ผู้มีตั๋วเครื่องบินเท่านั้นที่อนุญาตให้เข้าสนามบินย่างกุ้ง

สนามบินนานาชาติย่างกุ้ง (YIA) จะทำการจำกัดการเข้าถึงอาคารผู้โดยสารของอาคารตามประกาศของกรมการบินพลเรือนและกระทรวงสาธารณสุขและการกีฬา ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (29 มีนาคม) เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่มีตั๋วเครื่องบินและพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสนามบินเท่านั้นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของ COVID-19 YIA

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/only-ticket-holders-allowed-inside-yangon-airport.html

เวียดนามปลดล็อกกฎระเบียบนำเข้า “รถยนต์” กรุยทางสู่ MRA อาเซียน ส.ค.นี้

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผย ‘เวียดนาม’ ปรับปรุงเงื่อนไขนำเข้ารถยนต์ ผ่อนปรนให้ตรวจสอบคุณภาพเฉพาะล็อตแรกที่นำเข้า ยกเลิกการใช้หนังสือรับรองคุณภาพที่ออกโดยประเทศผู้ส่งออก ให้เวียดนามประเมินโรงงานการผลิตของประเทศผู้ส่งออกแทน ชี้ช่วยอำนวยความสะดวกผู้ส่งออกไทยมากขึ้น ด้านอาเซียนเตรียมดันลงนาม MRA ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 52 สิงหาคมนี้ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวียดนามได้ออกและบังคับใช้กฤษฎีกา ฉบับที่ 17 (Decree 17/2020) ปรับปรุงเงื่อนไขการนำเข้ารถยนต์ที่เคยกำหนดไว้ในกฤษฎีกา ฉบับที่ 116 (Decree 116/2017) จากเดิมกำหนดให้รถยนต์นำเข้าต้องถูกตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัยในทุกล็อตที่นำเข้า ปรับเป็นตรวจสอบเฉพาะรถยนต์ล็อตแรกที่นำเข้า รวมทั้งยกเลิกการใช้หนังสือรับรองคุณภาพรถยนต์นำเข้า (Vehicle Type Approval Certificate: VTA) ที่ออกโดยหน่วยงานในประเทศผู้ส่งออก ปรับเป็นกำหนดให้โรงงานผลิตหรือประกอบรถยนต์ของประเทศผู้ส่งออก ต้องได้รับการประเมินโรงงานการผลิต (Conformity of Production: COP) โดยหน่วยงานตรวจสอบของเวียดนาม (Vietnam Register) ซึ่งผลการตรวจสอบและผลการตรวจประเมินจะมีอายุ 36 เดือน ทั้งนี้ การผ่อนปรนกฎระเบียบการตรวจสอบรถยนต์นำเข้าของเวียดนาม จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ส่งออกรถยนต์ของไทยมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องขอเอกสาร VTA รวมทั้งไม่ต้องถูกตรวจรถยนต์ที่ส่งออกไปเวียดนามทุกล็อต ซึ่งตั้งแต่ปี 2561 กระทรวงพาณิชย์ได้พยายามเรียกร้องและผลักดันเวียดนามเรื่องนี้มาโดยตลอด นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 กระทรวงคมนาคมของเวียดนามได้ออก Circular 05/2020 ซึ่งกำหนดแนวทางในการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยด้านเทคนิค และป้องกันสิ่งแวดล้อมสำหรับรถยนต์ที่ผลิต/ประกอบในประเทศ และรถยนต์นำเข้าตามกฤษฎีกาฉบับใหม่ โดยจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 15 เมษายน 2563 ทั้งนี้ Circular 05/2020 ยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานตรวจสอบของเวียดนาม ยอมรับผลการตรวจสอบรับรองมาตรฐานรถยนต์จากหน่วยงานของประเทศที่เวียดนามมีข้อตกลงยอมรับร่วม (MRA) ด้วย ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากขณะนี้อาเซียนอยู่ระหว่างเตรียมลงนามข้อตกลงยอมรับร่วม (MRA) ผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ระหว่างกัน โดยที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 26 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 ได้ขอให้เวียดนามเร่งรัดกระบวนการภายในให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถลงนามข้อตกลงฯ ได้ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 52 ในเดือนสิงหาคมนี้ ที่เวียดนาม โดยขณะนี้ประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศยกเว้นเวียดนาม ได้แสดงความพร้อมที่จะลงนามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ข้อตกลง MRA จะทำให้ประเทศสมาชิกอาเซียนต้องยอมรับผลการทดสอบ ที่ออกโดยหน่วยงานตรวจสอบที่ได้ขึ้นทะเบียนในประเทศผู้ส่งออก โดยไม่ต้องทำการทดสอบซ้ำในประเทศผู้นำเข้า ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคในการนำเข้าและส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ตลอดจนสร้างตลาดและฐานการผลิตร่วมในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ ในปี 2562 เวียดนามนำเข้ารถยนต์จากไทย จำนวน 74,993 คัน มูลค่า 1,527 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 53 ของการนำเข้าทั้งหมด โดยมีปริมาณการนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 จากปี 2561 โดยคาดว่าภายหลัง Decree 17 บังคับใช้ ประกอบกับการทำข้อตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียน จะทำให้ไทยสามารถส่งออกรถยนต์ไปเวียดนามได้มากขึ้น

