‘เมียนมา’ เผย 4 เดือนปี 66 ส่งออกไปยังภูมิภาค ทะลุ 1.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์ (MoC) รายงานว่าการส่งออกของเมียนมาไปยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคในช่วงเดือน เม.ย.-ก.ค. มีมูลค่าเกินกว่า 1.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ของปีงบประมาณ 2566-2567 ขณะที่การค้าอาเซียน-เมียนมา ผ่านเส้นทางทะเลและชายแดนทางบก มีมูลค่ากว่า 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเมียนมาในภูมิภาค โดยมีมูลค่ามากกว่า 2.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาสิงคโปร์ (1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) มาเลเซีย อินโดนีเซียและเวียดนาม อีกทั้ง สินค้าส่งออกสำคัญของเมียนมา ได้แก่ สินค้าการเกษตรและประมง แร่ธาตุ ในขณะเดียวกัน สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และสินค้าอุปโภคบริโภค

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-exports-to-regional-countries-cross-us1-77-bln-in-4-months-moc-reports/

กลุ่มทุนยักษ์ซาอุฯ เตรียมทุ่ม 2 แสนล้านตั้งคลังน้ำมันภาคใต้ของไทยฮับอาเซียน เทียบเท่าสิงคโปร์

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. ได้เข้าร่วมคณะเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะภาครัฐและภาคเอกชน ระหว่างวันที่ 6-10 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคี และส่งเสริมการเจรจาการค้าและการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ ในการเร่งผลักดันการค้า การลงทุน

ทั้งนี้ ทางซาอุฯ สนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่โครงการแลนด์บริดจ์ในภาคใต้ของไทยโดยพร้อมลงทุน 200,000 ล้านบาท ในการตั้งศูนย์กลางในการกระจายน้ำมันในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออก ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นแหล่งใหม่ในการกระจายน้ำมันในภูมิภาคนี้ และจะมีขนาดใหญ่ไม่น้อยไปกว่าที่สิงคโปร์ และมีแนวโน้มที่ไทยจะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางด้านน้ำมัน และปิโตรเคมีในภูมิภาคนี้ คาดว่าในระยะสั้นจะชิงส่วนแบ่งการตลาดจากสิงคโปร์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ในระยะสั้น ส่วนในระยะยาวหากไทยรักษาลูกค้าได้ดีกว่ามีโอกาสที่จะแซงหน้าสิงคโปร์ได้ในอนาคต

ที่มา : https://thailandnews.asia/28631/

ไทย-สปป.ลาว หารือกำหนดมาตรการใหม่ หวังกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว

เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ไทย และ สปป.ลาว ได้หารือร่วมกันถึงมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยจะเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวระหว่างกัน และเร่งสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ณ อำเภอปากชม จังหวัดเลย ด้านนายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมด้วย นายณรงค์ จีนอ่ำ พล.ต.ปริชญ์ สุคันธศรี ผู้บัญชาการทหารบกที่ 28 และคณะเจ้าหน้าที่ต่างๆ เข้าพบนายคำพัน สิดทิดำพา ผู้ว่าราชการจังหวัดเวียงจันทน์ ของ สปป.ลาว ณ โรงแรม S Vangvieng Boutique Hotel ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ถือเป็นการประชุมด้านความมั่นคงชายแดนไทย-สปป.ลาว ครั้งที่ 20 โดยได้มีการหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ภายหลังการตัดสินใจของรัฐบาลไทยในการอนุมัตินโยบายฟรีวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งสปป.ลาว วางแผนที่จะยกระดับเมืองชายแดนอย่างเวียงจันทน์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาจากประเทศไทยแล้วอาจมีการเดินทางท่องเที่ยวต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเลยหวังเป็นอย่างมากว่าโครงการต่างๆ จะส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ ระหว่าง สปป.ลาว และไทย ต่อไปในอนาคต

ที่มา : https://www.bangkokpost.com/thailand/general/2648313

ศุลกากร สปป.ลาว-จีน-ไทย ร่วมหารือถึงแนวทางการป้องกันการลักลอบขนส่งสินค้า

เจ้าหน้าที่ศุลกากรจาก สปป.ลาว จีน และไทย ร่วมหารือ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อวันจันทร์ที่ 11 กันยายน หารือเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงกระบวนการด้านศุลกากรบริเวณจุดผ่านแดน ตามทางหลวงคุนหมิง-กรุงเทพฯ และแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง เพื่อหาแนวทางป้องกันการลักลอบขนสินค้าข้ามพรมแดน และแบ่งปันข่าวกรองเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกยาอย่างผิดกฎหมาย สารเคมีตั้งต้นของยา ของเสีย สินค้าลอกเลียนแบบ และสิ่งของผิดกฎหมายอื่นๆ รวมถึงหน่วยงานทั้งสามประเทศ ยังได้หารือถึงแนวทางในการอำนวยความสะดวก สำหรับการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน ไปจนถึงหารือเกี่ยวกับแนวทางในการทำให้กระบวนการศุลกากรมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายศุลกากร เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการค้าและการพาณิชย์ระหว่างประเทศ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/09/14/customs-officials-from-laos-china-and-thailand-discuss-ways-to-prevent-smuggling-and-boost-trade/

