เดือนธ.ค 65 เมียนมาโกยเม็ดเงิน FDI เข้าประเทศกว่า 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ

จากสถิติของ คณะกรรมการของ การลงทุนและการบริหาร บริษัท (DICA) พบว่า 9 เดือนที่ผ่านมา (เดือนเมษายน-เดือนธันวาคม 2565) ของปีงบประมาณ 2565-2566 มีบริษัทจากต่างชาติทั้งหมด 44 แห่ง ได้เข้ามาลงทุนในภาคการผลิตเมียนมาคิดเป็นมูลค่ากว่า 187.426 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยด้านการเกษตรดึงดูดเม็ดเงินกว่า 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 2 โครงการ, ด้านพลังงาน 817 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 10 โครงการ, อสังหาริมทรัพย์ 29 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 1 โครงการ, ด้านบริการ  413.068 ล้านดอลลาร์ จำนวน 2โครงการ, ภาคการผลิตเหมืองแร่ 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจาก 1 โครงการ ทั้งนี้ ภาคการผลิตของเมียนมาส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในการผลิตเสื้อผ้าและสิ่งทอที่ผลิตแบบการตัด การผลิต และการบรรจุภัณฑ์ (CMP) และเป็นส่วนสำคัญของ GDP ของประเทศ  ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเม็ดเงินลงทุนจะมาจากจีน และเกาหลีใต้

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/domestic-pilgrims-flock-to-shwedagon-pagoda-during-public-holidays/

สายการบิน สปป.ลาว วางแผนเพิ่มเที่ยวบินสู่จีน

หลังจากประเทศจีนเริ่มผ่อนปรนข้อจำกัดเกี่ยวกับโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลทำให้สายการบินใน สปป.ลาว มีแผนที่จะเพิ่มเที่ยวบินในการให้บริการไปยังเมืองต่างๆ อาทิเช่น จากเวียงจันทน์ไปยังกวางโจว เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู ฉางโจว และหางโจว โดยคาดว่าเที่ยวบินจะเริ่มมีการเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม กล่าวโดยนาย Noudeng Chanthaphasouk ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของสายการบิน ซึ่งปัจจุบันสายการบินแห่งชาติให้บริการ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากเวียงจันทน์ไปยังคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน โดยสายการบินยังมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินจากหลวงพระบางและจำปาศักดิ์ไปยังประเทศจีนเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากคาดการณ์ว่าความต้องการเดินทางจะพุ่งสูงขึ้นหลังจีนผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ซึ่งหลังจากจีนประกาศเปิดพรมแดนไปเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ในช่วงสองวันแรก (วันอาทิตย์ที่ 8 และวันจันทร์ที่ 9) มีประชาชนมากกว่า 1,200 คนเดินทางผ่านชายแดน สปป.ลาว-จีน ณ จุดผ่านแดนระหว่างประเทศบ่อเต็น-โมฮัน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ถือวีซ่าธุรกิจ นักศึกษา ทูต และประเภทอื่นๆ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Lao08.php

กัมพูชาส่งออกสินค้ากลุ่ม GFT โต 15% ในปี 2022

กัมพูชาส่งออกสินค้ากลุ่ม เสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทาง (GFT) ขยายตัวประมาณร้อยละ 15 ในปี 2022 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากมูลค่า 10.99 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 12.63 พันล้านดอลลาร์ ตามการรายงานล่าสุดของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) ซึ่งภาค GFT ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 56.2 ของการส่งออกทั้งหมดเมื่อปีที่แล้ว แต่สัดส่วนดังกล่าวปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 56.9 ในปี 2021 โดยในบรรดาสินค้ากลุ่ม GFT การส่งออกรองเท้าขยายตัวร้อยละ 24.8 ขณะที่สินค้าเครื่องแต่งกายที่ไม่ถักทอขยายตัวร้อยละ 21.4 สินค้าเพื่อการเดินทางขยายตัวร้อยละ 17.6 และเครื่องแต่งกายแบบถักขยายตัวร้อยละ 9.4 ตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501218056/kingdoms-gft-exports-grow-by-15-in-2022/

NBC กล่าวถึงภาคธนาคารมีบทบาทอย่างมาก ในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) กล่าวว่า ภาคธนาคารมีบทบาทเป็นอย่างมากในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงให้บริการทางด้านการเงินที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการภาคเศรษฐกิจ ซึ่งในปี 2022 ภาคธนาคารได้ออกสินเชื่อให้แก่ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูของภาคธุรกิจ ขณะที่ปริมาณเงินฝากภายในประเทศขยายตัวร้อยละ 11.3 นอกจากนี้ ธนาคารกลางกัมพูชายังมีความพยายามเป็นอย่างมากในการเชื่อมต่อระบบเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ด้วยการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างธนาคาร รวมถึงการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เป็นสำคัญ โดยปัจจุบัน กัมพูชามีธนาคารพาณิชย์รวมทั้งสิ้น 58 แห่ง ธนาคารเฉพาะกิจ 9 แห่ง และสถาบันการเงินรายย่อย 86 แห่ง ซึ่งมีสำนักงานใหญ่และสาขารวม 2,614 แห่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501218507/cambodias-national-bank-says-banking-system-plays-active-role-in-continuing-to-support-economic-recovery/