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-440168

เวียดนามเผยดัชนีราคาผู้บริโภคไตรมาสแรก ขยายตัวสูงสุดตั้งแต่ปี 2559-2563

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ปรับตัวขึ้นร้อยละ 5.56 นับว่าสูงสุดตั้งแต่ปี 2559-2563 โดยสาเหตุสำคัญจากความต้องการอาหารเพิ่มขึ้น ในเดือนม.ค. – ก.พ. (ช่วงปีใหม่เต็ด : Tet), ภายในงานแถลงข่าววันที่ 27 มี.ค. ณ กรุงฮานอย รวมถึงราคาอาหารและผักที่ปรับสูงขึ้นร้อยละ 13.21 และ 4.14 ตามลำดับ โดยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น เริ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนม.ค. ปีนี้ ดังนั้น ความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ไฟฟ้าและน้ำเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาสินค้าดังกล่าวปรับตัวขึ้นร้อยละ 1.43, 9.89 และ 4.75 ตามลำดับ สำหรับราคาน้ำมันเฉลี่ยในช่วงไตรมาสแรก ลดลงร้อยละ 5.75 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 และสงครามราคาน้ำมันระหว่างโอเปกและรัสเซีย ทั้งนี้ อุปสงค์การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในช่วงวันปีใหม่ แต่เมื่อเผชิญกับการแพร่ระบาดทำให้แพ็คเกจทัวร์ลดลง นอกจากนี้ ทางสำนักงาน GSO ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในช่วง 3 เดือนแรก ปรับตัวขึ้นร้อยละ 3.05

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/firstquarter-cpi-sees-highest-rise-in-20162020-411898.vov

เวียดนามเกินดุลการค้า 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วงไตรมาสแรก

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าเวียดนามเกินดุลการค้าอยู่ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งมูลค่ามากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดหนักของโรคโควิด-19 ในกลุ่มตลาดส่งออกสำคัญ สำหรับภาคธุรกิจในประเทศขาดดุลการค้า 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ภาคการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเกินดุลการค้า 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น มูลค่าการส่งออกช่วงไตรมาสแรก 59.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และสินค้าส่งออกหลัก 8 รายการที่มีมูลค่าส่งออกมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 15.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาจีน สหภาพยุโรป อาเซียน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ในขณะเดียวกัน มูลค่าการนำเข้า 56.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.9 และสินค้านำเข้าหลัก 14 รายการที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจีนยังคงเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 13.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 18 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาเกาหลีใต้ อาเซียน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ทางสำนักงานดังกล่าวคาดว่าเมื่อข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA มีผลบังคับใช้จะทำให้เวียดนามส่งออกไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 ในปีนี้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากข้อตกลง

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-enjoys-trade-surplus-of-us28-billion-in-first-quarter-411899.vov

