ผู้ผลิตยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากจีน รุกตลาดเวียดนาม
‘Geely Automobile’ ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของจีน เล็งขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดเวียดนาม โดยมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 3 รุ่น ในเวียดนาม ได้แก่ รุ่น Standard ที่ขายในราคา 538 ล้านดอง หรือประมาณ 21,000 เหรียญสหรัฐ รุ่น Premium ที่ขายในราคา 578 ล้านดอง และรุ่น Flagship ที่ขายในราคา 628 ล้านดอง ซึ่งรถยนต์ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 255 นิวตันเมตร
อีกทั้ง บริษัทฯ ยังได้จัดตั้งเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย 15 แห่ง ศูนย์ทดสอบรถยนต์ 15 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนที่จะขยายตัวแทนจำหน่าย 50 แห่งภายในปี 2025
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/chinese-auto-giant-stakes-its-claim-in-vietnamese-market-post312049.vnp
‘ผปก.ขนาดย่อมของเวียดนาม’ เติบโตสูงสุดรอบ 4 ปี
องค์กรบัญชีรายใหญ่ที่สุดของโลก ‘CPA Australia’ เปิดเผยผลสำรวจผู้ประกอบการขนาดย่อม พบว่า ปี 2567 ผู้ประกอบการขนาดย่อมของเวียดนามส่วนใหญ่ 82% ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ และ 77% เติบโตดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ในขณะที่ 92% หวังว่าธุรกิจจะปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ นายคริส ฟรีแลนด์ (Chris Freeland) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CPA Australia กล่าวว่าการมองเขิงบวกในข้างต้นนั้น เป็นผลมาจากกลุ่มผู้ประกอบการขนาดย่อมของเวียดนามที่เต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และมีใจเป็นผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเวียดนามที่มีอายุน้อย โดยกว่า 70% มีอายุต่ำกว่า 40 ปี และมีวิสัยทัศน์ระยะยาว กล้ารับความท้าทายในระยะสั้น เพื่อผลกำไรในอนาคต พร้อมทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ แม้จะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ก็ตาม
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-small-business-growth-soars-to-a-four-year-high-post312021.vnp
Vietnam Economic Factsheet : Q4/2567
อ่านเอกสารสรุปข้อมูลเศรษฐกิจเวียดนาม ประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ในรูปแบบ PDF File ได้ที่ – FACTSHEET VIETNAM Q4.67
‘เวียดนาม’ ประเมินนโยบายการค้าใหม่ของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบจำกัด
นาย Nguyen Sinh Nhat Tan รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่าเวียดนามไม่ได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากนโยบายการค้าใหม่ของสหรัฐฯ เนื่องจากสินค้าส่งออกของเวียดนามไม่ได้แข่งขันกันโดยตรงกับบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ในตลาดภายในประเทศ ในทางตรงกันข้าม การส่งออกของเวียดนาม ช่วยให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ สามารถเข้าถึงสินค้าราคาถูกลงได้ ทั้งนี้ เวียดนามติดตามนโยบายของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดตั้งแต่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี เพื่อเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อที่จะจัดการประชุมในเดือนมีนาคมนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขข้อกังวลของสหรัฐฯ โดยยึดหลักการค้าที่เป็นธรรม และสอดคล้องกับระเบียบกฎหมาย รวมถึงผลประโยชน์ที่สมดุลของทั้งสองฝ่าย
‘เวียดนาม’ เผย 2 เดือนแรกของปี 68 เกินดุลการค้า 1.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (NSO) เปิดเผยว่ายอดการนำเข้าและส่งออกในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่า 127.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (%YoY) การส่งออก มีมูลค่า 64.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.4%YoY ในขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 62.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.9%YoY ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้า 1.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ อยู่ที่ 19.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะเดียวกัน จีนยังคงเป็นแหล่งนำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่าการนำเข้า 23.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
‘เวียดนาม’ ไฟเขียวลงทุนทางรถไฟ หล่าวกาย-ฮานอย-ไฮฟอง
แผนการก่อสร้างเส้นทางรถไฟของเวียดนามที่เชื่อมระหว่างจังหวัดหล่าวกาย ฮานอย และไฮฟอง ได้ผ่านการอนุมัติของรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว โดยโครงการดังกล่าวเป็นวิสัยทัศน์ของระบบทางรถไฟที่มีการบูรณาการและยกระดับความทันสมัย รวมถึงการออกแบบ เพื่อตอบสนองกับความต้องการทางด้านการขนส่งภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น และยังเป็นการเชื่อมต่อระหว่างประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ ทางรถไฟช่วยส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการพัฒนาในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจสมัชชาแห่งชาติสมัยที่ 13
ทั้งนี้ ทางรถไฟสายใหม่แห่งนี้ สำหรับเส้นทางหลักจะมีความยาวประมาณ 390.9 กิโลเมตร พื้นที่โครงการอยู่ที่ประมาณ 2,632 เฮกตาร์ เม็ดเงินลงทุนมากกว่า 203.2 ล้านล้านดอง หรือราว 7.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะได้รับเงินทุนจากการจัดสรรงบประมาณของรัฐฯ และแหล่งเงินทุนอื่นๆ
‘สถาบันการเงินโลก’ มองศักยภาพทางเศรษฐกิจเวียดนาม เติบโตเขิงบวก
Suan Teck Kin กรรมการบริหารฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและตลาดโลกของธนาคารของยูโอบี กล่าวว่าเศรษฐกิจเวียดนาม มีแนวโน้มขยายตัวสูงถึง 8% ต่อปี หรืออาจขยายตัวสองหลัก หลังจากปีที่แล้ว ขยายตัว 7% ถึงแม้ว่าการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นความท้าทาย แต่เวียดนามเผชิญกับความเสี่ยงสำคัญ คือ นโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ และการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม โดยเฉพาะเรื่องที่เวียดนามพึ่งพาภาคการค้าระหว่างประเทศอย่างมาก เวียดนามมีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 90% ของ GDP ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์ที่ 174% ในขณะเดียวกัน นายทิม ลีลาหะพันธ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำเวียดนามและไทยของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ กล่าวว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนาม มีปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้แก่ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ การค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การส่งออกและการท่องเที่ยว
นายกฯ พร้อมผลักดันการพัฒนาทักษะด้าน AI และ 5G แก่พลเมือง
นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้เรียกร้องให้ยกระดับคุณภาพการศึกษา โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในด้านทักษะที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) เพื่อการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยียุคที่ 5 (5G) ซึ่งกล่าวไว้ในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญา ปริญญาตรี และปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ในเสียมราฐ โดยได้ยกตัวอย่างถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น การใช้ E-Visa, E-Arrival และ QR Code ในกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ตั้งแต่ร้านค้าขนาดเล็ก การชำระค่าอาหาร การจองตั๋ว ไปจนถึงการทำธุรกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ด้านนายกรัฐฯ ยังได้สนับสนุนให้เกิดการปรับปรุงคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องโดยการเสริมสร้างความสามารถบุคลากร โดยมุ่งเน้นไปที่วิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งต้องมั่นใจว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกทางการศึกษาที่เพียงพอเพื่อสนับสนุนวิธีการสอนและการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของศตวรรษที่ 21