอกจากนี้ ข้อกำหนดใบอนุญาตก่อนหน้านี้ในการสต็อกข้าวส่งออกล่วงหน้า 100% ปรับลดลงเหลือ 50% ตามการระบุของสหพันธ์ข้าวเมียนมาร์

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-earns-us-90-million-from-rice-export-last-month/#article-title

ยางมากกว่า 90,000 ตัน ของเมียนมาร์ส่งออกไปยัง 7 ประเทศ

ตามการระบุของ สมาคมนักวางแผนและผู้ผลิตยางเมียนมาร์ กล่าวว่า ในปีงบประมาณนี้ ยางมากกว่า 90,000 ตันถูกส่งออกไปยัง 7 ประเทศ โดยการผลิตยางร้อยละ 75 ถูกส่งออกไปยังประเทศจีน เช่นเดียวกับมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น และอินเดีย ทั้งนี้ สมาคมได้เริ่มวางแผนที่จะส่งออกไปยังจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอินเดีย อย่างไรก็ดี ในช่วงปีงบประมาณ 2018-2019 ถึงปีงบประมาณ 2022-2023 รายได้จากการส่งออกยางอยู่ที่ระหว่าง 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึง 450 ล้านดอลลาร์โดยเฉลี่ย เมียนมาร์พื้นที่ปลูกยางพาราทั้งหมด มากกว่า 1.64 ล้านเอเคอร์ทั่วประเทศ และพื้นที่การผลิตประมาณ 950,000 เอเคอร์ ในขณะที่ผลผลิตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 400,000 ตันตามสถิติ โดยในรัฐมอญเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ที่สุด ในขณะที่รายใหญ่เป็นอันดับสองคือเขตตะนาวศรี และใหญ่เป็นอันดับสามคือรัฐกะเหรี่ยง ยางพารายังปลูกใน เขตพะโค เขตย่างกุ้ง เขตอิรวดี รัฐฉาน รัฐคะฉิ่น เขตสะกาย ตอนบน และรัฐยะไข่ อีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/more-than-90000-tonnes-of-rubber-exported-to-7-countries/#article-title

FTA ระหว่าง กัมพูชา-เกาหลีใต้ ดันการส่งออกเครื่องนุ่งห่มแตะ 173 ล้านดอลลาร์

FTA ดันการส่งออกสินค้ากลุ่มเครื่องนุ่งห่มของกัมพูชาไปเกาหลีใต้แตะ 173 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.84 สำหรับในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2023 ขณะที่ในปี 2022 กัมพูชาส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวไปยังเกาหลีใต้ที่มูลค่า 191.37 ล้านดอลลาร์ โดยการเพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2022 ขณะที่การส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวโดยภาพรวมของกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.05 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) มีสิทธิประโยชน์ด้านการลดภาษีนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาหลายรายการ รวมทั้งเสื้อผ้า ทำให้สินค้ากัมพูชามีราคาที่สามารถแข่งขันได้มากขึ้นในตลาดเกาหลีใต้ สำหรับอุตสาหกรรมเสื้อผ้าถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญของกัมพูชาด้วยการมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 16 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และมีการจ้างงานประมาณกว่า 700,000 คน ในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501401901/fta-boosts-cambodias-apparel-export-to-south-korea-reaches-173-million/

ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในกัมพูชาพุ่งแตะ 1,162 คัน

กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง (MPWT) รายงานว่า ณ เดือนกันยายนปีนี้ จำนวนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจดทะเบียนในกัมพูชาเพิ่มขึ้นเป็น 1,162 คัน ในจำนวนนี้คิดเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 573 คัน รถจักรยานยนต์สามล้อไฟฟ้า 387 คัน และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 202 คัน โดยสาเหตุหลักมาจากการตระหนักรู้เกี่ยวกับการควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น ด้าน Pov Maly ปลัดกระทรวงฯ กล่าวเสริมว่า รัฐบาลกัมพูชาพร้อมที่จะผลักดันการใช้รถไฟฟ้าด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างการสร้างสถานีชาร์จเพิ่มเติมในกรุงพนมเปญและจังหวัดสำคัญต่างๆ ปัจจุบันมีสถานีชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 18 แห่งในประเทศ ขณะที่รัฐบาลได้พัฒนาแผนยุทธศาสตร์เพื่อเปลี่ยนกัมพูชาให้เป็นศูนย์กลางการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ในระดับภูมิภาคและระดับโลก ด้วยการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศผ่านการให้สิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อหวังดันการพัฒนาทางเทคโนโลยีและการเพิ่มปริมาณการส่งออกของประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501401710/ev-registrations-jump-to-1162-this-year/