ซิตี้แบงก์ มองเศรษฐกิจไทยรับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ ปีนี้ขยายตัว 4.3%

นางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารซิตี้แบงก์ได้คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยอยู่ที่ราว 25.5 ล้านคน โดยคิดเป็นนักท่องเที่ยวจีนราว 3.9 ล้านคน (หรือร้อยละ 35 ของนักท่องเที่ยวจีนปี 2562) อันเป็นผลจากการที่ประเทศจีนเปิดประเทศเร็วกว่าความคาดหมาย ทำให้มีนักเดินทางชาวจีนเดินทางเข้าประเทศเกินกว่าการประมาณการไว้ในเบื้องต้น 1.7 ล้านคน (หรือร้อยละ 15 ของปี 2562) อย่างไรก็ตาม ด้านยอดการใช้จ่ายต่อคนของนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มลดลงกลับคืนสู่ระดับใกล้เคียงปี 2562 หรือ 1,562 ดอลลาร์สหรัฐ หลังข้อมูลล่าสุดชี้ว่ากำลังการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวได้ลดลงต่ำกว่าในปี 2563 (ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ) และ 2564 (ที่ราว 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ) หรือในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องมาระยะยาวหรือเป็นการเดินทางเพื่อเจรจาธุรกิจมากกว่าการมาพักผ่อนระยะสั้นๆ ด้วยเหตุนี้ ซิตี้แบงก์จึงได้ปรับการคาดการณ์ดุลบัญชีเงินสะพัดของปี 2565 มาอยู่ที่ -3.3% ของ GDP จากเดิมที่ -1.6% รวมถึงปรับลดดุลบัญชีสะพัดปี 2566 ที่น่าจะกลับมาเกินดุล มาอยู่ที่ 2.4% ของ GDP ในปี 2566 จากเดิมที่ 3.8% (โดยใช้ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อหัวที่ 1,590 ดอลลาร์สหรัฐ)

ที่มา : https://www.prachachat.net/finance/news-1174004

ตลาดค้าปลีกเวียดนาม ทะยาน 163.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อีก 5 ปีข้างหน้า

ตลาดค้าปลีกของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโต 11.4% ในช่วงปี 2565-2570 คิดเป็นมูลค่า 163.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงสูงขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่อยู่กระจัดกระจาย การควบรวมและซื้อกิจการจำนวนมาก โดยผู้มีเล่นรายใหญ่เข้ามาควบรวมกิจการกับผู้ค้าปลีกรายย่อย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีทิศทางที่เติบโต เป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้มีการแข่งขันที่รุนแรงและมีโอกาสที่จะเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกของเวียดนาม ซึ่งใช้เครื่องมือที่หลากหลาย อาทิเช่น ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายของชำและร้านสะดวกซื้อ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-s-retail-market-to-rise-by-163-5-billion-over-next-five-years-2100000.html

“เวิลด์แบงก์” ประเมินเศรษฐกิจเวียดนาม ปี 2566 จะเติบโตอยู่ในระดับปานกลาง

ธนาคารโลก (WB) เปิดเผยรายงานแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจโลก ‘Global Economic Prospects’ ฉบับล่าสุด เปิดเผยว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม (GDP) จะขยายตัว 6.3% ในปี 2566 โดยสะท้อนให้เห็นจากปัจจัยบวกในปีที่แล้ว หลังจากเวียดนามประกาศยกเลิกข้อจำกัดการเดินทาง และเวียดนามยังได้รับอนิสงค์จากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนและภาคการส่งออก อย่างไรก็ตาม การส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดสำคัญมีทิศทางที่ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยิดเยื้อและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงสูงขึ้น อาจส่งผลให้การดำเนินธุรกิจทั่วโลกและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคถดถอยลงไปอีก

ที่มา : https://vir.com.vn/world-bank-says-vietnams-gdp-growth-to-moderate-in-2023-99184.html

“เดนมาร์ก” มอบเงินช่วยเหลือ MSMEs ของเมียนมา เป็นจำนวนกว่า 2 พันล้านจัต

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 กองทุน the Responsible Business Fund (RBF) เป็นกองทุนที่สนับสนุนโดยเดนมาร์กเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) ของเมียนมา ได้เปิดเผยข้อมูลว่า เดนมาร์กให้คำมั่นว่าจะมอบเงินจำนวน 2 พันล้านจัต เป็นครั้งที่ 6 ให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของเมียนมา (MSMEs)  ในการดำเนินในโครงการพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดต้นทุนในการใช้ไฟฟ้าหรือพลังงานที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น โดย 5 ปี ที่ผ่านมา เดนมาร์กได้มอบเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือเมียนมาไปแล้วกว่า 19,576 พันล้านจัต ให้กับ MSMEs จำนวน 609 ราย ทั่วประเทศเพื่อสนับสนุน MSMEs ในการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจและปรับเพฤติกรรมให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/denmark-to-contribute-k2-billion-for-myanmar-smes/#article-title