การก่อสร้างทางด่วนยกระดับในย่างกุ้งจะเริ่มสิงหาคมนี้

กระทรวงการก่อสร้างของเมียนมา (MOC) คาดว่าการก่อสร้างระยะแรกของทางด่วนยกระดับย่างกุ้ง (YEX) จะเริ่มขึ้นในเดือน กระทรวงพาณิชย์เปิดตัวคำขอขั้นสุดท้ายสำหรับข้อเสนอสำหรับการพัฒนาเฟส 1 ภายใต้ Public Private Partnership (PPP) มีผู้ประมูล 10 คนที่ผ่านการคัดเลือกโดยกำหนดวันสุดท้ายของการยื่นประมูลในวันที่ 30 เมษายน การก่อสร้างคาดว่าจะเริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้คาดใช้เวลาประมาณ 3.5 ปี ตั้งแต่ปี 61 รัฐบาลได้มองหานักลงทุนในการพัฒนา YEX ซึ่งจะต้องเชื่อมโยทางงธุรกิจและชุมชนที่อยู่อาศัยและลดความแออัดของการจราจรในศูนย์กลางการค้าของประเทศ และเพื่อเป็นการพัฒนาทางเศรษฐกิจ จากการประมาณ ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระยะแรกของ YEX ควรอยู่ระหว่าง 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ 100 ล้านดอลลาร์ YEX เป็นโครงการที่มีความสำคัญสำหรับรัฐบาลและจะเป็นโครงการขนส่งแห่งแรกที่ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการ PPP โครงการจะประกอบด้วยถนนยกระดับสี่เลนระยะทาง 47.5 กิโลเมตรซึ่งจะเชื่อมโยงทางใต้ของย่างกุ้งซึ่งรวมถึงท่าเรือย่างกุ้งและเขตเศรษฐกิจพิเศษทิลาว่าไปทางด้านทิศเหนือของเมืองซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติย่างกุ้ งสวนอุตสาหกรรม Mingaladon และทางด่วนย่างกุ้ง – มันดาเลย์ตั้งอยู่ ระยะที่หนึ่งของโครงการจะเกี่ยวข้องกับถนนวงแหวนสี่เลน 27.5 กม. ที่เชื่อมต่อตะวันออกและตะวันตกของย่างกุ้งรวมถึงสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง การประมูลระยะที่สองของโครงการคาดว่าจะเริ่มในปลายปีนี้

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/construction-yangon-elevated-expressway-start-august.html

งานแสดงสินค้าสร้างโอกาสแก่แรงงานและผู้ประกอบการสปป.ลาว

งานแสดงสินค้าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในการช่วยกระตุ้นยอดขายและทำให้คนในสปป.ลาวรู้จักสินค้าจากรายย่อยมากขึ้นนอกจากนี้ยังทำให้ ลูกจ้างมีโอกาสติดต่อกับนายจ้างได้โดยตรงภายในงาน  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่พึ่งจบการศึกษาที่ต้องการงานในขณะนี้ซึ่งคาดว่าภายในงานจะมีตำแหน่งงานรองรับนักศึกษากลุ่มดังกล่าวมากถึง 2,000 ตำแหน่ง จากบริษัทมากกว่า 30 บริษัท งานดังกล่าวไม่เพียงแค่สร้างโอกาสแก่นักศึกษาในการได้งานแต่ยังมีการอบรมเพื่อเป็นแรงงานที่มีประสิทธิภาพอีกด้วยเพื่อประโยชน์ของทั้งฝั่งแรงงานได้โอกาสพัฒนาฝีมือและธุรกิจที่จะได้แรงงานที่มีคุณภาพกลับไป

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/job-fairs-successful-linking-employers-candidates-minister-113946

รองนายกรัฐมนตรีส่งเสริมการใช้ไอซีทีระบบดิจิตอลเพื่อพัฒนาประเทศ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Somdy Duangdy ได้ให้คำแนะนำแก่ภาคการสื่อสารและโทรคมนาคมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เพื่อกระตุ้นการพัฒนาสำหรับการดำรงชีวิตของประชาชนและการพัฒนาโดยรวมของประเทศ ในปัจจุบันสปป.ลาวได้มีการนำอินเตอร์เน็ตเข้าไปบูรณาการกับการทำงานแต่ละกระทรวงเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดไม่ว่าจะเป็น ระบบการชำระเงินอออนไลน์ที่จัดการเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงยังอำนวยความสะดวกแก่ธุรกิจ SME ในสปป.ลาวอีกด้วย นอกจากยัง e-post, e-logistics, e-Finance และ e-commerce ที่เข้ามามีส่วนในการพัฒนาประเทศโดยรวมซึ่งถือเป็นรากฐานที่ดี ที่อนาคตสปป.ลาวจะนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการผลักดันประเทศไปข้างหน้า

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/deputy-pm-advises-ministry-maximise-use-ict-digitalisation-113945

