กรมการค้าภายในออก 9 มาตรการดูแลปีทองผลไม้ไทย

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) เปิดเผยว่า กรมได้ออก 9 มาตรการในการบริหารจัดการผลไม้ในปี 63 ที่คาดว่าผลไม้หลายประเภทจะมีผลผลิตมากกว่าปีก่อน โดยจะเน้นการระบายผลไม้ทั้งในและต่างประเทศ การแก้ปัญหาราคาตกต่ำ การจัดระเบียบล้งรับซื้อผลไม้เพื่อป้องกันการกดราคาหรือมีพฤติกรรมเอาเปรียบเกษตรกร เป็นต้น โดยจะใช้งบประมาณในการบริหารจัดการ 396 ล้านบาท ซึ่งมีทั้ง งบประมาณปกติและงบประมาณจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) มั่นใจว่าปี 63 จะเป็นปีทองของผลไม้ไทยหลายชนิดที่จะทำให้ชาวสวนขายผลไม้ได้ในราคาสูง ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มังคุด ลองกอง เงาะ ลิ้นจี่ ลำไย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีมาตรการผลักดันการส่งออก ด้วยการเชื่อมโยงผู้ผลิต ผู้ซื้อ ตลาดปลายทาง พร้อมทั้งเพิ่มสภาพคล่องผู้ประกอบการ โดยชดเชยดอกเบี้ย 3% เป็นเวลา 6 เดือน วงเงิน 1,500 ล้านบาท, มาตรการส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพ ทั้งการตรวจรับรองมาตรฐานการผลิต การปรับปรุงสถานประกอบการสู่มาตรฐานสากลด้วยการชดเชยดอกเบี้ย 3% เป็นเวลา 1 ปี วงเงินไม่เกินรายละ 10 ล้านบาท, การตรวจรับรองสินค้าอินทรีย์ ขณะเดียวกัน ยังมีมาตรการกำกับดูแลล้ง ที่มาตั้งโรงคัดและบรรจุผลไม้ที่ไทยเพื่อส่งออก โดยสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำฐานข้อมูลของล้งทุกราย และจะประสานกับประเทศต้นทางของล้ง เช่น จีน เพื่อตรวจสอบว่า แต่ละรายมีประวัติและพฤติกรรมทางธุรกิจอย่างไร หากมีประวัติไม่ดีจะตักเตือนชาวสวนและผู้ประกอบการไทยอย่าร่วมทำธุรกิจด้วย และสุดท้ายการร่วมมือกับกระทรวงแรงงานในการพัฒนาอบรมให้ความรู้แก่แรงงานที่เก็บเกี่ยวผลไม้ รวมถึงออกมาตรการให้แรงงานเก็บผลไม้ที่เป็นต่างด้าว และมีความเชี่ยวชาญในการเก็บผลไม้ สามารถเคลื่อนย้ายไปเก็บผลไม้ได้ทั่วประเทศ.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1746071

ตลาดค้าปลีกฮานอยในไตรมาสที่ 4/2562 : ศูนย์การค้าแห่งใหม่

จากรายงานของโจนส์ แลง ลาซาลล์ หรือเจแอลแอล (JLL) เปิดเผยว่าตลาดค้าปลีกในกรุงฮานอย ช่วงไตรมาสที่ 4/2562  มีการเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ “อิออน” (AEON) ด้วยพื้นที่ประมาณ 74,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นศูนย์การค้าอยู่ในอันดับที่ 5 ของแบรนด์เวียดนาม ด้วยแรงกระตุ้นของแบรนด์และโครงการใหม่ จะช่วยให้อิออนมอลล์สามารถดึงดูดลูกค้าได้อย่างประทับใจ ตั้งแต่ช่วงเปิดตัวในปลายเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ มีอัตราการให้เช่าเพิ่มสูงขึ้นและแตะในระดับร้อยละ 91 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ขณะที่ค่าเช่ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่างไตรมาส ซึ่งมีค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 29.3 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยศูนย์การค้าดังกล่าว ถึงแม้ว่าจะอยู่ในนอกเขตเมือง แต่ก็ยังสามารถควบคุมราคาที่ใกล้เคียงกับตลาดทั่วไปได้ แสดงให้เห็นว่าอิออนมอลล์เป็นเครือข่ายศูนย์กลางของลูกค้าและผู้ให้เช่า

