เมียนมาปล่อยสินเชื่อ 100 พันล้านจัต เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากพิษ COVID-19

ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา คณะกรรมการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ COVID-19 (CERP) ได้ประกาศกองทุนสินเชื่อใหม่ 100 พันล้านจัต เป้าหมายเพื่อช่วยเหลือธุรกิจในภาคเกษตรปศุสัตว์ การส่งออก / นำเข้า การผลิต ห่วงโซ่อุปทาน อาหารและเครื่องดื่ม (F&B) หน่วยงานต่างประเทศ และโรงเรียนอาชีวศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตามความล้มเหลวในการชำระคืนเงินกู้จะส่งผลให้ถูกเรียกเก็บเงินตามกฎหมายและธุรกิจจะส่งผลลบต่อเครดิตบูโรและเพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับเงินกู้จาก MFI ตามประกาศของคณะกรรมการ CERP เงินกู้ยืมจากกองทุนสามารถสมัครได้ที่สหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมสหภาพเมียมา สำนักงานใหญ่ ภูมิภาค และสำนักงานของรัฐ ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคมถึง 10 สิงหาคม 2563 เงินกู้นี้จะใช้สำหรับการจ่ายค่าแรงและการดำเนินธุรกิจเท่านั้น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/covid-19-relief-plan-committee-myanmar-announces-new-k100b-loan-programme.html

เมียนมาอนุมัติกู้สินเชื่อของ ADB หนี้คงค้างที่ 8.8 ล้านล้านจัตในปี 61-62

หนี้ในประเทศและต่างประเทศของเมียนมาอยู่ที่ 40.8 ล้านล้านจัต ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 ซึ่งใกล้เคียงกับร้อยละ 40 ของ GDP ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและอุตสาหกรรมแจ้งให้รัฐสภาทราบเกี่ยวกับรายงานหนี้สินประจำปี 2561- 2562  ในวันที่ 24 กรกฎาคม หนี้ของประเทศประมาณร้อยละ 63 เป็นหนึ้ภายในท้องถิ่น ในขณะเดียวกันเงินทุนต่างประเทศส่วนใหญ่ถูกจัดสรรให้กับกระทรวงการก่อสร้างและกระทรวงการไฟฟ้าและพลังงาน คาดว่าในปีนี้หนี้จะเพิ่มขึ้นอีกโดยรัฐบาลได้กู้ยืมเงินจาก ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อสนับสนุนโครงการระดับประเทศและโครงการกระตุ้นทางเศรษฐกิจของ COVID-19 สภาผู้แทนราษฎรของเมียนมาอนุมัติการกู้ยืมเงิน 171.3 ล้านดอลาร์สหรัฐจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ใช้ในโครงการไฟฟ้าเขตชนบทในรัฐกะเหรี่ยง เขตอิรวดี เขตพะโค และเขตมะกเว คาดว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับ 2,815 หมู่บ้าน จำนวน 400,400 ครัวเรือน เงินกู้ดังกล่าวมีระยะเวลา 32 ปี รวมระยะเวลาผ่อนผันแปดปีซึ่งจะเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ร้อยละ 1 สำหรับส่วนที่เหลืออีก 24 ปี อัตราดอกเบี้ยจะเป็นร้อยละ 1.5 โดยอัตราผลตอบแทนภายในทางเศรษฐกิจคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 15

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-approves-adb-loan-outstanding-debt-hits-k408-trillion-2018-19.html

รัฐบาลเมียนมาวางแผนซื้อข้าวสำรองเพิ่ม

กระทรวงพาณิชย์เผยรัฐบาลกำลังวางแผนที่จะซื้อข้าวเพิ่มอีก 20,000 ตันเพื่อเป็นแหล่งสำรองข้าว  เมื่อต้นปีรัฐบาลเมียนมาประกาศจะซื้อข้าว 50,000 ตันจากเกษตรกรเพื่อการสำรองหลังตรวจพบ COVID-19 ในเมียนมาเป็นครั้งแรก และจะซื้อเพิ่มอีก 20,000 ตัน ข้าวได้รับการจัดหาจากบริษัทส่งออก 12 แห่งและเก็บไว้ที่โกดัง 9 แห่ง ระหว่างวันที่ 30 เมษายนถึง 12 มิถุนายน 2563 มีการซื้อข้าวจากเมืองย่างกุ้ง 40,000 ตัน 3,000 ตันจากมัณฑะเลย์ และ 1,000 ตันจากเนปิดอว์ เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 เมียนมาส่งออกข้าวได้สูงสุด 2.5 ล้านตันในปีงบประมาณ 2562-2563 มีการซื้อข้าวจากผู้ค้าข้าวในท้องถิ่นมากถึง 38 พันล้านจัตและคาดว่าจะซื้อข้าวสำหรับส่งออกได้มากถึง 10% เพื่อทำการสำรอง

