กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 18% ในช่วง 2 เดือนแรกของปี

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปี กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 988,574 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยมากที่สุดที่จำนวน 247,530 คน รองลงมาคือ เวียดนาม 185,385 คน และ จีน 109,990 คน สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่าร้อยละ 42 เดินทางเข้าประเทศทางเครื่องบินขยายตัวกว่าร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่เดินทางออกนอกประเทศลดลงปรับตัวลดลงเล็กน้อยร้อยละ 3.9 ที่จำนวน 262,580 คน สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกัมพูชาในปัจจุบัน ถือเป็นหนึ่งในสี่เสาหลักที่สำคัญทางเศรษฐกิจของกัมพูชา นอกเหนือจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมการเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวมีความพยายามเป็นอย่างมากที่จะเชื่อมโยงตลาดเป้าหมายสำคัญ โดยการจัดหาเที่ยวบินตรงมายังกัมพูชาและปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมายังกัมพูชามากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501460336/foreign-tourist-arrivals-go-up-18-in-jan-feb/

ไทยอันดับ 1 ประเทศผู้ผลิตยานยนต์มากที่สุดในอาเซียน ด้านการแพทย์ดีที่สุดระดับโลก

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศวิสัยทัศน์ 8 ด้าน ให้ไทยก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ในภูมิภาค มุ่งมั่นส่งเสริมทุกด้านที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ และเป็นด้านที่ไทยมีศักยภาพ โดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) และศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Hub) ทั้งนี้ เห็นความคืบหน้าจาก ไทยครองอันดับ 1 ประเทศผลิตรถยนต์มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2566 และผลการจัดอันดับ 250 โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลกประจำปีพ.ศ. 2567 (250 World’s Best Hospitals 2024) ที่จัดให้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ของไทย อยู่ในอันดับที่ 130 (สูงกว่าปีที่แล้วที่เคยอยู่ในอันดับที่ 182)

ที่มา : https://www.naewna.com/politic/795150#google_vignette

แรงงานเมียนมาเตรียมย้ายจากมาเลเซีย หลังประกาศกำหนดเส้นตายวีซ่า

เจ้าหน้าที่จากสหพันธ์หน่วยงานจัดหางานในต่างประเทศ (MOEAF) ของเมียนมา กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลมาเลเซียประกาศว่าแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุมัติให้เรียกวีซ่าจะถูกคัดเลือกในมาเลเซียภายในวันที่ 31 พฤษภาคม แรงงานเมียนมาจำนวนมากก็กระตือรือร้นที่จะไปที่นั่น ดังนั้นคนหนุ่มสาวจึงต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการฉ้อโกง ทั้งนี้ ธุรกิจในมาเลเซียจะต้องดำเนินการยื่นวีซ่าเรียกให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 31 มีนาคม สำหรับแรงงานต่างชาติที่ได้รับการอนุมัติจาก KSM แล้ว ซึ่งยังมีเงื่อนไขอยู่ ธุรกิจของมาเลเซียจะรับสมัครแรงงานต่างชาติที่ได้รับวีซ่าเรียกจากกรมตรวจคนเข้าเมืองภายในวันที่ 31 พฤษภาคม เข้าสู่มาเลเซีย ตามประกาศดังกล่าว อย่างไรก็ดี เมื่อแผนการสรรหาบุคลากรของมาเลเซียหยุดชะงัก จึงมีความเป็นไปได้ที่จะหันไปให้ความสนใจมากขึ้นสำหรับการไปทำงานในเกาหลีใต้และไทย นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม รัฐบาลมาเลเซียหยุดการอนุมัติ KSM สำหรับการหาแรงงานต่างชาติตามโรงงาน และบริษัทต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หน่วยงานที่ส่งคนงานเมียนมาไปมาเลเซียโดยเฉพาะอาจหยุดการดำเนินงาน ตามที่เจ้าของตัวแทนจัดหางานในต่างประเทศระบุ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/many-myanmar-workers-prepare-to-go-to-malaysia-after-announcement-on-deadline-for-submission-of-calling-visa/

‘เมตา’ เผยเวียดนามมีศักยภาพขึ้นแท่นผู้นำเทคโนโลยี AI

นายราฟาเอล ฟรังเคล (Rafael Frankel) ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Meta Group กล่าวในงานแถลงข่าวของโครงการ “Vietnam Innovation Challenge 2024” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจเวียดนามในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา และมองเห็นความมุ่งมั่นของคนเวียดนามที่จะนำไปสู่การเติบโตของประเทศ รวมถึงนโยบายของรัฐบาลเวียดนามที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี และความร่วมมือกับประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและธุรกิจจากสหรัฐฯ

ทั้งนี้ รายงานจาก McKinsey 2023 เปิดเผยว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ นับเป็นรากฐานที่สำคัญของการการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งจากผลกระทบในครั้งนี้ จะปฏิรูปเทคโนโลยี งานแบบพลวัตและการสร้างเนื้อหาดิจิทัล ตลอดจนรายได้ของเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นหลายล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ทางบริษัท Meta มีแผนงานในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ใน WhatsApp, Messenger และ Instagram ปี 2567 ในเอเชียแปซิฟิกแล้ว และเวียดนามก็อยู่ในแผนงานดังกล่าว โดยเชื่อว่าเครื่องมือเหล่านี้สามารถรองรับกับความต้องการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในเวียดนามได้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1652586/viet-nam-s-potential-to-become-an-ai-dragon-meta.html

