ธนาคารพัฒนาเอเชีย คาดการณ์เศรษฐกิจ สปป.ลาว ปีนี้ จะขยายตัว 4 %
ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดการณ์เศรษฐกิจ สปป.ลาว ปี 2567 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวปานกลาง โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ภายนอกที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศ โดยคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของ สปป.ลาว จะเติบโต 4% ในปี 2567 และปี 2568 การเติบโตนี้จะได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์ภายนอก โดยเฉพาะในภาคบริการ ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 ล้านคนในปี 2567 โดยได้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงทางรถไฟและการปรับปรุงถนนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนจากต่างประเทศในโครงการพลังงานทดแทน รวมถึงโครงการพลังงานลม คาดว่าจะขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมในระดับปานกลาง ทั้งนี้ แม้จะ สปป.ลาว จะยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไปในปีนี้ แต่ยังมีอุปสรรคจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เงินกีบที่อ่อนค่า และหนี้สาธารณะที่ยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_74_Laostosee_y24.php
3 เดือนแรกปีนี้ มีชาวจีนเข้ามายัง สปป.ลาว กว่า 2.4 แสนคน โดยใช้รถไฟลาว-จีน
หากย้อนไปในปี 2565 มีนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 45,000 คน เดินทางด้วยรถไฟลาว-จีนมายัง สปป.ลาว และในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 641,314 คน โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวจีน 242,193 คน ที่เดินทางมายัง สปป.ลาว โดยใช้เส้นทางรถไฟสายนี้ เนื่องจากทางการรถไฟได้เสนอข้อเสนอการซื้อตั๋วรถไฟในช่วงเทศกาลปีใหม่ลาวแบบพิเศษ ซึ่งประชาชนต้องการเดินทางในช่วงวันหยุดปีใหม่ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในวันที่ 13-16 เมษายน 2567 สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้สูงสุดเจ็ดวันก่อนวันเดินทางที่วางแผนไว้ โดยเปิดเผยว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปพักผ่อนในเมืองทางภาคเหนือของ สปป.ลาว นอกจากนี้ ทางการรถไฟยังให้บริการรถไฟ EMU จำนวน 2 ขบวนติดต่อกัน ระหว่างวันที่ 12-19 เมษายน 2567 (หมายเลข C92/1 และ C84/3) ระหว่างเวียงจันทน์และหลวงพระบาง และคาดว่าการเดินทางในเส้นทางนี้จะถึงระดับสูงสุด เนื่องจากหลวงพระบางเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงวันหยุดปีใหม่ลาว
ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_75_Laoschina_y24.php
‘นายกฯ เวียดนาม’ เข้าพบทิม คุก หารือหนุนการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นาย ฝ่ามมิงห์ ชินห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เข้าพบกับนายทิม คุก (Tim Cook) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแอปเปิล เมื่อวันที่ 16 เม.ย. โดยนายกฯ ยอมรับว่าดีใจที่ได้เจอกันเป็นครั้งที่ 2 และกล่าวขอบคุณที่ตอบรับคำเชิญให้มาเยือนเวียดนามในครั้งนี้ รวมถึงหารือการขยายธุรกิจของแอปเปิลในประเทศและการสร้างงานให้กับคนเวียดนามมากกว่า 2 แสนตำแหน่ง ทั้งนี้ เพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนาม-สหรัฐฯ นายกฯ กล่าวว่าเวียดนามรอคอยที่จะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากแอปเปิลทั้งในแง่การส่งเสริมการเติบโตสีเขียว การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พลังงานทดแทน พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
AMRO คาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชาโต 6.2% ในปี 2024
แนวโน้มเศรษฐกิจระดับภูมิภาคซึ่งรายงานโดยสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน+3 (AMRO) ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 เม.ย.) คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งภายในปี 2024 ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าเศรษฐกิจของกัมพูชาจะเติบโตที่ร้อยละ 6.2 ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.3 ในปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป ภาคการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเกษตรกรรม อุตสาหกรรมการก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ เป็นสำคัญ โดยในรายงานได้เสริมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาที่คาดว่าจะขยายตัวถึงร้อยละ 6.4 ในปี 2025 ภายใต้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 2.8
ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501470536/cambodias-growth-forecast-at-6-2-pct-in-2024-amro/
6 เดือน CDC อนุมัติโครงการลงทุนในกัมพูชากว่า 173 โครงการ
สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติโครงการลงทุนกว่า 173 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2023 ถึง ก.พ. 2024 ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 83 โครงการ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัตินี้คาดว่าจะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นถึง 180,225 ตำแหน่ง โดยคาดว่าเป็นผลมาจากการปรับปรุงกฎหมายด้านการลงทุนฉบับใหม่ของกัมพูชา ซึ่งเป็นกฎหมายที่เปิดให้นักลงทุนทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวกัมพูชาหรือชาวต่างชาติได้มีโอกาสในการลงทุนมากขึ้น
‘เวียดนาม’ ส่งออกข้าวไตรมาสแรก โตพุ่ง 42%
จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) เปิดเผยว่าการส่งออกข้าวของเวียดนามในไตรมาสแรกของปีนี้ อยู่ที่ 2.1 ล้านตัน สร้างรายได้กว่า 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากผู้ซื้อข้าวเวียดนามรายใหญ่ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย จีน กานา มาเลเซียและสิงคโปร์ ส่งผลให้ยอดการส่งออกข้าวเติบโตอย่างน่าประทับใจ
อย่างไรก็ดี กลุ่มประเทศเหล่านี้มองหาการกระจายอุปทานข้าว ซึ่งทำให้ลดการพึ่งพาข้าวจากเวียดนามอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ กระทรวงฯ ร้องขอให้ผู้ส่งออกข้าวในชนบทมองหาตลาดใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
นอกจากนี้ ในฐานะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก เวียดนามตั้งเป้าที่จะสร้างรายได้จากการส่งออกข้าวในปีนี้ มูลค่าราว 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-q1-rice-exports-grow-42-y-o-y/
รองประธานาธิบดี สปป.ลาว ตรวจความคืบหน้าการยกระดับจุดผ่านแดนลาว-ไทย ที่เวียงจันทน์
ด่านชายแดนในหมู่บ้านวัง นครหลวงเวียงจันทน์ กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงเป็นการผ่านแดนระหว่างประเทศกับประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ดร.บุญทอง จิตมณี รองประธานาธิบดี สปป.ลาว และคณะ เยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าการปรับปรุงดังกล่าวนี้ โดยรองเจ้าแขวงเวียงจันทน์ กล่าวว่า การยกระดับสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณชายแดนเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 จนถึงขณะนี้ มีความคืบหน้าใน 10 องค์ประกอบของโครงการก่อสร้าง คิดเป็น 75% ขององค์ประกอบทั้งหมด 15 องค์ประกอบ ซึ่งรวมถึงการเคลียร์พื้นที่ 10.8 เฮกตาร์ บริเวณจุดผ่านแดน การปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสาร สำนักงานศุลกากร สำนักงานก่อสร้าง และการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ทั้งนี้ รองประธานาธิบดี สปป.ลาว สั่งการให้หน่วยงานท้องถิ่นดำเนินงานที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อยกระดับการผ่านแดนและจัดหาบุคลากรและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานของสำนักงานศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังแนะนำให้จัดกองกำลังรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาสันติภาพ และเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่มีเจตนาร้ายเข้ามาที่ประเทศลาวเพื่อก่อให้เกิดความไม่สงบ
ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_72_VP_y24.php
ธนาคารโลกเผย อัตราเงินเฟ้อ สปป.ลาว กระทบรูปแบบการจ้างงานและผู้มีรายได้น้อย
ธนาคารโลกเผยสถิติจากการสำรวจ Rapid Monitoring Phone Surveys แสดงให้เห็นถึงขนาดการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของผู้ประกอบอาชีพอิสระที่เพิ่มขึ้นเป็น 45% ในเดือนมกราคม 2567 เพิ่มขึ้นจาก 29% ในปีก่อนหน้า ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าค่าจ้างจะมีการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองอัตราเงินเฟ้อได้ ส่งผลให้ประชาชนหันมาทำธุรกิจส่วนตัวและธุรกิจครอบครัวมากขึ้น เพื่อป้องกันกำลังซื้อที่ลดลง แม้ว่ารายได้ครัวเรือนโดยรวมจะมีอัตราการเติบโต 25% ภายในเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งแทบจะเกินอัตราเงินเฟ้อที่ 24% เพียงเล็กน้อย แต่แนวโน้มนี้ไม่ได้ป้องกันส่วนสำคัญของครัวเรือนจากกำลังซื้อที่ลดลง กว่า 40% ของครัวเรือนประสบปัญหาระดับรายได้ตามหลังอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้ความตึงเครียดทางการเงินรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีรายได้น้อย