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-govt-plans-buy-more-reserve-rice.html

ย่างกุ้งเปิดตัวระบบการชำระเงินของรถโดยสารประจำทาง

Yangon Bus Service (YBS) เปิดตัวระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์บนรถโดยสารเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยมียอดขาย 5,387 ใบภายในสองวันหลังจากเปิดตัว ผู้เดินทางส่วนใหญ่จะได้รับบัตรฟรีหากซื้อบัตรเครดิตมูลค่า 5,000 จัต คาดว่าจะขายบัตรเติมเงินมากกว่า 250,000 ใบในช่วงเดือนแรก บัตรดังกล่าวสามารถซื้อได้ที่ร้าน Grab and Go กว่า 100 แห่งทั่วเมือง ในเมืองย่างกุ้งมีการจำหน่ายบัตร 2,500 ใบในแต่ละวัน Yangon Payment Services (YPS) จะถูกติดตั้งบนรถบัสรวม 597 แห่งที่ดำเนินการโดย บริษัท ขนส่งสาธารณะย่างกุ้ง (YPBC) และสายรถบัสบันดุลา YPS จะถูกติดตั้งบนรถเมล์ในเมืองและโดยสารที่เดินทางระยะไกลไกลภายในสามเดือนข้างหน้า บัตรจะขายใบละ 2,000 จัตโดยรายละเอียดจะถูกโฆษณาบนรถบัส ระบบขนส่งสาธารณะในย่างกุ้งได้ถูกเปลี่ยนไปจากระบบ Ma Hta Tha แทนที่โดย Yangon Bus Service (YBS) เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2560 ปัจจุบันมีรถบัสมากกว่า 120 สายที่ให้บริการทั่วเมืองด้วยรถโดยสารมากกว่า 4,300 คันต่อวัน และมีผู้โดยสารมากกว่า 1.8 ล้านคน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/yangon-payment-system-launched.html

EU สนับนุนเงิน 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อปฏิรูปการศึกษาของเมียนมา

สหภาพยุโรปให้ทุนเพื่อส่งเสริมการปฏิรูปการศึกษาในปีการศึกษาใหม่จำนวน 37.6 ล้านยูโร (ประมาณ 60 พันล้านจัต / 43.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา  ท่ามกลางการระบาดใหญ่ของ COVID-19 และทำให้แน่ใจว่าเด็กทุกคนสามารถกลับไปโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่ารัฐบาลจะยังคงพยายามปรับปรุงการศึกษาและการฝึกอบรมสายอาชีพทั่วประเทศ เงินช่วยเหลือเป็นการชำระเงินครั้งที่สามจำนวน 221 ล้านยูโรจากสหภาพยุโรปเพื่อเพิ่มการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับทุกคนในประเทศ ซึ่งต้องทำให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ จะไม่ถูกทิ้งไว้ในช่วงวิกฤตินี้ การเข้าถึงการศึกษาและการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องจะมีความสำคัญต่อการฟื้นฟูอย่างยั่งยืนและความสามารถของเราในการป้องกันและตอบสนองต่อภัยคุกคามดังกล่าวได้ดีขึ้นในอนาคต เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาโรงเรียนกว่า 5,600 แห่งทั่วประเทศเริ่มต้นปีการศึกษาใหม่ คาดว่าโรงเรียนประถมและมัธยมต้นจะเปิดในสองสัปดาห์ รัฐบาลเตรียมห้องเรียนเพื่อรองรับระยะห่างทางสังคม (social distancing) เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับแนวทางการควบคุมและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ครูจะได้เรียนรู้หลักสูตรใหม่ออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มในการพัฒนาการศึกษาของเมียนมา เพื่อสนับสนุนการการสอนดิจิทัลมากขึ้นมีการเตรียมคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต ให้กับโรงเรียนและครู กระทรวงจะประเมินแต่ละโรงเรียนและปรับให้เข้ากับสถานการณ์ในแต่ละท้องถิ่น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/eu-releases-43-million-boost-myanmar-education-reforms.html

