ส.อ.ท. ร้องรัฐบาลสกัดเหล็กจากจีน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมของประเทศไทยกำลังเผชิญกระแสสินค้าจากจีนเข้ามาแย่งตลาด โดยอุตสาหกรรมเหล็กเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบรุนแรงสุดจากการทุ่มตลาดและการทะลักของชิ้นส่วนโครงสร้างเหล็กจากจีน จนการใช้กำลังการผลิตเหล็ก ในปี 2566 ตกต่ำเหลือเพียง 31% เท่านั้น และแนวโน้มยังแย่ลงอีกในปีนี้จนเป็นที่น่ากังวลยิ่งว่าหากภาครัฐยังดำเนินการต่างๆไม่ทันการณ์ โรงงานเหล็กไทยจะต้องปิดกิจการและเลิกจ้างแรงงานอีกจำนวนมาก ส.อ.ท.จึงได้นำเสนอแนวทางแก้ไขวิกฤติอุตสาหกรรมเหล็กต่อรัฐบาล ดังนี้ 1.กระทรวงอุตสาหกรรม ใช้มาตรการห้ามตั้ง ห้ามขยายโรงงานเหล็ก โดยมุ่งไปที่เหล็กที่มีกำลังการผลิตมากล้นเกินความต้องการ รวมทั้งบังคับใช้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ควบคุมคุณภาพส่วนประกอบของสินค้าโครงสร้างสำเร็จรูป 2.กระทรวงพาณิชย์ไต่สวนและบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยง (AC) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (CVD) อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิผล และพิจารณาความจำเป็นในการใช้มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard : SG) โดยเก็บอากร SG สินค้าเหล็กทุกประเภทสูงถึง 25% 3.ปรับปรุง/แก้ไข พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ ให้มีการบังคับใช้มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยง (AC) 4.ขยายผลใช้มาตรการใช้สินค้าเหล็กที่ผลิตภายในประเทศจากการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐไปยังการก่อสร้างประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ด้านนายนาวา จันทนสุรคน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) และผู้แทนกลุ่ม 10 สมาคมเหล็ก เปิดเผยว่า สถานการณ์ของอุตสาหกรรมเหล็กวิกฤติยิ่งขึ้น จากเหล็กจีนทะลักเข้ามาไทยทั้งการทุ่มตลาด การอุดหนุน และการหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า ทำให้ผู้ผลิตสินค้าเหล็กไทยซึ่งมีการจ้างงานทั้งระบบกว่า 330,000 คน ได้รับผลกระทบรุนแรงจนบางโรงงานต้องปิดกิจการและเลิกจ้าง 10 สมาคมเหล็กจึงได้เร่งประสานทำงานร่วมกับกระทรวงต่างๆ เพื่อให้มีการเร่งรัดแก้ไขปัญหาวิกฤติอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้วิจัยพบว่าการผลิตเหล็กในประเทศไทยที่หายไปทุกๆ 1 แสนตัน จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของไทย ลดลง 0.19% และอัตราการจ้างงานในอุตสาหกรรมเหล็กลดลง 1.2%

ภาพจาก : Thaipubilca

ที่มา : https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ/2766803

กลุ่มทุนยักษ์ซาอุฯ เตรียมทุ่ม 2 แสนล้านตั้งคลังน้ำมันภาคใต้ของไทยฮับอาเซียน เทียบเท่าสิงคโปร์

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. ได้เข้าร่วมคณะเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะภาครัฐและภาคเอกชน ระหว่างวันที่ 6-10 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคี และส่งเสริมการเจรจาการค้าและการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ ในการเร่งผลักดันการค้า การลงทุน

ทั้งนี้ ทางซาอุฯ สนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่โครงการแลนด์บริดจ์ในภาคใต้ของไทยโดยพร้อมลงทุน 200,000 ล้านบาท ในการตั้งศูนย์กลางในการกระจายน้ำมันในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออก ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นแหล่งใหม่ในการกระจายน้ำมันในภูมิภาคนี้ และจะมีขนาดใหญ่ไม่น้อยไปกว่าที่สิงคโปร์ และมีแนวโน้มที่ไทยจะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางด้านน้ำมัน และปิโตรเคมีในภูมิภาคนี้ คาดว่าในระยะสั้นจะชิงส่วนแบ่งการตลาดจากสิงคโปร์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ในระยะสั้น ส่วนในระยะยาวหากไทยรักษาลูกค้าได้ดีกว่ามีโอกาสที่จะแซงหน้าสิงคโปร์ได้ในอนาคต

