อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จับงานฉลองเปิดแฟรนไชส์สาขาแรกที่เวียดนาม
บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกของตกแต่งบ้านครบวงจรในประเทศไทย ร่วมมือกับ VI Funiture Joint Stock Company ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Vietnam Investment Group (VIG Group) ผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจค้าปลีกแห่งเวียดนาม นำโดย Mr.David Do, VIG Managing Director ฉลองเปิดให้บริการอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ร้านแฟรนไชส์สาขาแรกอย่างเป็นทางการ รูปแบบสแตนด์อโลน มีพื้นที่ 990 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนน.Nguyen Thi Minh Khai เมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นถนนสายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านของผู้บริโภคชาวเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียนและจะส่งผลดีต่อการเพิ่มยอดขายและรายได้จากธุรกิจแฟรนไชส์ในต่างประเทศให้แก่บริษัทฯ จากปัจจุบันที่ขยาย แฟรนไชส์แล้วใน 8 ประเทศ (รวมเวียดนาม)
โครงการสัมมนาส่งเสริมการค้าเวียดนาม-กานา
จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ระบุว่างานสัมมนาส่งเสริมการค้าในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยนำคณะผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าประเทศกานาเข้ามาเยี่ยมชม ซึ่งจุดประสงค์ของกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการทำธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการเวียดนามกับกานา ให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น ทั้งนี้ ประเทศกานาถือว่าเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ดีในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ด้วยรายได้ต่อหัวมากกว่า 2,316 เหรียญสหรัฐต่อปี ประกอบกับทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจากตัวเลขสถิติการค้าเวียดนามกับกานา ในปี 2561 อยู่ที่ 572.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนามไปยังประเทศกานา ได้แก่ ข้าว เครื่องใช้ในครัวเรือน และเหล็กกล้า เป็นต้น ขณะที่ เวียดนามนำเข้าเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และไม้ เป็นต้น
ที่มา : https://english.vov.vn/economy/business-seminar-to-promote-vietnam-ghana-trade-406676.vov
บิ่นห์เยืองดึงดูดเม็ดเงิน FDI พุ่งสูงขึ้น 69%
จากรายงานของระบบฐานข้อมูลส่วนกลางเวียดนาม (VGP) เปิดเผยว่าจังหวัดบิ่นห์เยือง (Binh Duong) ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ได้ดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศอยู่ที่ 9.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงปี 2559 – เดือนตุลาคม 2562 นับว่าเม็ดเงินลงทุนดังกล่าว เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ โดยส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนไปภาคอุตสาหกรรม การค้า และบริการ ทั้งนี้ เพื่อดึงดูเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศอย่างยั่งยืนในจังหวัด ทำให้ต้องมีการปรับปรุงโปรแกรมการลงทุนในช่วงปี 2559-2563 เพื่อจุดประสงค์ในการเพิ่มเงินทุน FDI กว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ในปี 2561 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 49.6 ของการลงทุนทั้งหมด และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของงบประมาณจังหวัด
ที่มา : https://english.vov.vn/economy/fdi-poured-into-binh-duong-up-69-percent-406678.vov
เกาหลีใต้สนับสนุนการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของสปป.ลาว
