ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้ยังไม่บรรลุผล

การเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีที่ทางกัมพูชาได้เสนอต่อเกาหลีใต้ กำลังดำเนินไปอย่างช้า ๆ แม้ว่าทุกฝ่ายจะมีเป้าหมายที่จะจัดทำร่างฉบับสุดท้ายภายในสิ้นปี 2020 โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าการเจรจา FTA กับเกาหลีใต้ยังคงอยู่ในการหารือรอบที่สี่ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างกัมพูชากับเกาหลีใต้ เกี่ยวกับข้อตกลง FTA อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายกำลังผลักดันข้อตกลงนี้ให้เสร็จสิ้นภายในต้นปีนี้ โดยการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้มีมูลค่าอยู่ 724 ล้านดอลลาร์ลดลงร้อยละ 16 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งกัมพูชาส่งออกสินค้าไปเกาหลีใต้อยู่ที่ 267 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 5 โดยกัมพูชานำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้มีมูลค่าอยู่ที่ 457 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสินค้าสำคัญที่กัมพูชาส่งออกไปเกาหลีใต้ ได้แก่ เสื้อผ้าและสิ่งทอ รองเท้า กระเป๋าเดินทาง อะไหล่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ส่วนการนำเข้าสินค้าสำคัญของกัมพูชาจากเกาหลีใต้ ได้แก่ ยานยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ในครัว เครื่องดื่ม ยา และผลิตภัณฑ์พลาสติก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50802798/free-trade-deals-yet-to-come-to-fruition/

สปป.ลาวเปิดใช้ทางด่วนอัจฉริยะ 5G

ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ขยายตัวสู่ระบบดิจิทัลอย่างรวดเร็วในช่วง COVID-19 แต่ข้อจำกัด ทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ก่อนแล้วในสปป.ลาว แม้ว่าผลกระทบ จาก COVID-19 ต่อเศรษฐกิจคาดว่าจะยังคงมีอยู่แต่รัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นบ้างการลงทุนในโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงการเสร็จสิ้นในเฟสแรกของทางด่วนจีน – สปป.ลาวซึ่งเป็นทางด่วนอัจฉริยะสายแรกของประเทศที่เชื่อมต่อเวียงจันทน์-วังเวียงซึ่งพัฒนาร่วมกันโดย Yunnan Construction and Investment Holding Group ของจีนร่วมมือของรัฐบาลสปป.ลาว ทางด่วนดังกล่าวจะช่วยลดเวลาการเดินทางระหว่างเมืองหลวงเวียงจันทน์และวังเวียงรวมถึงการเชื่อมโยงระบบคมนาคมในประเทศเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในท้องถิ่นอีกด้วย การจัดตั้งทางด่วนอัจฉริยะแห่งแรกนี้ถือเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสปป.ลาวและเป็นก้าวแรกในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าของสปป.ลาว

ที่มา : https://techwireasia.com/2021/01/laos-first-smart-expressway-to-integrate-5g-ai-and-it/

รมต.ต่างประเทศจีนเข้าพบซูจีหารือความสัมพันธ์ทวิภาคี

เมื่อวานนี้ (11 มกราคม 64) ที่ปรึกษาแห่งรัฐนางอองซาน ซูจี ต้อนรับการาเยือนของ นายหวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เมืองเนปยีดอและลงนามในบันทึกความเข้าใจหนึ่งในนั้นคือโครงการรถไฟมัณฑะเลย์ – เจาะพยู และข้อตกลงทวิภาคีเกี่ยวกับความร่วมมือทางธุรกิจและทางเทคนิคแผนห้าปีสำหรับความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ ความเป็นไปได้เกี่ยวกับโครงการพัฒนาถนนและสะพานในชนบท การจัดหาเงินสำหรับการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้พลัดถิ่นภายในคะฉิ่นและการซื้อรถม้าจากจีนในอัตราดอกเบี้ย 0% การจัดตั้งประชาคมจีน – เมียนมา การดำเนินการตามระเบียงเศรษฐกิจจีน – เมียนมา สำหรับเมียนมาการจัดงานเฉลิมฉลองปีการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเมียนมาร์ – จีนและความร่วมมือทวิภาคีเพื่อสันติภาพและสันติสุขตามแนวชายแดนพม่า – จีน ทั้งนี้นางซูจีให้คำมั่นว่าจะดำเนินกระบวนการสันติภาพและการปรองดองแห่งชาติในระหว่างที่รัฐบาลใหม่เข้ารับตำแหน่ง จากการหารือเมื่อวานนี้เมียนมาได้รับวัคซีนป้องกัน COVID -19 จำนวน 300,000 เข็มและเวชภัณฑ์มูลค่า 3 ล้านหยวนตามข้อตกลงทวิภาคีของทั้ง 2 ประเทศ

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/state-counsellor-meets-with-chinese-foreign-minister

รัฐบาลพยายามลดค่าผ่านทางในแขวงจำปาสัก

ภาครัฐและผู้รับเหมาหลายภาคส่วนกำลังหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปรับลดค่าผ่านทางสำหรับการใช้ถนนสายหลักในแขวงจำปาสัก ผู้ว่าการจังหวัดจำปาศักดิ์กล่าวว่ารัฐบาลกำลังพยายามหาทางแก้ไขปัญหาที่ถกเถียงกันภายในสิ้นปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบจากค่าผ่านทางที่มีต่อผู้ขับขี่ในพื้นที่ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้ร้องเรียนเกี่ยวกับค่าผ่านทางที่กำหนดให้ใช้ถนนเหล่านี้โดยกล่าวว่าการเรียกเก็บเงินนั้นไม่ยุติธรรมและพวกเขาไม่มีเส้นทางอื่นจึงถูกบังคับให้ต้องจ่าย โดยการหารือเกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ได้สรุปแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้ 3 ประการ ประการแรกคือการลดอัตราค่าผ่านทาง ประการที่สองรัฐบาลสามารถหาเงินทุนจากแหล่งต่างๆเพื่อซื้อโครงการจากผู้รับเหมาแล้วลดอัตราค่าผ่านทาง ประการที่สามรัฐบาลอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าสำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ประสบความยากลำบากโดยต้องจ่ายค่าผ่านทางเป็นประจำ สามารถออกบัตรให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ได้โดยอนุญาตให้จ่ายน้อยลงและช่วยลดภาระทางการเงิน แม้ว่ารัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ แต่ค่าผ่านทางจะยังคงอยู่แม้ว่าจะมีแนวโน้มลดลงก็ตาม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_7.php