‘ไทย’ คู่ค้าหลักของเมียนมาในภูมิภาค

กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการค้าทวิภาคีของเมียนมากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะไทย ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของเมียนมาในกลุ่มประเทศอาเซียน และจากข้อมูลสถิติแสดงให้เห็นว่าในช่วง 5 เดือนของปี 2566 (เม.ย.-ส.ค.) การค้าทางทะเลและบริเวณชายแดน มีมูลค่าอยู่ที่ 2.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ของปีงบประมาณ 2566-2567 ทั้งนี้ สินค้าส่งออกหลักของเมียนมาไปยังตลาดไทย ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ สินค้าประมง ถ่านหิน มะพร้าวและอื่นๆ เป็นต้น ในขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญจากไทย ได้แก่ เครื่องจักร สินค้า อุตสาหกรรมและอื่นๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ปัจจุบันเมียนมาได้ทำการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ไทย) ผ่านชายแดนทางบก ได้แก่ ท่าขี้เหล็ก เมียวดี มูด่อง ทิกิ เกาะสองและแมแซะ ตามลำดับ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/thailands-top-trading-partner-with-myanmar-among-regional-countries/#article-title

ส่งออกนมไปคู่ค้า FTA โต 8.3% มูลค่ากว่า 357.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่ากรมได้ติดตามสถานการณ์การส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทย พบว่า การส่งออกยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกเบอร์ 1 ในอาเซียน และเป็นอันดับ 7 ของโลก โดยในช่วง 7 เดือนของปี 2566 (มกราคม-กรกฎาคม) ไทยส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมไปตลาดโลก มูลค่า 380.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 8.2% เป็นการส่งออกไปตลาดคู่ FTA มูลค่า 357.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 8.3% คิดเป็นสัดส่วนถึง 94.1% ของการส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมทั้งหมด ตลาดคู่ FTA ที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ อาเซียน เพิ่ม 6.9% จีน เพิ่ม 41.4% ฮ่องกง เพิ่ม 18.6% ออสเตรเลีย เพิ่ม 21.8% และอินเดีย เพิ่ม 137.6% สินค้าส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เช่น นมพร้อมดื่มยูเอชทีนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต นมถั่วเหลืองที่มีนมผสม เครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีนมผสม และหางนม (เวย์) เมื่อเจาะลึกลงไปในตลาด FTA ทั้งหมด ที่ไทยส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์ พบว่า ตลาดอาเซียนมีการขอใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ในการส่งออกสูงสุด เนื่องจากไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าทุกรายการแล้ว โดยในช่วง 7 เดือนไทยส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมไปอาเซียน คิดเป็นสัดส่วน 81% ของการส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมทั้งหมด ตลาดที่ขยายตัวได้ดี เช่น สปป.ลาว เพิ่ม 14.2% ฟิลิปปินส์ เพิ่ม 13.3% และมาเลเซีย เพิ่ม 35.3% สินค้าที่ได้รับความนิยม เช่น นม UHT มูลค่า 86.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 16.7% นมเปรี้ยวและโยเกิร์ต มูลค่า 78.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 14.4% เครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีนมผสม มูลค่า 12.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 18.8% และหางนม (เวย์) มูลค่า 4.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 41.8% ปัจจุบัน ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยกับคู่ค้า 18 ประเทศ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้การส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคู่ค้า FTA 14 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี และฮ่องกง ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมจากไทยทุกรายการแล้ว เหลือเพียง 4 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และเปรู ที่ลดภาษีนำเข้าสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมบางส่วนให้ไทย เช่น ญี่ปุ่น เก็บภาษีนำเข้านม อัตรา 21.3-25.5% โยเกิร์ต อัตรา 21.3-29% และชีส อัตรา 22.4-40% เกาหลีใต้ เก็บภาษีนำเข้านม อัตรา 26.8% โยเกิร์ต อัตรา 28.8% ชีส อัตรา 36% และอินเดีย ไม่เก็บภาษีนำเข้านมเปรี้ยวและโยเกิร์ตจากไทยแล้ว แต่ยังเก็บภาษีนำเข้านม อัตรา 20-60% นอกจากนี้ ความตกลงความ RCEP ญี่ปุ่น ตกลงจะทยอยลดภาษีนำเข้าเครื่องดื่มนมที่มีนมผสมลงจนเหลือ 0% ในปี 2580