รัฐบาลเมียนอนุญาติให้เปิด ชายหาดอิรวดีและโรงแรมอีกครั้ง

รัฐบาลอนุญาตให้ชายหาดโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอื่น ๆ ในภูมิภาคอิรวดีซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูธุรกิจในพื้นที่ โดยธุรกิจจะต้องผ่านการตรวจสอบโดยหน่วยงานท้องถิ่นและต้องปฏิบัติตามแนวทางการป้องกัน COVID-19 ของกระทรวงสาธารณสุขและการกีฬา ในบรรดาชายหาดที่มีชื่อเสียงที่เปิดให้บริการอีกครั้งได้ คือ Chaung Tha, Ngwe Saung, เกาะ Gaw Yin Gyi และ Shwe Thaung Yan ชายหาดถูกปิดในวันที่ 24 มีนาคม 2563 หนึ่งวันหลังจากที่มีรายงานการติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 2 ราย ขณะนี้มีเพียงโรงแรมบนชายหาดเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในอิรวดี ผู้ประกอบการกล่าวว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวคาดว่าจะเพิ่มราคาสูงขึ้นเนื่องจากต้องปฏิบัติตามระเบียบ COVID-19 แม้ว่าจะกลับมาเปิดโรงแรม เที่ยวบิน และการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวในท้องถิ่น แต่ก็ยังคงปิดให้บริการแก่ชาวต่างชาติและเที่ยวบินระหว่างประเทศและน่าจะกลับมาเปิดได้ในเดือนตุลาคม โดยโรงแรมในประเทศประมาณ 60% ได้เปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากได้ผ่อนคลายข้อบังคับลงในเดือนพฤษภาคม แต่ธุรกิจยังคงซบเซา เช่น ร้านอาหารผลประกอบการลดลงมากถึง 50% ในขณะที่ผู้คนยังคงระมัดระวังในการไปในที่สาธารณะ สมาคมผู้ประกอบการโรงแรมในเมียนมาเผย โรงแรมบางแห่งไม่มีลูกค้ามากพอและอาจสูญเสียรายได้ดังนั้นจึงยังไม่เปิดทำการ การท่องเที่ยวของเมียนมาคิดเป็น 6.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ มีรายได้รวม 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 และแรงงาน 1.4 ล้านคน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/ayeyarwady-beaches-hotels-reopen-after-inspection.html

ผู้ค้าแตงโมเมียนมาประเมินความต้องการในฤดูการส่งออก

สมาคมผู้ปลูก ผู้ผลิต และผู้ส่งออกแตงโมเมลอนเมียนมา เผยกลยุทธ์ที่จะผลิตเพื่อการส่งออกและคาดการณ์ว่าจะสูญเสียรายได้ในปีที่จะมาถึงนี้  จากผลของ COVID-19 ผู้ส่งออกแตงโมมีผลขาดทุนเป็นจำนวนมากจากการสูญเสียและความต้องการที่ลดลงในเขตชายแดนเมียนมา- จีนในปีนี้ โดยปกติฤดูกาลส่งออกแตงโมจะเริ่มในเดือนกันยายนและอย่างเร็วในระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงพฤษภาคม มีการคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอดีตที่ผ่านมามีการส่งออกแตงโมมากกว่า 800,000 ตันและตอนนี้เหลือเพียง 500,000 ตันเท่านั้น ผลไม้ส่วนใหญ่ส่งออกไปยังจีนที่เขตชายแดน ก่อนการระบาดของ COVID-19 แตงโมและแตงกวาคือการส่งออกผลไม้หลักและรายได้เพิ่มขึ้นทุกปีเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในปีนี้การส่งออกลดลงถูกชดเชยด้วยอุปสงค์กล้วยที่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปีตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ รายได้จากการส่งออกผลไม้ของเมียนมาสูงถึง 370 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งมีแม้จะมีการระบาดของ COVID-19 หากไม่มีการระบาดเมียนมาจะมีรายได้จากการส่งออกผลไม้เพิ่มขึ้นในปีนี้หากมีการจัดเก็บรักษาที่เหมาะสมของชายแดนเมียนมา – จีน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-traders-gauge-demand-melons-upcoming-export-season.html

ศูนย์อัญมณีในมัณฑะเลย์ปิดทำการ

ศูนย์ซื้อขายพลอยในมัณฑะเลย์จะปิดทำการจนถึงสิ้นเดือนแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื่อ COVID-19 ยังคงต่ำในภูมิภาค เลขาธิการคณะกรรมการบริหารศูนย์การค้าอัญมณี กล่าวว่าแม้ความพยายามของฝ่ายบริหารในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ COVID-19 ของรัฐบาลแต่ก็ยังถูกสั่งให้ปิดไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ศูนย์อัญมณีแห่งนี้ดึงดูดผู้คนหลายพันคนต่อวันรวมถึงผู้ซื้อจากจีน รัฐบาลระดับภูมิภาคได้ปลดล็อคจำกัดของมาตรการ COVID-19 โดยอนญาติทำให้เดินทาง โรงแรมสามารถกลับมาเปิดใหม่และเริ่มการผลิตได้หากปฏิบัติตามระเบียบ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/gemstone-centre-mandalay-stay-closed.html

