กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าพิจารณาระงับข้อเสนอการลงทุนใหม่สำหรับสถานีบริการน้ำมัน

ข้อเสนอสำหรับการลงทุนในการก่อสร้างและการดำเนินงานของสถานีบริการน้ำมันแห่งใหม่จะได้รับการพิจารณาโดยรัฐบาลสปป.ลาวอีกครั้งหลังจากโครงการถูกระงับไปก่อนในการประชุมสมัชชาสามัญสมัยล่าสุดของสมัชชาแห่งชาติ (NA) ดร. Sonexay Siphandone กล่าวว่า “ไม่กี่ปีที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า พิจารณาระงับข้อเสนอการลงทุนใหม่สำหรับสถานีบริการน้ำมันและธุรกิจน้ำมันอื่น ๆหลังจากเจ้าหน้าที่ทราบว่าสถานีบริการน้ำมันหลายแห่งกำลังดำเนินการโดยไม่ได้ลงทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าสถานีบริการน้ำมันในบางพื้นที่ตั้งอยู่ใกล้กันมากเกินไป สิ่งนี้ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดซึ่งกำหนดให้สถานีบริการน้ำมันอยู่ห่างกันอย่างน้อย 1,000 เมตร  หน่วยงานได้กำหนดในวันที่ 1 มิถุนายน 2563 สำหรับการปรับปรุงแก้ไข้สถานบริการน้ำมันที่ไม่มีมาตรฐาน อย่างไรก็ตามรัฐบาลเสริมว่าข้อเสนอในการสร้างสถานีบริการน้ำมันใหม่ในชุมชนควรจะได้พิจารณาหรืออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจึงค่อยดำเนินโครงการได้

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Investment141.php

ราคาทองคำในสปป.ลาวปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางโรคระบาดโควิด -19

จำนวนลูกค้าที่ซื้อเครื่องประดับที่เป็นทองคำในสปป.ลาวลดลงหลังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากผลกระทบของการระบาดใหญ่ของ Covid-19 ประธานสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับสปป.ลาวกล่าวว่าราคาเครื่องประดับที่เป็นทองคำในสปป.ลาว เมื่อวันพุธอยู่ที่ 8.8 ล้านกีบต่อบาท(15 กรัม) และ 2.2 ล้านกีบต่อสลึง (3.75 กรัม) เพิ่มขึ้นจาก 8.2 ล้านกีบต่อบาท และประมาณ 2 ล้านกีบต่อสลึง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน  ผลกระทบหนักของ Covid-19 ทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาส่งผลให้ผู้นำอเมริกันตัดสินใจพิมพ์สกุลเงินดอลล่าร์มากขึ้นและเพื่อสนับสนุนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ จะส่งผลให้มูลค่าของสกุลเงินทั่วโลกลดลงและตลาดทองคำขนาดใหญ่ทั่วโลกต่างต้องเก็บผลิตภัณฑ์เพื่อขายในช่วงวิกฤต ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่ยั่งยืนและประเทศกำลังพัฒนาอาจเก็บทองคำเมื่อสกุลเงินอ่อน ปัญหานี้เป็นเหตุผลสำคัญสำหรับการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำในระดับโลกและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสปป.ลาว อย่างไรก็ตามไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางในอนาคตของราคาทองคำได้เนื่องจากขึ้นอยู่กับแนวโน้มของตลาดโลกและสินค้าทองคำส่วนใหญ่จะถูกนำเข้า และจีนเป็นตลาดหลักสำหรับทองคำและหากราคาในจีนขยับขึ้นหรือลงจะมีผลกระทบต่อตลาดสปป.ลาว ราคาทองคำยังได้รับผลกระทบเช่นกันเมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและค่าเงินบาทอ่อนค่าหรือสูงสุด

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Gold141.php

ขณะที่กัมพูชากำลังพัฒนาสนามบินแห่งใหม่ปริมาณผู้โดยสารทางเครื่องบินกลับลดลงร้อยละ 67

สนามบินนานาชาติ 3 แห่งของกัมพูชาที่ทำการเปิดให้บริการ ได้ให้การต้อนรับผู้โดยสารจำนวน 1.9 ล้านคน ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ลดลงกว่าร้อยละ 67.5 จาก 6 ล้านคนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จากรายงานสนามบินนานาชาติเสียมเรียบและสนามบินนานาชาติสีหนุวิลล์มีปริมาณผู้โดยสารลดลงถึงร้อยละ 72.3 และ 75.1 คิดเป็นจำนวน 617,905 และ 188,502 คนตามลำดับ โดยการขนส่งสินค้าทางอากาศก็ลดลงเช่นเดียวกันมาอยู่ที่ร้อยละ 29.5 ซึ่งเมื่อปีที่แล้วสนามบินกัมพูชาได้ให้บริการผู้โดยสารจำนวน 11.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 เมื่อเทียบกับปี 2018

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50747225/passenger-traffic-slides-down-67-percent-while-development-of-new-airports-boom/

