ไทยเร่งฉีด วัคซีนโควิดแรงงานชาวเมียนมา ในแม่สอด

กรมอนามัยของประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนให้แรงงานข้ามชาติชาวพม่าที่แม่สอด ประเทศไทย เป็นครั้งแรกในเช้าวันที่ 17 สิงหาคม 64 ที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน แม่สอด ประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุขของไทยจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 5,000 โดสให้กับแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาในโรงงานและร้านค้า ซึ่งการฉีดวัคซีนในครั้งได้สร้างความเชื่อมั่นละคลายความกังวลให้กับนักธุรกิจชาวไทยที่ประกอบธุรกิจในแม่สอดได้มากขึ้นหลังจากที่ร้านค้าในแม่สอด สถานเสริมความงาม ร้านอาหาร และร้านค้าบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาถูกปิดเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ที่มา: https://news-eleven.com/article/213881

กกร.ขอพบ‘บิ๊กตู่’ ชี้ช่อง5แนวทางฝ่าวิกฤติโควิด

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย แจ้งว่า กกร.ได้ยื่นหนังสือขอเข้าหารือ นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ล่าสุดอยู่ระหว่างรอแจ้งเวลากลับมา ทั้งนี้ ได้ยื่น 5 ประเด็นหลักในการหารือดังนี้ 1.ให้เอกชน เป็นผู้ติดต่อนำเข้าวัคซีนได้ไม่ต้องผ่านหน่วยงานรัฐ 2.อนุญาตสนับสนุนให้เอกชนดำเนินการผลิตและจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ รวมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องให้เพียงพอ 3.สนับสนุนค่าใช้จ่ายชุดตรวจแรพิด แอนติเจน เทสต์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน และเพียงพอ 5.แนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เช่น ให้กรมสรรพากร ยกเว้นภาษีเอสเอ็มอี ระยะเวลา 3 ปี ฯลฯ

ที่มา: https://www.naewna.com/business/595654

‘เวียดนาม’ คงเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำถึงสิ้นปี 64

นาย Le Minh Khai รองนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการบริหารเมืองฮานอย รายงานที่ประชุมว่าเวียดนามดำเนินการรักษาการเติบโตของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 1% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เพื่อคงเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 4% ต่อปี โดยคณะกรรมการมองว่าเพื่อให้ตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่กำหนดไว้ เวียดนามจะต้องดำเนินการ 2 เป้าหมายสำคัญ คือ สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ ควบคู่กันไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ดัชนี CPI เผชิญกับอุปสรรค เนื่องจากตลาดมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาของความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปีนี้ นอกจากนี้แล้ว ดัชนี CPI ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 1.64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.89%

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1013386/vn-to-keep-cpi-growth-low-by-end-of-2021.html

‘เวียดนาม’ เผยโควิด-19 ทุบกิจการในเกิ่นเทอกว่า 95% หยุดกิจการชั่วคราว

จากรายงานของสำนักงานอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าจำนวนกิจการ 1,032 แห่งจากทั้งหมด 1,090 แห่ง หรือประมาณ 94.68% ของจำนวนธุรกิจทั้งหมดในจังหวัดเกิ่นเทอ (Can Tho) ปิดกิจการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 16 สิ.ค. ที่ผ่านมา การปิดกิจการนั้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และส่งผลกระทบต่อการผลิตและซัพพลายเชน ตลอดจนตลาดอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ ปัจจุบันมีจำนวนธุรกิจเพียง 20 แห่งที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเกิ่นเทอ ยังคงดำเนินกิจการต่อไปได้ ในขณะที่ธุรกิจ 41 แห่งที่ดำเนินกิจการอยู่นอกนิคมอุตสาหกรรมที่สามารถยังดำเนินการต่อไปได้ นอกจากนี้ จังหวัดเกิ่นเทอ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2,663 คน (ณ วันที่ 27 เม.ย –15 สิ.ค.)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/covid19-forces-nearly-95-percent-of-can-tho-firms-to-halt-operations/206456.vnp

จีนยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในสปป.ลาว

จีนยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในลาว โดยดำเนินโครงการทั้งหมด 813 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นาย Sonexay Siphandone รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุน กล่าวระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งที่ 5 ระหว่างผู้ประกอบการลาวและจีนเมื่อวันศุกร์ว่าจีนยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในลาว ตามรายงานของ Lao Youth Radio จาก 53 ประเทศที่ลงทุนสปป.ในลาว จีนมีจำนวนการลงทุนมากที่สุด นาย Sonexay Siphandone กล่าวเสริม “เขตเศรษฐกิจพิเศษ ทางด่วนเวียงจันทน์-วังเวียง สวนอุตสาหกรรม และโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดของการลงทุนของจีนในสปป.ลาว” อีกทั้งการรถไฟสปป.ลาว-จีน ซึ่งเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักของสปป.ลาว เสร็จสมบูรณ์แล้วกว่าร้อยละ 90 และคาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมปีนี้

ที่มา : https://laotiantimes.com/2021/08/17/china-remains-the-largest-foreign-investor-in-laos-2/

‘เวียดนาม’ ชี้ธุรกิจฟื้นตัว ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19

จากข้อมูลของกระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าถึงแม้เศรษฐกิจเวียดนามจะเผชิญกับอุปสรรคมากมาย เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ไปยังต่างจังหวัด โดยเฉพาะเมืองโฮจิมินห์ อย่างไรก็ดี การส่งออกและการนำเข้าในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ยังอยู่ในระดับสูง ด้วยมูลค่า 373.36 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 30.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ ประเด็นที่โดดเด่นที่สุดในเวียดนาม คือ ไม่ขาดแคลนสินค้าและไม่มีการปรับขึ้นราคาในช่วงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญแสดงความกังวลว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ หากการระบาดยังทวีความรุนแรงมากขึ้น จะส่งผลให้กิจการหยุดดำเนินธุรกิจ กิจกรรมการผลิตปิดตัวลง ตลอดจนขาดแคลนอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจจำนวนมากจึงต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ดังกล่าวและคงไว้กับการป้องกันการแพร่ระบาด

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/businesses-show-relisilience-amid-econmic-fallout-883020.vov

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าเกษตรกร 5 ล้านครัวเรือน เชื่อมโยงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

นาย Pham Anh Tuan รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารของเวียดนาม กล่าวว่าเวียดนามพยายามจะเชื่อมโยงครัวเรือนเกษตรกรจำนวนกว่า 5 ล้านครัวเรือน ให้เข้าปรับมาใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในปีนี้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและเป็นไฮไลท์ของแผนยุทธศาสตร์กระทรวงที่ได้อนุมัติเมื่อปลายเดือนก.ค. ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยฯ เรียกร้องให้หน่วยงานเกษตรและพัฒนาชนบท อุตสาหกรรมและการค้า เข้ามาร่วมมือกับบริษัทไปรษณีย์ 2 แห่ง ได้แก่ ‘Vietnam Post’ และ ‘Viettel Post’ เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงเกษตรกรกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-aims-to-connect-5-million-farming-households-to-ecommerce-platforms/206400.vnp

สภาพัฒน์ คาดเศรษฐกิจไทยปี 64 ยังมีความเสี่ยง ปรับลด GDP โต 0.7-1.2%

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ กล่าวว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ในไตรมาสที่ 2/64 ขยายตัว 7.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 และขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 โดยแรงหนุนจากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน ที่ขยายตัว 4.6% และการลงทุนรวมขยายตัว 8.1% โดยการลงทุนจากภาคเอกชนขยายตัว 9.2% และการลงทุนภาครัฐขยายตัว 5.6% ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัว 36.2% สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2564 นั้น คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 0.7% – 1.2% หรือฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากการลดลง 6.1% ในปี 63 แต่เป็นการปรับลดจาก 1.5% – 2.5% ในการประมาณการครั้งก่อน

ที่มา : https://www.thairath.co.th/business/economics/2167686