ARCCI ยินดีต้อนรับนักลงทุนชาวอินโดนีเซียในภาคเกษตรกรรมและปศุสัตว์

หอการค้าและอุตสาหกรรมเขตอิรวดี (ARCCI) เชิญนักธุรกิจชาวอินโดนีเซียให้ลงทุนในธุรกิจการเกษตรและปศุสัตว์ รวมถึงการผลิตและส่งออกข้าว ปลา และกุ้ง ด้านเจ้าหน้าที่ของ ARCCI ได้พบกับ Mr Arvinanto Soeriaatmadja ผู้ช่วยทูตพาณิชย์ของอินโดนีเซีย ที่ห้องประชุมโครงการอุตสาหกรรม Pathein ในเมือง Pathein เขต Ayeyawady เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ในการประชุม ผู้ช่วยทูตพาณิชย์แสดงความเต็มใจที่จะนำเข้าข้าวจากเมียนมาร์เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากอินโดนีเซีย และสร้างสะพานเชื่อมระหว่างนักธุรกิจเมียนมากับบริษัทอินโดนีเซียที่มีความสนใจร่วมกันในการจับมือกันในด้านข้าวและธุรกิจอื่นๆ รวมทั้ง นักธุรกิจชาวอินโดนีเซียยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่จะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายนที่สถานทูตอินโดนีเซียประจำเมียนมา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของ ARCCI ยังได้หารือเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านเทคโนโลยีและเงินทุนในธุรกิจข้าวและปศุสัตว์ โดยเชิญชวนบริษัทอินโดนีเซียให้ลงทุนในการทำฟาร์มตามสัญญาและการส่งออกข้าวและเมล็ดพืชโดยตรงจากภูมิภาคอิรวดีไปยังอินโดนีเซีย และโอกาสในการส่งออกอื่นๆ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/arcci-welcomes-indonesian-investors-to-agriculture-livestock-sectors/

ส่องตลาดดาต้าเซ็นเตอร์เวียดนาม มูลค่า 1.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2573

รายงานของ Viettel IDC เปิดเผยว่าตลาดศูนย์ข้อมูล (Data Center) ของเวียดนาม คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1.26 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2573 ด้วยอัตราการขยายตัว 10.8% ต่อปี ในขณะที่ตลาดศูนย์ข้อมูลโลก จะมีมูลค่าอยู่ที่ราว 321 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ และอัตราการขยายตัว 7.3% ต่อปี

ทั้งนี้ นาย Hoang Van Ngoc ผู้อำนวยการของ Viettel IDC กล่าวไว้ในที่ประชุม Data Center & Cloud Infrastructure Summit (DCCI Summit) ปี 2567 ว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก้าวไปสู่การขับเคลื่อนของศูนย์ข้อมูล ด้วยอัตราการขยายตัว 19% โดยมีการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญทั้งในตลาดหลักและตลาดรอง

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาถึงการเติบโตของตลาดศูนย์ข้อมูลเวียดนามเทียบกับประเทศอื่น พบว่าเวียดนามยังเติบโตค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาค

ที่มา : https://hanoitimes.vn/vietnams-data-center-market-to-reach-us126-billion-by-2030-326399.html

สปป.ลาว-เวียดนาม จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยงเชิงวัฒนธรรมบริเวณชายแดนทั้ง 2 ประเทศ

เทศกาลการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหัวพันและเซินลา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2567 จังหวัดเซินลาในเวียดนามที่มีพรมแดนติดกับแขวงหัวพันทางทิศตะวันออกของ สปป.ลาว และทั้งสองเมืองกำลังทำงานเพื่อพัฒนาและได้รับประโยชน์จากการเชื่อมโยงร่วมกัน นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการแสดงทางวัฒนธรรมที่ยกย่อง ขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของท้องถิ่น รวมถึงการเต้นรำแบบดั้งเดิม นิทรรศการภาพถ่าย และรายการอาหารที่แสดงถึงแก่นสารของอาหารหัวพัน โดยผู้ที่มาร่วมงานเทศกาลสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอันมั่งคั่งของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในแขวงหัวพันผ่านงานแสดงสินค้าริมถนนที่จัดแสดงอาหารและงานฝีมือท้องถิ่นยอดนิยมที่ผลิตโดยกลุ่มชาติพันธุ์ งานนี้ถือเป็นกิจกรรมที่หาได้ยากสำหรับทุกคนที่มาเยือนและนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงประสบการณ์ที่น่าสนใจอีกมากมาย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_59_Huaphan_y24.php

สปป.ลาว-จีน ร่วมมือเพื่อพัฒนาการแพทย์แผนโบราณ

ยาแผนโบราณใน สปป.ลาว พร้อมที่จะได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้นในฐานะองค์กรเภสัชกรรมที่ดำเนินการโดยรัฐ ร่วมมือกับหน่วยงานของจีน 3 แห่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรักษาของยาแผนโบราณในประเทศ มุ่งส่งเสริมการวิจัยด้านการแพทย์แผนโบราณในประเทศลาว โรงงานเภสัชกรรมรัฐวิสาหกิจแห่งที่ 3 ได้ร่วมมือกับ Kmoeba (Zhuhai Hengqin) Biomedical Co., Ltd. ของจีน, Guangdong Engineering Center for Traditional Chinese Medicine และมหาวิทยาลัยชีหนาน ผู้ผลิตยาแผนโบราณใน สปป.ลาว ยังได้พัฒนาแคปซูลสมุนไพรเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยใช้การวิจัยและพัฒนาจากพืชสมุนไพรในท้องถิ่น เช่น ฟ้าทะลายโจร เป็นตัวยาสำคัญ ทั้งนี้ แม้ว่าการแพทย์แผนโบราณต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ แต่รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการใช้ยาแผนโบราณและเพิ่มขีดความสามารถผ่านความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/03/22/laos-china-collaborate-to-advance-traditional-medicine/