การเพิ่มขึ้นของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในกัมพูชา

ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตพื้นฐานในกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้สู่ 249,132 คน เนื่องจากความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดของ COVID-19 ซึ่งข้อมูลเผยแพร่โดย Telecommunication Regulator of Cambodia (TCR) ซึ่งโฆษกของ TRC กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของสมาชิกอินเทอร์เน็ตในรูปแบบคงที่ สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพ จากความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตในหลาย ๆ ด้าน เช่นการทำงานและการศึกษาผ่านทางไกล ที่มีส่วนช่วยให้การใช้อินเทอร์เน็ตสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมีผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบนมือถือจำนวน 14.8 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 90 ของประชากรกัมพูชา และมีผู้ใช้ซิมการ์ดที่ลงทะเบียนทั้งหมดจำนวน 20.4 ล้าน หรือคิดเป็นร้อยละ 124 ของประชากร (รวมการลงทะเบียนซิมการ์ดจากนักท่องเที่ยว) ซึ่งในเดือนพฤษภาคมจากรายงานแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีผู้ใช้ Facebook ประมาณ 10.9 ล้านคน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50747218/fixed-internet-users-on-the-rise/

สื่อนอกชี้ความท้าทาย ครม.ใหม่ เศรษฐกิจไทยตกต่ำสุดในอาเซียน

เดอะ นิคเคอิ เอเชียน รีวิว สื่อใหญ่ของญี่ปุ่น รายงานนำเสนอมุมมองที่มีต่อเศรษฐกิจไทยท่ามกลางสภาวะ “เปลี่ยนม้ากลางศึก เปลี่ยนขุนพลกลางสนามรบ” ผ่านบทความ Thailand’s rulers must act fast to reverse COVID-19 economic damage ที่เขียนโดยวิลเลียม พีเซค (William Pesek) สื่อมวลชนที่คร่ำหวอด ว่า ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายสุดโหดและเศรษฐกิจที่ตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ใครจะเข้ามาเป็น หัวหน้าทีมเศรษฐกิจไทย หรือ โผคณะรัฐมนตรีใหม่ (ครม.) จะมีใครบ้าง จะไม่สำคัญเท่ากับการที่ไทยจะต้องปรับตัวเองให้ไว ปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างจริงจัง และขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่ริเริ่มไว้ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด การไหลออกของรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ ๆ รวมทั้งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอย่าง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ดูเหมือนว่าเหตุผลส่วนหนึ่งจะมาจากผลการทำงาน เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 นี้ ซึ่งเป็นปีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ขับเคลื่อนรัฐนาวามาครบ 1 ปี จะหดตัวที่ร้อยละ -8.1 ทำให้เป็นไปได้ที่ไทยจะกลายเป็นประเทศที่เศรษฐกิจย่ำแย่ที่สุดในอาเซียน แต่นักวิเคราะห์ก็มองว่า ในอีกแง่หนึ่งการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ น่าจะเป็นความพยายามสร้างความมั่นคงทางการเมือง มากกว่าจะด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/world/442806

รัฐบาลสปป.ลาวให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับสหภาพยุโรป

รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมากกับความร่วมมือระหว่างประเทศกับสหภาพยุโรปในช่วง 45 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตรวมถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ โดยสหภาพยุโรปให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาต่อสปป.ลาวภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างปี 2559-2563 มูลค่า 500 ล้านยูโร โดยมีโครงการต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็น ความมั่นคงด้านอาหาร สิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม การสร้างรัฐภายใต้หลักนิติธรรม การพัฒนาภาคเอกชนให้มีส่วนรวมต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสปป.ลาว ซึ่งสหภาพยุโรปได้ให้ความช่วยเหลือสปป.ลาวในกรอบการทำงานพหุภาคีผ่านองค์กรระหว่างประเทศที่หลากหลาย ในปัจจุบันที่มีการระบาดของCOVID-19 ทั่วโลกสหภาพยุโรปกำลังเตรียมที่จะช่วยเหลือสปป.ลาวในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในยุคหลังโควิด -19

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt140.php

กัมพูชาส่งออกกล้วยกว่า 1.4 แสนตัน ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020

กัมพูชาส่งออกกล้วยสดกว่า 140,000 ตัน ไปยังตลาดต่างประเทศในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยจีนเป็นตลาดหลักสำหรับการส่งออกกล้วยของกัมพูชา ซึ่งตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนปีนี้มีรายได้ประมาณ 68 ล้านดอลลาร์จากการส่งออกกล้วยสดไปยังต่างประเทศ ปัจจุบันมีบริษัท 9 แห่ง ได้รับการรับรองให้มีสิทธิ์ส่งออกกล้วยไปยังตลาดจีนได้ โดยนอกจากจีนแล้วยังมีการส่งกล้วยสดไปยังสหภาพยุโรป เอเชียและโอเชียเนียอีกด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเคารพมาตรฐานด้านสุขอนามัยเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภคเพื่อรักษาระดับการเติบโตของการส่งออกกล้วยให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกกล้วยสดจำนวน 150,000 ตัน ไปยังต่างประเทศมีรายได้รวมจากการส่งออกอยู่ที่ 59 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50746833/cambodia-exports-140000-tons-of-banana-and-earns-68-million-in-first-half-of-the-year/