นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนกัมพูชาเพิ่มขึ้น 10% ในไตรมาส 3

จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมากัมพูชาเพิ่มขึ้น 10% หรือประมาณ 4.8 ล้านคนในช่วงเก้าเดือนแรกของปีตามรายงานล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยว ขณะที่ชาวจีนยังคงติดอันดับต้นๆ ของจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้า โดยกว่า 3 ล้านคนเดินทางผ่านสนามบินนานาชาติหนึ่งในสามแห่งของกัมพูชา ซึ่งสนามบินนานาชาติในกรุงพนมเปญรองรับผู้โดยสารถึง 1.5 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 12.7%), เสียมราฐ 1.2 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 10.9%) และเดินทางผ่านสีหนุวิลล์ 549,481 คน (เพิ่มขึ้น 308%) โดยเมื่อปีที่แล้วกัมพูชามีผู้มาเยือนถึง 6.2 ล้านคนเพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น โดยการสร้างผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวใหม่ในสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ซึ่งกัมพูชาคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากกว่า 7 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2563 และสร้างรายได้ถึง 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยคิดเป็นประมาณ 2 ล้านคนที่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/657012/foreign-tourists-up-10-pct-in-q3/

เกษตรกร,เจ้าหน้าที่หารือเกี่ยวกับวิธีการขยายตลาด

เกษตรกรจากเวียงจันทน์และพื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ ได้พบกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายที่เผชิญ ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้กล่าวว่าต้องลดการนำเข้า แต่ปัญหาคือการเก็บเกี่ยวในท้องถิ่นไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ซื้อ การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ผลิตและผู้ซื้อในการหารือเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการและร่วมกันวางแผนสำหรับอนาคต ซึ่งจุดประสงค์คือเพื่อรับฟังปัญหาของเกษตรกรและใช้โอกาสนี้ในการแนะนำมาตรฐานสำหรับการเก็บเกี่ยว เกษตรกรมีความสามารถในการปลูกผักให้เพียงพอต่อความต้องการแต่ไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับตลาดและความต้องการของตลาด ด้านเกษตรกรกล่าวว่าสามารถปลูกผักได้มากมายแต่ไม่สามารถขายได้ทั้งหมด บางครั้งพ่อค้าคนกลางก็ให้ราคาที่ต่ำมากสำหรับพืชผล ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับฟังปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่และพูดคุยถึงวิธีการที่จะช่วยเพิ่มผลผลิต และขณะนี้รัฐบาลได้แต่งตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลที่ให้ไว้ระหว่างกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และหน่วยงานอื่น ๆ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/farmers-officials-discuss-ways-expand-markets-107604

บริษัท สปป.ลาว ไทย เมียนมา ร่วมเป็นคู่ค้าในการซื้อขายข้าว

บริษัท 3 แห่งจากสปป.ลาว ไทย และเมียนมา เข้าร่วมทุนเพื่อซื้อและขายข้าวโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเกษตรกรหารายได้เพิ่มเติมจากการเพราะปลูก และปรับปรุงสถานการณ์ของเกษตรกรใน 3 ประเทศด้วยการสนับสนุนให้พวกเขาผลิตข้าวคุณภาพดีเพื่อจำหน่าย การริเริ่มดังกล่าวเริ่มขึ้นในสปป.ลาว ในพิธีลงนามข้อตกลงในสัญญาซื้อขาย ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว บริษัท Laos’ Homxay Agriculture Export-Import ร่วมมือกับบริษัท Thailand’s Siam Golden Horse จะซื้อข้าวจาก บริษัท Myanmar’s ABA NARES  ขายให้กับญี่ปุ่น เวียดนามและฟิลิปปินส์ ทั้งสามบริษัทตกลงที่จะซื้อข้าวคุณภาพดีประมาณ 10 ล้านตัน ในช่วงเวลา 8 ปีเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.63 คาดว่าจะนำเข้าข้าวประมาณ 980,000 ตัน ในช่วงหกเดือนแรก นอกจากนี้ยังเป็นก้าวแรกในการขยายความร่วมมือด้านการค้าในอาเซียนและในอนาคต นอกจากนี้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร อีกทั้งความร่วมมือของภาคเอกชนได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในด้านการค้าการเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการขยายตัวของภาคเอกชนในฐานะหน่วยธุรกิจที่สำคัญเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-myanmar-thai-companies-partner-sale-and-purchase-rice-107602

UPA ปิดดีลซื้อหุ้นน้ำประปาที่ลาว แย้มแจรจาร่วมทุนโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 50 MW