ประธานาธิบดีเกาหลีใต้กล่าวเมื่อวันอังคารว่าประเทศของเขาจะช่วยสปป.ลาวให้บรรลุเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาค ซึ่งให้คำมั่นสัญญาในการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของความสัมพันธ์ ได้มีการอภิปรายเกี่ยวกับวิธีการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งเสริมการเชื่อมโยงและเสริมสร้างความร่วมมือในด้านการศึกษา ซึ่งเกาหลีใต้จะ “ร่วมมืออย่างแข็งขัน” ในความพยายามของประเทศแม่น้ำโขงในการเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาค ซึ่งนายกรัฐมนตรีสปป.ลาวกล่าวแสดงคาดหวังสำหรับบทบาทของเกาหลีใต้ในการพัฒนาภูมิภาคแม่น้ำโขง และการพัฒนาความร่วมมือใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงกับนโยบายมุ่งใต้ใหม่และยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของรัฐบาลสปป.ลาว
ที่มา : http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20191126000869
เริ่มต้นนิทรรศการกรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่น้ำโขง ปี 62 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ณ เวียงจันทร์
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. มีการเปิดตัวงานนิทรรศการเศรษฐกิจและเทคโนโลยีกรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่น้ำโขงปี 62 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและประเทศต่างๆตามกรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่น้ำโขง ซึ่งงานจะจัดจนถึง 28 พ.ย. โดยมีวัตถุประสงค์ภายใต้กรอบความร่วมมือของล้านช้าง-แม่น้ำโขงและโครงการ Belt and Road เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและสันติภาพรวมถึงส่งเสริมการค้าตามกรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่น้ำโขง ในงานมีการแสดงเทคโนโลยีสมัยใหม่ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆจากจีน นอกจากนี้ในงานยังเน้นให้เห็นถึงความสำเร็จของการดำเนินงานและความร่วมมือของบริษัทและโครงการต่างๆ จากประเทศจีนที่ลงทุนในประเทศต่างๆในแถบลุ่มแม่น้ำโขงโดยเฉพาะสปป.ลาว ซึ่งจีนและสปป.ลาวมีความสัมพันธ์ที่ดีในด้านการค้าในช่วงแปดเดือนแรกของปี 62 มูลค่าการค้าระหว่างสปป.ลาว-จีนสูงถึง 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 16.6% เมื่อเทียบกับปี 61 และมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนทั้งจีนและสปป.ลาว
ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lancang-mekong-expo-kicks-vientiane-109019
มูลค่าการค้าโดยรวมเพิ่มขึ้นราว 590 ล้านเหรียญสหรัฐ
รายงานของกระทรวงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ถึง 15 พ.ย.ของปีงบประมาณนี้มูลค่าการค้ารวมแตะที่ 4.598 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 587.875 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขาดดุลการค้าเกือบ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกถึง 2.289 พันล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่มูลค่าการนำเข้าแตะ 2.309 พันล้านเหรียญสหรัฐ ดุลการค้าขาดดุลลดลงกว่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เกษตร, สัตว์, ทะเล, ป่าไม้, เหมืองแร่, ธุรกิจเสื้อผ้าแบบ Cutting Marking Packaging (CMP) และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ สินค้านำเข้า ได้แก่ สินค้าทุน วัตถุดิบ และวัตถุดิบ CMP มูลค่าการค้าโดยรวมคาดว่าจะสูงถึง 34 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 62-63 การส่งออกสามารถทำรายได้มากถึง 18 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 62-62 มูลค่าการค้ารวมแตะที่ 34,979 ล้านเหรียญสหรัฐสูงกว่าเป้าหมายที่ 31.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/total-trade-value-increases-by-around-590-m
นโยบายใหม่ต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเหล็กเมียนมา