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/hanoi-retail-market-in-q42019-new-shopping-center-enters-market-408727.vov

ยอดขายรถยนต์ของเวียดนามเพิ่มขึ้น 12%yoy ในปี 2562

จากรายงานของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) เปิดเผยว่าในปี 2562 ตลาดรถยนต์ของเวียดนามเติบโตอยู่ในระดับปานกลาง มียอดขายรถยนต์อยู่ที่ 322,322 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยในเดือนธันวาคม มียอดขายรถยนต์อยู่ที่ 33,159 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วและลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หากจำแนกประเภทรถยนต์ พบว่ายอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (PC) อยู่ที่ 24,823 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว สำหรับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (CV) มียอดขายอยู่ที่ 959 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และรถยนต์ที่ใช้งานเฉพาะด้าน (SPV) อยู่ที่ 377 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ มองว่าในปี 2562 สถานการณ์ตลาดรถยนต์เวียดนามอยู่ในช่วงยากลำบาก แต่ก็ยังอยู่ในทิศทางที่เป็นบวกของผู้ผลิตรถยนต์ในท้องถิ่น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/car-sales-in-vietnam-up-12-yy-in-2019-408725.vov

คาด อีคอมเมิร์ซ ไทยปี 63 โต 7.48 แสนล้านบาท

เปิดแนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยปี 63 ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งอาเซียน เติบโตกว่า 7.48 แสนล้านบาท ผลพวงห้างร้านใช้ชื้อขายรับส่งสินค้าผ่านบริการออนไลน์  รายงานข่าวจากสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เปิดเผยภาพรวมและแนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลที่สำคัญในปี 63 ของไทย ว่า ในปีนี้ธุรกิจการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (อี-คอมเมิร์ซ) จะเป็นกลุ่มธุรกิจดิจิทัลที่มาแรงและมีการเติบโตสูง คิดเป็นมูลค่า 748,000 ล้านบาท เป็นอันดับ 1 ของมูลค่าธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ในภูมิภาคอาเซียน โดยใน 60-62 ที่ผ่านมา มีการประมาณอัตราการเติบโตเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ 20-30% กลุ่มธุรกิจที่เติบโต คือ ธุรกิจห้างสรรพสินค้า ธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์อาหาร และธุรกิจด้านเครื่องสำอางและอาหารเสริม เป็นผลมาจากการก้าวเข้ามาของเทคโนโลยีด้านการซื้อขายและรับส่งสินค้าผ่านบริการออนไลน์ เช่น ไลน์แมน และแกร็ป โดยเฉพาะไลน์แมน พบว่า มียอดการใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 300% และมีผู้ใช้บริการ 1.5 ล้านคนต่อเดือนภายในระยะเวลา 2 ปี ส่วนอุตสาหกรรมดิจิทัลที่ถูกผลกระทบจากเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วมาก คือ อุตสาหกรรมโทรทัศน์ ที่มูลค่าลดลงจาก 115,000 ล้านบาท ในปี 57 เหลือเพียง 57,000 ล้านบาทในปี 61 ที่ผ่านมา และยังสูญเสียผู้รับชมจนกระทั่งมีการคืนใบอนุญาตดิจิทัลทีวี ซึ่งเป็นผลมาจากการทดแทนของเน็ตฟลิกซ์ และยูทูป ที่เริ่มลงทุนให้บริการและผลิตเนื้อหาสำหรับประเทศไทย ชณะที่อุตสาหกรรมการเงิน ก็ได้รับผลกระทบ ด้วยระบบการชำระเงินดิจิทัล จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทยปี 62 ระบุว่า จำนวนสาขาของธนาคารพาณิชย์ลดลงจาก 7,016 สาขาในปี 59 เหลืออยู่ที่ 6,534 สาขาในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/751386