เมียนมาเตรียมยื่นกู้เงินกว่า 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐจาก ADB สร้างทางด่วนพะโค – ไจก์ทิโย

กระทรวงการก่อสร้างได้ยื่นข้อเสนอระหว่างการประชุมรัฐสภาของสหภาพที่จัดขึ้นในเนปิดอว์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมเพื่อขอสินเชื่อ 483.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เพื่อดำเนินโครงการทางด่วน พะโค – ไจก์ทิโย โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ในเขตเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตกถนนจะเชื่อมต่อท่าเรือ Darn ในเวียดนามและท่าเรือติวาล่า ในย่างกุ้งโดยผ่านลาวและไทย โครงการนี้จะมีการพัฒนาที่ยั่งยืนในฝั่งตะวันออกของย่างกุ้ง เช่น สิเรียม, ติวาล่า, โตน-กวะ, กะยัน, Thanetpin และถนนพะโค ซึ่งจะช่วยให้เกิดความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของชาวเมียนมา ทางด่วน พะโค – ไจก์ทิโย เป็นถนน 4 เลนลาดยางยาว 62 กิโลเมตร

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/over-480m-loan-to-be-sought-from-adb-to-build-bago-kyaikhto-expressway

การเติบโตที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าของเมียนมา

เมียนมามีศักยภาพในการเติบโตสูงในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องนุ่งห่ม บริษัทวิจัยจากลอนดอน Fitch Solutions เผยความเสี่ยงและอุตสาหกรรมของประเทศในเอเชียอย่างเวียดนาม, บังคลาเทศ, กัมพูชาและเมียนมาจะยังคงเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในการผลิตสิ่งทอของภูมิภาค โดยมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากประชากรขนาดใหญ่และแรงงานหนุ่มสาวส่วนใหญ่ ต้นทุนแรงงานต่ำในประเทศเหล่านี้พร้อมกับได้รับจากโซ่อุปทานทั่วโลกที่กำลังจะมาจีน เมียนมามีค่าแรงต่ำที่สุดในภาคการผลิตเครื่องนุ่งห่มแม้ว่าจะเปรียบเทียบกับผู้เล่นระดับภูมิภาคอย่างกัมพูชา เวียดนาม และลาว ในปี 2561 ค่าแรงขั้นต่ำต่อเดือนของเมียนมาก็อยู่ในระดับเดียวกัน หรือต่ำกว่าบังคลาเทศซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าแรงต่ำที่สุดในโลก แต่ความเสี่ยงของการถอน GSP ของสหภาพยุโรปต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัฐยะไข่ เนื่องจากว่า 60% ของการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปในปัจจุบันจะส่งผลลบต่ออุตสาหกรรมในระยะเวลาอันใกล้นี้ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเวียดนามและบังคลาเทศได้ครองส่วนแบ่งการตลาดส่งออกเสื้อผ้าโลกและกลายเป็นผู้ส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปรายใหญ่อันดับสองและสามรองจากจีน เมื่อจีนเพิ่มวัตถุดิบในห่วงโซ่คุณค่าและผลักดันการผลิตในระดับต่ำถึงระดับกลางทำให้เวียดนามและบังคลาเทศได้กลายเป็นผู้รับผลประโยชน์ที่สำคัญ อย่างไรก็ตามสัดส่วนการส่งออกสิ่งทอระดับโลกของเมียนมายังคงต่ำมากเพียง 1% ในปี 2562 แม้จะเพิ่มขึ้นจาก 0.1%  ในปี 2553 ซึ่งยังเป็นรองกัมพูชาเพียงเล็กน้อยที่ 1.4% และบังคลาเทศที่ 6.1% Fitch Solutions มองว่าเมียนมาจะเป็นแบบเดียวกับ บังคลาเทศ เวียดนาม และกัมพูชามีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงของการผลิตในอุตสาหกรรม จากการใกล้ชิดกับแหล่งวัตถุดิบในประเทศจีนและอินเดีย แหล่งแรงงานที่มีต้นทุนต่ำขนาดใหญ่เชื่อมโยงการค้ากับจีนและส่วนอื่น ๆ ของโลกและที่สำคัญที่สุดคือการสนับสนุนทางเศรษฐกิจของจีน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/strong-growth-continue-myanmars-garment-industry.htm