ที่มา : https://www.naewna.com/business/756491

ปี 66 ต่างชาติเที่ยวไทยแตะ 18.5 ล้านคน ใช้จ่ายกระฉูด 7.7 แสนล้านบาท

สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า จากข้อมูลพบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 สิงหาคม 2566 รวมอยู่ที่ 17,856,652 คน สร้างรายได้รวม 746,507 ล้านบาท โดยล่าสุด หากนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 10 กันยายน ที่ผ่านมา พบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยแล้วกว่า 18,530,280 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว อยู่ที่ 775,295 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.มาเลเซีย 2,991,293 คน 2.จีน 2,284,281 คน 3.เกาหลีใต้ 1,099,685 คน 4.อินเดีย 1,066,542 คน และ 5.รัสเซีย 945,998 คน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเอเชียใต้ ที่กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.06% ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวอินเดีย ที่เพิ่มขึ้น 22.29% ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนมีการเดินทางเพิ่มขึ้น 10.08% อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวอาเซียน ปรับตัวลดลง 27.48% และตะวันออกกลาง ปรับตัวลดลง 2.08% ส่งผลให้สัปดาห์ที่ผ่านมา ในภาพรวมประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 454,205 คน เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 64,887 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีเฉลี่ยอยู่ที่ 50,801 คน คิดเป็นการหดตัว 10.06% โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ 1.มาเลเซีย 2.จีน 3.อินเดีย 4.เกาหลีใต้ และ 5.ลาว ซึ่งคิดเป็น 45.4% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ทั้งนี้ กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬาคาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในสัปดาห์ถัดไป ยังคงลดลงจากช่วงเวลาที่เป็นช่วงนอกฤดูกาลการท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่ไม่เหมาะสม ประกอบกับการแข่งขันในตลาดท่องเที่ยวที่รุนแรงขึ้น แรงกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิง และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าในสัปดาห์ถัดไป จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 450,000 คน เป็นนักท่องเที่ยวจากระยะใกล้ ได้แก่ ตลาดเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และอาเซียน เป็นหลัก

ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_4177672

‘เวียดนาม’ นำเข้ารถยนต์จากไทยและอินโดนีเซีย

กรมศุลกากรเวียดนาม ระบุว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 เวียดนามนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศทั้งคัน (CBU) จำนวน 80,000 คัน มูลค่าประมาณ 1.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.4% และ 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ โดยเวียดนามนำเข้ารถยนต์จากไทย จำนวน 36,087 คัน เพิ่มขึ้น 45.2% คิดเป็นมูลค่า 762.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่เดือน ก.ค. เพียงเดือนเดียว เวียดนามนำเข้ารถยนต์จากไทย จำนวน 3,714 คัน มูลค่าประมาณ 84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ไทยเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในตลาดเวียดนาม ทั้งนี้ แบรนด์รถยนต์นำเข้าจากไทยที่ได้รับความนิยมจากคนเวียดนาม ได้แก่ Toyota Corolla Cross, Camry, Corolla Altis, Fortuner, Ford Everest, Honda HR-V, Mazda CX-30 และ CX-3, Forester Subaru และอื่นๆ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1593292/cars-imported-from-thailand-indonesia-flood-viet-nam-market.html

‘เมียนมา’ เผยเดือน ส.ค. ยอดค้าชายแดนเมียวดี พุ่ง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ด่านชายแดนเมียวดี ไทย-เมียนมา สร้างมูลค่าการค้าชายแดนทะลุ 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือน ส.ค. ถึงแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ดินถล่มจากฝนตกหนัก เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ทำให้การค้าชายแดนต้องหยุดชะงัก อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์ดังกล่าว กรมทางหลวงของรัฐบาลกะเหรี่ยง ได้เร่งสร้างสะพานเบลีย์ที่เป็นส่วนต่อขยายของถนนที่ถูกดินถล่ม ในขณะที่ ถนนเมียวดี-กอกะเรก ทางหลวงสายเอเชีย กลับมาใช้งานได้ตามปกติในวันที่ 15 ส.ค. โดยให้รถบรรทุก 6 ล้อสามารถขับในเลนได้ นอกจากนี้ จากตัวเลขการค้าชายแดนเมียวดี เดือน ส.ค. พบว่ามีมูลค่าการส่งออก อยู่ที่ 15.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนรถบรรทุก 1,457 คัน และการนำเข้า 40.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนรถบรรทุก 2,327 คัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myawady-border-trade-tops-us55-mln-in-august/#article-title

‘เมียนมา’ เผยยอดค้าชายแดนเมียวดี ทะลุ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

จากข้อมูลสถิติของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่ามูลค่าการค้าชายแดนไทย-เวียดนาม (เมียวดี) อยู่ที่ 35.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน่ชวง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาของเดือน ส.ค. โดยการส่งออกผ่านด่านเมียวดี 9,832 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การนำเข้า 25,572 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 7 ส.ค. เกิดฝนตกหนักได้ทำลายถนนบางส่วนบนถนนเมียวดี-กอกะเรก ซึ่งเป็นช่องทางการค้าหลักระหว่างเมียนมาและไทยและอยู่ระหว่างดำเนินการซ่อมแซม ทั้งนี้ ทางหลวงเอเชียสายเมียวดี-กอกะเร็ก จะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 15 ส.ค. ทำให้รถบรรทุก 6 ล้อสามารถขับในช่องทางดังกล่าวได้

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myawady-border-trade-volume-crosses-us35-mln-in-past-3-weeks/#article-title