ผู้บริโภคชาวสปป.ลาวยังคงชื่นชอบผลผลิตทางการเกษตรที่นำเข้าจากพื่อนบ้าน

รัฐบาลสปป.ลาวยอมรับว่าชาวสปป.ลาวยังคงนิยมสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าผลผลิตที่ปลูกเองในประเทศ ตามรายงานของ Lao Post ผู้บริโภคชาวสปป.ลาวยังคงชื่นชอบผลไม้และผักบางชนิดที่นำเข้าจากประเทศไทย เวียดนามและจีนเนื่องจากผู้บริโภคยังคงมีความเชื่อว่าคุณภาพของสินค้านำเข้าสูงกว่าผลผลิตที่ปลูกในประเทศ จากความเชื่อเช่นนี้จึงมักมีการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรอย่างผิดกฎหมายหรือลักลอบเข้าประเทศ Mr.Oudone Xaymounty รองหัวหน้าสภาประชาชนนครหลวงเวียงจันทน์กล่าวว่า  “ในช่วงหลายปีมานี้ความต้องการสินค้าเกษตรที่ปลูกในสปป.ลาวไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศทำให้ต้องนำเข้าสินค้ปริมาณมากจากประเทศเพื่อนบ้าน” อย่างไรก็ตามรัฐบาลกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อสนับสนุนภาคการเกษตรหลังจากการแพร่ระบาดอย่างหนักของ COVID-19 ทำให้รัฐบาลเร่งพัฒนาและให้ความสำคัญกับภาคเกษตรมากขึ้นเพราะเป็นจะเป็นแหล่งสำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านอาหารแก่ประเทศ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2021/01/11/lao-consumers-still-favor-imported-agricultural-produce/

สถานการณ์ภาคการเกษตรกัมพูชาในปีที่ผ่านมา

กระทรวงเกษตรตั้งเป้าที่จะเพิ่มผลิตภาพในส่วนของภาคการเกษตรภายในประเทศ โดยมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนไปใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตรทดแทนแรงงานมนุษย์ ซึ่งเครื่องจักรกลการเกษตรที่เข้ามาคาดว่าจะแทนที่แรงงานคนและสัตว์เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตข้าวและพืชอุตสาหกรรมเกษตร จากรายงานของกรมวิชาการเกษตรกัมพูชาปัจจุบันมีรถแทรกเตอร์ 32,094 คัน รถคูโบต้า 498,119 คัน และรถเกี่ยวข้าว 6,796 คัน ในภาคการเกษตร ซึ่งในปี 2020 กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่ารวมกว่า 4.037 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ซึ่งเป็นการส่งออกข้าวสารมากกว่า 690,000 ตัน ในปี 2020 ไปยังตลาดต่างประเทศทั่วโลก และข้าวเปลือกอีกมากกว่า 2,800,000 ตัน ถูกส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม รวมไปถึงผลิตผลทางการเกษตรอื่น ๆ ร่วมด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50802183/2020-was-a-bumper-year-for-agriculture/

กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น

กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯมูลค่ารวม 6,059 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2020 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานการส่งออกของกัมพูชา แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยตัวเลขจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 6,369 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกันลดลงร้อยละ 22 เมื่อเทียบเป็นรายปี นั่นแสดงให้เห็นว่าการส่งออกสินค้าของสหรัฐฯไปยังกัมพูชาลดลง ซึ่งกัมพูชานำเข้าสินค้าอยู่ราว 312 ล้านดอลลาร์ โดยตัวเลขในเดือนพฤศจิกายน 2020 เพียงเดือนเดียว แสดงให้เห็นว่ากัมพูชาส่งออกไปยังสหรัฐฯ 526 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้าอยู่ที่ 42 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ในทิศทางเดียวกัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50802292/cambodian-exports-to-us-rising/

แบงก์ชาติเวียดนามตั้งเป้าสินเชื่อ 12% ในปี 64

ในปี 2564 ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 12% ใกล้เคียงกับระดับเดียวกันของปีที่แล้วที่ 11-12% สิ่งนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญในปี 2564 ที่กำหนดไว้ในหนังสือเวียนฉบับ No.01/CT-NHNN โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ แบงก์ชาติเวียดนาม คาดว่าจะยังคงควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ต่ำกว่า 4% เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ในขณะที่ ภาคธนาคารมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อ รวมถึงช่วยเหลือธุรกิจและผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส อย่างไรก็ตาม แบงก์ชาติเวียดนาม ได้เน้นถึงความสำคัญในเรื่องการปรับโครงสร้างสถาบันสินเชื่อ โดยเฉพาะระบบธนาคารที่อ่อนแอ และแก้ไขปัญหาหนี้เสีย นอกจากนี้ เมื่อปี 2563 แบงก์ชาติเวียดนามได้หั่นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ครั้งที่ 4 เพื่อกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง

  ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-cbank-targets-credit-growth-at-12-in-2021-315835.html