UPA ปิดดีลลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นโครงการน้ำประปาแสนดินใน สปป.ลาว มูลค่ารวม 80.85 ล้านบาท บุ๊กรายได้ทันที สร้างรายได้ประจำ ส่งซิกแผนเจรจาร่วมทุนโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม ขนาดกำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ หวังหนุนผลประกอบการเทิร์นอะราวด์ ซึ่งบริษัทได้ลงทุนผ่าน บริษัท  เอไอดีซี  วอเตอร์ โฮดิ้ง (สิงคโปร์ ) พีทีอี แอลทีดี (AWH) ซึ่งจะเป็นผู้ถือหุ้น 60% ของบริษัท เอเชีย วอเตอร์ จำกัด ผู้เดียว (AWS) ผู้ดำเนินโครงการผลิตน้ำประปาแสนดิน จากการรับโอนโครงการน้ำประปาจากบริษัท เอเชีย ลงทุน พัฒนา และก่อสร้าง จำกัด ผู้เดียว (AIDC) สำหรับโครงการดังกล่าว ตั้งอยู่ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ได้เริ่มผลิตน้ำประปาในเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อเดือน มิ.ย. 2562 เพื่อจำหน่ายให้กับน้ำประปานครหลวงของสปป.ลาว มีระยะเวลาสัมปทาน 50 ปี กำลังการผลิตรวม 48,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน ขณะเดียวกัน ในช่วงที่ผ่านมา UPA ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานทางเลือกใหม่เพิ่มเติม โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาลงนามซื้อหุ้น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) 1 โครงการ ในเวียดนาม

ที่มา : นสพ.ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 5 พ.ย. 2562

เวียดนามเผยยอดส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 40 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้

อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม มีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายของยอดการส่งออก 40 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้ แม้ว่าบางตลาดจะเผชิญกับปัญหาอยู่ สำหรับผู้ผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่ของเวียดนาม (Vietnam National Garment and Textile Group : Vinatex) เปิดเผยถึงผลประกอบการของยอดการส่งออก 29.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยทางบริษัทพยายามผ่านอุปสรรคของภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบทางด้านราคาสินค้าที่ลดลงอย่างมาก เนื่องมาจากสถานการณ์สงครามการค้า แต่สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น ทำให้ลูกค้าหันมาสนใจมากขึ้น ขณะที่ ราคาสินค้ากลับมาฟื้นตัวเช่นกัน ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ คาดว่าจะได้รายรับ 9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งธุรกิจให้ความสำคัญในการออกแบบวัสดุที่เหมาะสมกับคนเวียดนาม และสร้างความมั่นใจในเรื่องของคุณภาพสินค้า เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/textile-and-garments-likely-to-hit-40b-in-exports-this-year-405723.vov

เวียดนามเผยผู้ประกอบการก่อตั้งธุรกิจกว่า 12,000 แห่ง ในเดือนตุลาคม

จากข้อมูลของสำนักสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการก่อตั้งธุรกิจอยู่ที่ 12,182 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้ว โดยธุรกิจที่ก่อตั้งใหม่มีเงินทุนที่จดทะเบียนรวม 6.19 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน และมีการจ้างแรงงาน 94,700 คน ในขณะที่ ธุรกิจที่ล้มเลิกกิจการมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก 5,012 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 84.5 และ 98.0 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วและปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามมีผู้ประกอบการที่จดทะเบียนใหม่ 114,400 แห่ง ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวมมากกว่า 61.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และจำนวนการจ้างแรงงานกว่า 1 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4, 28.5 และ 11.0 ตามลำดับ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/over-12000-businesses-set-up-in-october-405719.vov

ก.ล.ต. นำเสนอการระดมทุนหนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน ในการประชุมผู้บริหารระดับสูง ณ OECD กรุงปารีส

เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้นำเสนอบทบาทของภาครัฐและ ก.ล.ต. ในการสนับสนุนการระดมทุนที่สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน (sustainable financing) ในการประชุมที่องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เรื่องโอกาสของการระดมทุนแบบยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน ในหัวข้อบทบาทของผู้กำหนดนโยบาย ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจากภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ เลขาธิการ ก.ล.ต. นำเสนอแนวทางการสนับสนุน sustainable financing ทั้งในยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาตลาดทุน ปัจจัยสำเร็จทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน รวมทั้งการพัฒนา ecosystem ความท้าทาย ความคาดหวังของสาธารณะ และความร่วมมือโดยเฉพาะในกรอบตลาดทุนอาเซียน ซึ่งที่ประชุมหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนอาเซียน (ASEAN Capital Markets Forum : ACMF) ครั้งที่ 31 ที่ ก.ล.ต. ไทยเป็นเจ้าภาพ ได้เห็นชอบการจัดทำ Roadmap for ASEAN Sustainable Capital Markets นอกจากนี้ ได้นำเสนอความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการดำเนินการของ ก.ล.ต. และร่างแผน ก.ล.ต. ปี 2563 – 2565 ที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนที่สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา : https://thaipublica.org/2019/10/oecd-sec-sustainable-financing/