บริษัท ผู้ผลิตเหล็กระหว่างประเทศในเขตเศรษฐกิจพิเศษติลาว่า กำลังมองหาโอกาสเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านการผลิตเหล็กในมีเพียง 50,000 ตัน แต่ยังมีศักยภาพมากเนื่องจากประเทศยังต้องการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากซึ่งต้องใช้เหล็ก โอกาสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จึงมีแนวโน้มที่ดี คาดเติบโต 7% โดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก ตลาดจะพัฒนาหากมีการสนับสนุนการผลิตเหล็ก ตอนนี้ส่วนใหญ่นำเข้าเป็นหลักซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในอุตสาหกรรมท้องถิ่น ความต้องการอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านถึง 2.5 ล้านตันต่อปี มากกว่า 90 % จากการนำเข้า อีกไม่กี่ปีความต้องการเหล็กจะเพิ่มขึ้นและทำไมต้องนำเข้าทั้งที่ผลิตได้เอง แต่ปัญหาคือการนำเข้าได้รับการยกเว้นภาษีซึ่งทำให้แข่งขันได้ยาก การนำเข้าส่วนใหญ่มาจากเวียดนามซึ่งได้รับการปกป้องด้วยนโยบายและกฎระเบียบ หากนโยบายที่คล้ายคลึงกันถูกนำไปใช้ในการผลิตเหล็กในประเทศจะเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่าคือ 50,000, 000 ตันภายในสิบปี หากการผลิตเหล็กเติบโตขึ้นจะสามารถยับยั้งการไหลออกของเงินสำรองต่างประเทศและกลายเป็นผู้ส่งออกเหล็กได้ สามารถเพิ่มการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/new-policies-needed-unleash-growth-steel-industry.html
รัฐบาลและภาคเอกชนของกัมพูชาหารือเกี่ยวกับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ไม่ได้
กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานร่วมกับบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ในท้องถิ่นหลายแห่งประชุมเชิงปฏิบัติการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางสำหรับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (SHS) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลการตลาดวิเคราะห์ตัวอย่างของการปฏิบัติที่ดีในอุตสาหกรรมและหารือเกี่ยวกับความท้าทายที่จะได้รับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งจัดขึ้นโดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และโดยมีผู้เข้าร่วมเป็น บริษัท BNP-Power Green, Kamworks และบริษัทอื่นๆ ถือเป็นบริษัทเชิงโซลูชั่น โดยจะแบ่งปันประสบการณ์และมุมมองเกี่ยวกับตลาดโซล่าร์ในประเทศกัมพูชาซึ่งกันและกัน ซึ่ง Sokun Sum ซีอีโอของ Lighting Engineering Solution กล่าวว่าความต้องการแผงโซลาร์เซลล์บนชั้นดาดฟ้าในประเทศกำลังเติบโต โดยแผงเซลล์แสงอาทิตย์บนชั้นดาดฟ้าเริ่มเป็นที่นิยมในปี 2018 เมื่อรัฐบาลอนุญาตให้ภาคเอกชนเชื่อมต่อระบบ PV เข้ากับกริดแห่งชาติได้ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า บริษัท ในท้องถิ่น โรงงานและครัวเรือนหลายแห่งกำลังติดตั้งระบบ PV เพื่อลดค่าไฟฟ้า โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะผลิตพลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์ในกัมพูชาร้อยละ 15 ภายในสิ้นปีหน้า
กัมพูชาและเกาหลีใต้ลงนามศึกษาความเป็นไปได้ของเขตการค้าเสรี
กัมพูชาและเกาหลีใต้ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อเริ่มการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกันในการสร้างข้อตกลงการค้าเสรี โดยเป็นการลงนามระหว่าง Yoo Myung-hee รัฐมนตรีการค้าของเกาหลีใต้และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา Pan Sorasak ณ เมืองปูซานประเทศเกาหลี ซึ่งตกลงที่จะเพิ่มปริมาณการค้าทวิภาคีและสำรวจความเป็นไปได้ในการเข้าสู่เขตการค้าเสรีระหว่างกัน โดยข้อตกลงดังกล่าวเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการเจรจาต่อรองเพื่อสร้างการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกัน โดยข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างกัมพูชาจะกลายเป็นข้อตกลงที่สำคัญที่ช่วยให้บริษัทจากเกาหลีเจาะเข้าไปในประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น ซึ่งตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์แสดงให้เห็นว่าปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้อยู่ที่ 756 ล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้วเพิ่มขึ้นประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปี 2560 โดยนายกรัฐมนตรีฮุนเซนสนับสนุนให้นักลงทุนเอกชนของเกาหลีเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับศักยภาพทางธุรกิจของกัมพูชาและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศควบคู่ไปด้วย
ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50663999/cambodia-and-s-korea-closer-to-signing-fta/