ด้วยสถานการณ์ EBA ภาคเอกชนกำลังตัดสินใจที่จะโยกย้ายเงินลงทุนบางส่วนออกจากกัมพูชา

หอการค้ากัมพูชาและหอการค้าธุรกิจอื่นๆรวมถึงสภาธุรกิจมาเลเซียแห่งกัมพูชา หอการค้ายุโรปและหอการค้าอเมริกันในกัมพูชา แสดงความเสียใจต่อการที่ยุโรปคาดว่าจะเริ่มเก็บภาษีการส่งออกของประเทศไปยังสหภาพยุโรปร้อยละ 20 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐจากสินค้าส่งออกทั้งหมด 5.8 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยจะคิดภาษีร้อยละ 20 ของผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าและร้อยละ 30 ของผลิตภัณฑ์รองเท้า ส่วนการนำเข้ารถจักรยานและข้าวจากกัมพูชาจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ซึ่งภาคเอกชนได้เรียกร้องให้พิจารณาถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของการตัดสินใจเพราะการย้ายจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาประมาณ 140 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับสินค้าที่ถูกขึ้นภาษี อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการในรูปแบบของการปฏิรูปโครงสร้างในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเพื่อรับมือกับผลกระทบด้านลบที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของสหภาพยุโรป โดยภาคเอกชนยังคงเรียกร้องให้ทั้งสหภาพยุโรปและรัฐบาลมีส่วนร่วมในการหารือเกี่ยวกับประเด็นที่คณะกรรมาธิการเสนอขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50691649/private-sector-regrets-eba-partial-withdrawal-decision

FTA ระหว่างกัมพูชาและจีนใกล้ประสบผลสำเร็จ

กัมพูชาและจีนกำลังวางแผนที่จะลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีในช่วงปลายปีนี้ โดยความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ปิดการเจรจารอบแรกจัดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วในกรุงปักกิ่งประเทศจีน ซึ่งกระทรวงเศรษฐกิจและการเงินเป็นผู้จัดประชุมหารือ โดยผลการเจรจารอบแรกของข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างกัมพูชาและจีนซึ่งการประชุมครั้งนี้ได้กำหนดหลักการแนวทางให้กับทีมเจรจาเพื่อให้พวกเขามีพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการอภิปรายรอบต่อไปที่มุ่งสู่การหาข้อสรุป ซึ่งหากหาผลสรุปได้เขตการค้าเสรีนี้จะเป็นกลไกใหม่ที่ส่งเสริมและกระจายศักยภาพทางเศรษฐกิจและวิสัยทัศน์ของทั้งสองประเทศ โดยข้อตกลงทางการค้านี้จัดตั้งขึ้นเพื่อขยายการค้าการลงทุน การบริการและความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งปริมาณการค้าระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 5.16 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2559 เป็น 6.04 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 และ 7.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2561 ตามตัวเลขของรัฐบาล

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50691647/cambodia-china-closer-to-fta-signing-deal

กัมพูชามุ่งหวังส่งเสริมการส่งออกสิ่งทอไปยังญี่ปุ่น

กัมพูชาเช่นเดียวกับ สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนาม ได้รับการสนับสนุนในการปรับปรุงพัฒนาห่วงโซ่การผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์สิ่งทอของกลุ่ม ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้แทนจากกลุ่ม CLMV เกี่ยวกับศักยภาพการส่งออกจากทั้ง 4 ประเทศไปยังญี่ปุ่นและห่วงโซ่อุปทานระดับโลกในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและวิเคราะห์นโยบายที่ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นกล่าวว่ากัมพูชาตั้งอยู่ในศูนย์กลางภูมิศาสตร์ของอาเซียนและมีเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการอธิบายประโยชน์ของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมสิ่งทอภายในกลุ่ม CLMV เกี่ยวกับการส่งออก ซึ่งผู้เข้าร่วมคาดว่าจะเข้าใจประเด็นและโอกาสที่ภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอต้องเพิ่มการส่งออกไปญี่ปุ่นทุกปี ตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพสำหรับการส่งออกจากกัมพูชาไปยังญี่ปุ่นคือ เสื้อผ้า รองเท้าและอุปกรณ์ โดยในปี 2561 กัมพูชาส่งออกไปญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 27.3% ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 17.8% ตามข้อมูลจากองค์การการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50691648/hopes-to-boost-textile-exports-to-japan-with-added-value

ไวรัสโคโรน่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจคาสิโนในท้องถิ่นของกัมพูชา

          ผู้ประกอบการคาสิโน Donaco International Ltd. กล่าวว่ายังไม่ได้สังเกตเห็นผลกระทบใดๆ ต่อธุรกิจจากเชื้อไวรัส Coronavirus ที่ Star Vegas ของกัมพูชา ซึ่งเป็นคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดใน ปอยเปต โดยการระบาดของไวรัสซึ่งประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพระดับโลกโดยองค์การอนามัยโลกได้รับการตั้งชื่อว่า CoVid-19 มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 1,600 คนและมีผู้ติดเชื้ออีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทกล่าวว่าการข้ามพรมแดนจากประเทศไทยไปยังปอยเปตยังคงเปิดตามปกติ อย่างไรก็ตามมีความกังวลว่าความกลัวของการแพร่ระบาดจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในกัมพูชาหากการระบาดยังคงมีอยู่ โดยในระยะยาวหากความพยายามในการควบคุมเชื้อไวรัสไม่ประสบความสำเร็จย่อมมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม สำหรับช่วง 11 วันแรกของเดือนกุมภาพันธ์คาสิโนได้ทำการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งหมดจำนวน 1,374 คน โดยเฉลี่ยประมาณ 125 ต่อวัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50691641/donaco-says-local-casino-business-has-not-been-hit-by-coronavirus