“ภาคเอกชน”แรงขับเคลื่อนหลักของระบบเศรษฐกิจ

จากการประชุมที่จัดขึ้นโดยสถาบัน Central Institute for Economic Management (CIEM) ณ วันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา เปิดเผยว่าเศรษฐกิจมหภาคยังคงมีเสถียรภาพ, อุตสาหกรรมท้องถิ่นที่ขยายตัวได้ดี โดยสาขาอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตเศรษฐกิจ ส่วนภาคการค้าระหว่างประเทศนั้น เวียดนามเกินดุลการค้าประมาณ 7.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2561 ในส่วนของสาขาการส่งออกและการนำเข้านั้น บริษัทลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีแนวโน้มชะลอตัว ขณะที่ ภาคเอกชนเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจเวียดนาม อย่างไรตาม เวียกนามต้องเผชิญกับความท้าทายของเศรษฐกิจชุมชน และคาดว่าสาขาอุตสาหกรรมเหมืองแร่จะเป็นภัยคุกคามต่อสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ ทางสถาบันฯ แนะนำให้ปฏิรูปเศรษฐกิจมหภาค การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการทำธุรกิจ และควรให้ความสำคัญกับคุณภาพสินเชื่อ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/private-sector-main-driving-force-for-economic-growth-405492.vov

ไต้หวันเป็นผู้บริโภคกุ้งรายสำคัญในเวียดนาม

จากรายงานสถิติของศูนย์การค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าเวียดนามเป็นผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่ อันดับ 2 ของบรรดาซัพพลายเออร์ทั่วโลก ไปยังตลาดไต้หวัน (จีน) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 โดยมูลค่าการส่งออกกุ้งไปยังไต้หวันอยู่ที่ 41.9 ล้านเหรียญหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับว่าขยายตัวได้ดีที่สุด เนื่องมาจากผู้บริโภคชาวไต้หวันนิยมกุ้งกุลาดำแช่แย็นแช่แข็ง ราคาอยู่ที่ 6-8 เหรียญสหรัฐฯต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ สินค้าสัตว์น้ำประเภทอื่นๆ ต่างได้รับความนิยมเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าการส่งออกกุ้งอยู่ในทิศทางที่เป็นบวก แต่เวียดนามส่งออกกุ้งไปยังไต้หวันนั้น ไม่ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามที่คาดหวังไว้ เป็นผลมาจากอัตราภาษีที่สูงขึ้นร้อยละ 20 รวมไปถึงกฎระเบียบที่เข็มงวดในด้านความปลอดภัยของอาหารและมาตรฐานสุขอนามัย

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/taiwan-emerges-as-largest-consumer-of-vietnamese-shrimp-405481.vov

ทศวรรษหน้า ขนส่งสาธารณะย่างกุ้งสามารถพึ่งพา YBS ได้

การประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สองของ บริษัท ขนส่งสาธารณะย่างกุ้งประจำเมือง (YUPT) การขนส่งสาธารณะในเขตย่างกุ้งสามารถพึ่งพา YBS (Yangon Bus Service) ได้ในทศวรรษหน้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมการไฟฟ้าและการขนส่งทางถนนกล่าวระหว่างการ เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา การขนส่งทางรถไฟรอบเมืองสามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณหมื่นคนในขณะที่โครงการรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินไม่สามารถดำเนินการได้ มีผู้โดยสารประมาณ 2.5 ล้านคนต้องพึ่งพา YBS แต่อาจจะอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านคนเพราะต้องไปและกลับจากบ้านของพวกเขา ย่างกุ้งมีรถบัส 100 สาย พร้อมด้วยรถบัสที่จดทะเบียน 6,635 คัน รถโดยสารมากกว่า 4,500 คัน มีผู้โดยสารประมาณ 1.8 ล้านคนต่อวัน

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/yangon-public-transport-can-rely-on-ybs-for-next-decade-minister