COVID-19 ฉุดเศรษฐกิจเวียดนามลงมาอยู่ที่ 6.3% : Fitch Solution

จากรายงานของศูนย์วิจัย Fitch Solutions ในวันที่ 24 มี.ค. เปิดเผยว่าปรับลดอัตราการขยายตัวของ GDP เวียดนาม ในปี 2563 อยู่ที่ร้อยละ 6.3 จากที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 6.8 ก่อนหน้านี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) อีกทั้ง แนวโน้มของตลาดเกิดใหม่ (EM) ชี้ให้เห็นว่าเวียดนามมีความยืดหยุ่นทางการคลังอยู่ในระดับต่ำ จากการที่หนี้สินภาครัฐสูง รวมถึงทางศูนย์ฯ ยังปรับลดเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่อื่นๆ “แม้ว่าจะไม่แพร่ระบาดของโควิด-19 มากนักในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ แต่คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจะลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3 ในปี 2563” ทั้งนี้ ความตึงเครียดของตลาดการเงินทั่วโลกจะแสดงให้เห็นจากความรัดกุมของสภาพคล่องในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ซึ่งทางศูนย์วิจัยมองว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ และการเทขายของตลาดหุ้นส่งผลให้ดัชนีหุ้นอ้างอิงของบริษัทในตลาดเกิดใหม่ (MSCI) ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 30 ในขณะที่ ไม่น่าแปลกใจมากนัก จากการที่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าความตึงเครียดของตลาดการเงินในตลาดเกิดใหม่ ส่งผลให้การเติบโตลดลงอย่างมากหลังจากภาวะทางการเงินที่ย่ำแย่

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/covid19-to-pull-vietnams-growth-down-to-63-fitch-solutions-411813.vov

แอลจีเรียเป็นตลาดที่มีศักยภาพของผลิตภัณฑ์เวียดนาม

จากรายงานของสำนักงานการค้าเวียดนามในแอลจีเรีย ระบุว่าสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรียเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการส่งออกลวดเย็บกระดาษของเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กาแฟและข้าว เป็นต้น รายได้จากการส่งออกของเวียดนามไปยังแอลจีเรีย เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ และเวียดนามอาจขยายส่งออกกาแฟไปยังแอลจีเรีย เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดของผู้คนในท้องถิ่น ทั้งนี้ กาแฟเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกชั้นนำของเวียดนามไปยังแอลจีเรีย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของตลาดแอลจีเรีย ขณะที่ ข้าวยังคงเป็นสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพอย่างมาก เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยแอลจีเรียส่วนใหญ่จะนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ 100,000 ตันต่อปี ยิ่งไปกว่านั้น อัตราภาษีนำเข้าของประเทศสำหรับอาหารจะต่ำกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มสินค้าประเภทอื่น นอกจากนี้ ในปี 2562 เวียดนามส่งออกข้าวไปยังแอลจีเรียราว 17,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 และจำนวนแรงงานชาวเอเชียเพิ่มสูงขึ้นในแอลจีเรีย ทำให้มีความต้องการข้าวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/algeria-a-potential-market-for-vietnamese-products/170720.vnp

เดือนมกราคมเงินเฟ้อเมียนมายังคงเพิ่มขึ้น

จากข้อมูลล่าสุดขององค์การสถิติกลาง (CSO) เดือนมกราคม 2563 อัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2562 ตัวเลขของเดือนมกราคมอยู่ที่ 9.06% เพิ่มขึ้นจาก 8.81% ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าราคาอาหารรวมถึงข้าว น้ำมัน เนื้อสัตว์ ปลา ผัก และสินค้าพื้นฐานอื่น ๆ ลดลง รายการที่ไม่ใช่อาหารเช่น ทองคำ เครื่องดื่ม บุหรี่ เสื้อผ้าและค่าเช่าบ้านเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อของประเทศพุ่งสูงถึง 10.6% ในเดือนมิถุนายน 2559 IMF คาดเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 6-7% ในระยะปานกลางเนื่องจากผลกระทบจากภาษีค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นสิ้นสุดลงและแรงกดดันจากราคาอาหารที่สูงขึ้น ธนาคารโลกกล่าวว่าอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำและส่งผลความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจที่ลดลง

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/inflation-continued-rise-january-officials-say.html

โรงงานใน Kaixi Myanmar ปลดคนงานกว่า 1,200 คน

สองโรงงานของ Kaixi ในเขตอุตสาหกรรม Ngwepinle ในเมืองไหลตายา และเขตอุตสาหกรรม Shwepyitha (4) ในเมืองชเว-ปยีตา เขตย่างกุ้งปลดพนักงาน 1,200 คนไปเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ได้รับคำสั่งซื้อชุดชั้นในสตรีจากประเทศคู้ค้าหลักอย่างอิตาลีและฝรั่งเศษที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 โรงงานทั้งสองเลิกจ้างแรงงาน 300 คนที่ทำงานน้อยกว่าสามเดือน ในการแจ้งเพื่อเลิกจ้างคนงานหากไม่มีคำสั่งซื้อควรแจ้งล่วงหน้าก่อนหนึ่งเดือน ทั้งนี้แรงงานจะได้รับการว่าจ้างอีกครั้งหากมีคำสั่งซื้อเข้ามา

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/kaixi-myanmar-factories-cut-1200-workers