ที่มา : https://thailandnews.asia/28631/

ส.อ.ท. คาดส่งออกอาหารโต 1.5 ล้านล้านบาท จากความต้องการทั่วโลกสูงขึ้น

นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยหลังหารือร่วมกับภาคเอกชน คือ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยคาดว่าปีนี้การส่งออกอาหารไทยจะมีมูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% จากปีที่ผ่านมา และเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก คือ ความต้องการของทั่วโลกที่สูงขึ้น จากการเปิดประเทศหลังโควิด-19 การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การขาดแคลนอาหาร ความกังวลเรื่องความมั่นคงอาหาร ทำให้หลายประเทศสำรอง อาหารเพิ่มมากขึ้น เพราะอาหารของไทยมีคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัย เมื่อจีนเปิดประเทศและยกเลิกมาตรการซีโร่ โควิด ทำให้ปริมาณการค้าสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้า ที่มีตลาดทางตอนใต้ของจีน เช่น ไก่แช่แข็ง สำหรับปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น จากราคาพลังงาน อาทิ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส จึงขอเสนอให้รัฐบาลใหม่พัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร เพราะเป็นรากฐานและเป็นซอฟต์เพาเวอร์ หากได้รับการสนับสนุน จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนฐานราก ช่วยยกระดับประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มรายได้สูงได้ “ไตรมาส 1 ปีนี้พบว่า ไทยส่งออกอาหารได้ 346,379 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สินค้าที่การส่งออกขยายตัวดี ได้แก่ น้ำตาลทราย เพิ่มขึ้น 37%, ข้าว เพิ่มขึ้น 29%, ไก่ เพิ่มขึ้น 14%, ผลไม้สด เพิ่มขึ้น 59% แต่ยังมีสินค้าที่หดตัว เพราะวัตถุดิบลดลง ราคาสูงขึ้น เช่น แป้งมันสำปะหลัง กุ้ง สับปะรด และคาดว่าไตรมาส 2 การส่งออกจะหดตัว และกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง”

ที่มา : https://www.thairath.co.th/business/feature/2692913

ส.อ.ท. ชี้จีนเปิด ปท.กระตุ้นเศรษฐกิจอาเซียน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า การที่ประเทศจีนเปิดประเทศแม้อาจมีความกังวลในเรื่องของโควิด-19 อยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมแลกกันเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า และมั่นใจในกระบวนการคัดกรองของแต่ละประเทศที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้นายเกรียงไกร ได้กล่าวเพิ่มเติม ว่าการเปิดประเทศของจีน ถือเป็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย เมื่อภาคอุตสาหกรรมเดินหน้า ภาคบริการต่างๆ กลับมา ก็ทำให้ซัพพลายเชนต่างๆ ที่เคยมีปัญหาก็คลี่คลาย และจีนก็เป็นคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียนรวมถึงไทยด้วย ก็จะช่วยทำให้เศรษฐกิจในอาเซียนแข็งแกร่งขึ้น พร้อมมองว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยปีนี้จะอยู่ที่ 25 ล้านคน

ที่มา : https://www.innnews.co.th/news/economy/news_480456/

ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์ ต.ค. โต 15.51% จำนวน 94,228 คัน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ต.ค.2565 อยู่ที่ 94,228 คัน ขยายตัว 15.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 84,917.32 ล้านบาท จาก 71,410.68 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ยอดส่งออกขยายตัวดีขึ้นหลังปัญหาชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์คลี่คลาย ทำให้สามารถผลิตได้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มมากขึ้นกว่าจำนวนรถที่ส่งออกไปเนื่องจากเป็นรถยนต์ PPV ทีมีมูลค่าสูงกว่ารถยนต์นั่งและรถยนต์กระบะ ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.65) อยู่ที่ 800,672 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.48% โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 727,468.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.60%

ที่มา : https://moneyandbanking.co.th/article/news/fti-export-cars-24112022