ความคืบหน้าของการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย

ในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 9 มกราคมคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงกับ บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (ITD) สำหรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกในภูมิภาคตะนาวศรี ตามการแก้ไขสัญญา จะต้องชดเชยและโยกย้ายชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเขตอุตสาหกรรม ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อม รัฐบาลไทยตกลงที่จะให้กู้ยืมเงินสำหรับการก่อสร้างทางหลวงสองเลนซึ่งจะเชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายกับชายแดนเมียนมา- ไทยเพื่อปูทางสำหรับการก่อสร้างต่อไป มีการหารือรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขสัญญาเช่าที่ดินรวมถึงการพัฒนาโครงการก๊าซธรรมชาติเหลวและโรงไฟฟ้า

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/development-dawei-sez-makes-progress.html

ใบอนุญาตโครงการการท่องเที่ยวถูกเพิกถอนเพื่อหลีกทางให้กับเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ผู้ว่าราชการแขวงจำปาสักตัดสินใจยกเลิกใบอนุญาตโครงการที่ได้รับอนุญาตในปี 2554 ให้กับนักธุรกิจเพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่น้ำตกคอนพะเพ็งและสมภพเพื่อพัฒนาโครงการที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลโดยรัฐบาลสปป.ลาว และ บริษัท LTV Road and Bridge Construction Sole จำกัด ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ 9,846 เฮกตาร์ภายใต้แผนดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 4ส่วนหลักคือการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรหัตถกรรมและกิจกรรมอุตสาหกรรมอื่น ๆมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าจะลงทุนในโครงการมูลค่ากว่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐพร้อมการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นจาก 2561 ถึง 2593และคาดว่ากิจกรรมเชิงพาณิชย์จะสร้างรายได้ประมาณ 107 ล้านดอลลาร์สหรัฐและจะสร้างงานให้ 100,000 คนสำหรับคนในท้องถิ่น

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/tourism-project-licences-revoked-make-way-special-economic-zone-111888

สปป.ลาวทำข้อตกลงกับจีนในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินโดยตรง

เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนและสปป.ลาวได้ลงนามทำข้อตกลงเรื่องการแลกเปลี่ยนเงินตราโดยตรงของกีบลาว(LAK)กับหยวนจีน(CNY)แทนที่จะต้องทำการแปลงผ่านสกุลเงินอื่น ๆ จุดประสงค์หลักของข้อตกลงคือเพื่อส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นและอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนตามนอกจากการการทำข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างทั้งสองประเทศจะลดลง ซึ่งจะเกิดประโยชน์จากความร่วมมือนี้และส่งเสริมนโยบายการแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่หลากหลายจะช่วยลดความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งลาวต้องนำเข้ามาใช้ในการนำเข้าสินค้าเพราะในปัจจุบันเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำต้นทุนของผู้ผลิตในประเทศสูงขึ้นรวมถึงการบริโภคสินค้าในประเทศก็สูงขึ้นข้อตกลงดังกล่าวจะเข้ามาข่วยแก้ปัญหาได้โดยตรงและส่งผลดีต่อไปกับประเทศในอนาคด้านการค้าและการลงทุน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_China_8.php

กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดเวทีสัมมนาด้านการท่องเที่ยวของอาเซียนในปี 2564

กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาคในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ในเดือนมกราคม 2564 โดยผู้นำในภาคธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญที่สำคัญจะมารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ซึ่ง Asean Tourism Forum (ATF) ครั้งที่ 39 มีกำหนดที่จะเริ่มการประชุมตั้งแต่ 17-23 มกราคมในกรุงพนมเปญตามประกาศของกระทรวงการท่องเที่ยว โดยวาระรายละเอียดยังไม่ได้ประกาศ ซึ่งจะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยว การประชุมทางเทคนิคของเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวอาเซียน การประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวอาเซียนและการแสดงต่างๆ ซึ่งกัมพูชาหวังว่า ATF จะเป็นส่วนช่วยในการแสดงผลิตภัณฑ์และบริการที่มีศักยภาพของกัมพูชาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมายังกัมพูชา โดยสิ่งที่สำคัญในการมารวมตัวกันคือสามารถปรับปรุงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับประเทศในภูมิภาคเพื่อพัฒนาภาคการท่องเที่ยว และถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่จะแสวงหาโอกาสการลงทุนในภาคการท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50679156/nation-to-host-crucial-asean-tourism-forum-in-year-2001