10 อาชีพเด่น อาชีพในฝันของเด็กรุ่นใหม่ และสถานภาพของเด็ก Gen Z ปี 2567

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พร้อมด้วย ผศ.ดร.วชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า แถลงข่าวเผยผลสำรวจ “10 อาชีพเด่น อาชีพในฝันของเด็กรุ่นใหม่ และสถานภาพของเด็ก Gen Z ปี 2567” ซึ่งกลุ่ม Gen Z แยกออกเป็น 3 กลุ่มย่อยได้แก่ กลุ่มเด็ก ม.ต้น กลุ่มเด็ก ม.ปลาย/ปวช. และกลุ่มระดับปริญญาตรี ใน 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ความต้องการแรงงานของผู้ประกอบการ ความมั่นคงและยั่งยืน ระดับรายได้ และจำนวนคู่แข่งในตลาดแรงงาน

10 อันดับอาชีพเด่นในปี 2567 ได้แก่
1. วิศวกรความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Network Security) หรือเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคความปลอดภัย

2. แพทย์ (ด้านศัลยกรรม ด้านผิวหนัง)

3. นักกายภาพบำบัด -นักจิตวิทยา ทันตแพทย์

4. นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst) หรือนักออกแบบข้อมูล

5. Youtuber TikToker อินฟลูเอนเซอร์ สตรีมเมอร์ อีคอมเมิร์ซ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์

6. ดารา นักแสดงนักร้อง นักการตลาดออนไลน์ นักพัฒนาซอฟต์แวร์

7. นักวิเคราะห์การเงิน ที่ปรึกษาทางการเงิน

8. ผู้ประกอบการธุรกิจส่วนตัว

9. ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ

10. ติวเตอร์ หมอดู

10 อันดับอาชีพในฝัน ( My Dream Job) ของเด็ก Gen Z ได้แก่

1. ครูอาจารย์ ติวเตอร์

2. ประกอบธุรกิจส่วนตัว

3. หมอ พยาบาล

4. อินฟลูเอเซอร์ สตรีมเมอร์ ยูทูบเบอร์

5. นักออกแบบกราฟิก

6. ทนายความ อัยการ

7. งานด้านต่างประเทศ

8. ศิลปินและนักตัดต่อ Editor

9. นักบิน แอร์โฮสเตส

10. ข้าราชการ (ทหาร ตำรวจ ข้าราชการทั่วไป)

โดยปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพได้แก่ ความมั่นคงของอาชีพและความก้าวหน้า ความน่าเชื่อถือของกิจการ การมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น เติบโตหน้าที่การงาน และสิทธิประโยชน์สวัสดิการและผลตอบแทน สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี มีวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่น มีอิสระในการทำงาน ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและเจ้านายที่ดี ทำเลที่ตั้งสะดวกในการเดินทาง เป็นต้น

ที่มา : https://shorturl.at/fpN46

รัฐบาลกัมพูชาตั้งคณะทำงานศึกษาการจัดทำนโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า

รัฐบาลกัมพูชาได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาสิ่งอำนวยความสะดวก และพัฒนากรอบนโยบาย เพื่อการส่งเสริมภาคยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายในประเทศ ภายใต้การดำเนินงานของกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน (MEF) กล่าวโดย Aun Pornmoniroth รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี MEF รวมถึงเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจและการเงิน (EFPC) ซึ่งได้ประกาศอย่างเป็นทางการในการจัดตั้งทีมนโยบาย EV ประกอบด้วยสมาชิก 27 ท่าน นำโดย Ros Seilava รัฐมนตรีต่างประเทศ MEF โดยเน้นไปที่การพัฒนากลยุทธ์เพื่อส่งเสริมภาค EV ของประเทศ การลดต้นทุนการผลิต EV ซึ่งจะส่งผลทำให้ประชาชนมีต้นทุนในการเข้าถึง EV ที่ต่ำลง รวมถึงการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานของชิ้นส่วนอะไหล่ ส่วนประกอบ และวัตถุดิบ ตลอดจนการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงโรงไฟฟ้าและการเชื่อมต่อโครงข่าย เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501433183/govt-forms-policy-working-group-to-promote-evs/

ม.ค. 2024 กัมพูชาดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศกว่า 187 ล้านดอลลาร์

กัมพูชาดึงดูดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรจากต่างประเทศมากกว่า 187 ล้านดอลลาร์ สำหรับในเดือนมกราคม 2024 รายงานโดยสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ซึ่งผ่านการอนุมัติโครงการลงทุนทั้งสิ้น 32 โครงการ คาดว่าจะเกิดการจ้างงานภายในประเทศเกือบ 29,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ โครงการที่โดดเด่นยังรวมถึงโรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โรงงานประกอบจักรยานไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ โรงงานเหล็ก โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าและสิ่งทอ และอื่นๆ ซึ่งเงินลงทุนมากกว่าร้อยละ 78 ในเดือนมกราคมมาจากประเทศจีน, ร้อยละ 9.65 มาจากสิงคโปร์, ร้อยละ 5.34 มาจากสหรัฐฯ, ร้อยละ 3.55 มาจากเกาหลีใต้ และร้อยละ 2.73 จากแหล่งที่มาในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501433460/cambodia-attracts-over-187-mln-investment-in-january/

ผนึก 5 ประเทศอาเซียน วีซ่าฟรี แลก “วีซ่าเชงเก้น”

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการควิก-วิน ด้านการกระตุ้นการท่องเที่ยวว่า พยามยามทำทุกวิถีทาง เช่น เปิดวีซ่าให้ประเทศต่าง ๆ เริ่มได้ผลกลับคืนมา จีนมีการเซ็นข้อตกลงวีซ่าฟรีถาวร รวมถึงการขยายสนามบิน ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ จัดเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวของประเทศอนุภูมิภาคกลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันให้เป็นเอกภาพและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่่อนุภูมิภาคและส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวระหว่างกันต่อไป โดยตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศเพื่อนบ้านอื่นในอนุภูมิภาคนี้ รวมถึงประเทศมาเลเซียด้วย หลังได้พบปะหารือกับผู้นำประเทศอาเซียนหลายประเทศ

ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/tourism/587611