หลังเส้นทางรถไฟสาย “สปป.ลาว-จีน” เริ่มดำเนินการ ได้ทำการขนส่งสินค้ากว่า 26.8 ล้านตัน

หลังจากเส้นทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน เริ่มดำเนินการเป็นระยะเวลารวม 22 เดือน มีการขนส่งสินค้าบนเส้นทางรถไฟปริมาณรวมมากกว่า 26.8 ล้านตัน ตามการรายงานของ China Railway Kunming Group Co., Ltd. โดยการรถไฟรายงานเสริมว่าการขนส่งสินค้าครอบคลุมสินค้ากว่า 2,700 ประเภท ซึ่งเน้นไปที่การขนส่งผักและผลไม้ ในปริมาณกว่า 83,500 ตัน มูลค่ากว่า 2.2 พันล้านหยวน (306.4 ล้านดอลลาร์) สำหรับในปีนี้ปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นคิดเป็นปริมาณรวมกว่า 14 ล้านตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน ถือเป็นโครงการสำคัญที่เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ซึ่งเริ่มดำเนินการในเดือนธันวาคม 2021 โดยมีระยะทางรวม 1,035 กม. เชื่อมระหว่างคุนหมิงกับเมืองเวียงจันทน์

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_ChinaLao195_23.php

กัมพูชาส่งออกข้าวไปยังต่างประเทศรวมกว่า 327.4 ล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วง 9 เดือน

สหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) รายงานถึงสถานการณ์ส่งออกข้าวสารของกัมพูชามีปริมาณรวมกว่า 456,581 ตัน สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี สร้างรายได้เข้าประเทศรวมกว่า 327.4 ล้านดอลลาร์ โดยได้ทำการส่งออกยัง 57 ประเทศ ทั่วโลก ซึ่งจีนยังคงเป็นประเทศคู่ค้าหลักของกัมพูชาที่ปริมาณการส่งออก 155,366 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 99.6 ล้านดอลลาร์ ด้าน Chan Sokheang ประธาน CRF ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวสารทั้งปีไว้ที่ 700,000 ตัน สำหรับในปี 2023 โดยเฉาพะ ข้าวหอม ข้าวอินทรีย์ ข้าวขาว ข้าวนึ่ง และข้าวจาโปนิกา เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501372820/cambodia-earns-327-4-million-from-rice-export-in-9-months/

9 เดือนแรกของปี กัมพูชาดึงเงินลงทุนต่างชาติแตะ 3.76 พันล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) รายงานถึงสถานการณ์การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี โดยกัมพูชาดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติมูลค่ารวมกว่า 3.76 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 จากมูลค่า 3.46 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทางการกัมพูชาได้อนุมัติโครงการลงทุนไปแล้วกว่า 191 โครงการ สำหรับในช่วงเดือนมกราคม-กันยายนปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากจำนวน 150 โครงการ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ 5 อันดับแรกของกัมพูชา ได้แก่ จีน มาเลเซีย หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน สิงคโปร์ และเวียดนาม เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501372822/cambodia-attracts-3-76-billion-investment-in-the-first-9-months-an-increase-of-8-6-percent/

‘อสังหาฯ เวียดนาม’ ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ดึงดูดเงิน FDI ได้กว่า 1.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

หน่วยงานการลงทุนต่างประเทศ กระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม เปิดเผยว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 1.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนราว 9.6% ของเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงาน พบว่าตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงวันที่ 20 ก.ย. เวียดนามดึงดูดการลงทุน FDI ประมาณ 20.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ดี ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นผู้นำที่ดึงดูด FDI ในเวียดนามได้มากที่สุด มูลค่ามากกว่า 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 5.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี รองลงมาภาคอสังหาฯ ที่ 1.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 45% และการเงินการธนาคาร 1.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/real-estate-attracts-1-94-billion-usd-in-fdi-in-nine-months-2198057.html

‘ประชากรเวียดนาม’ เพียง 8% ลงทุนในหุ้น

จากข้อมูลของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (VSD) เปิดเผยว่าประชากรเวียดนามในปัจจุบัน มีเพียง 8% หรือ 7.76 ล้านคน ลงทุนในตลาดหุ้น และจากข้อมูลในเดือนกันยายน 2566 พบว่ามียอดเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่อยู่ที่ 172,695 บัญชี และโดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย หรือนักลงทุนรายบุคคล มีบัญชี 172,605 บัญชี ลดลงเกินกว่า 15,000 บัญชี เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2566 ทั้งนี้ จากข้อมูลในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ นักลงทุนเวียดนามเปิดบัญชีหุ้นใหม่ ประมาณ 924,205 บัญชี และนักลงทุนรายย่อย เปิดบัญชีใหม่ 923,211 บัญชี

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/over-8-percent-of-vietnam-s-population-investing-in-stocks-2198081.html

‘ญี่ปุ่น’ จ้างแรงงานชาวเมียนมา 1 พันคน

สถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศเมื่อวันที่ 2 ต.ค. ว่าจะมีการจ้างแรงงานชาวเมียนมาราว 1 พันคนให้มาทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น โดยจากข้อมูลของสถานเอกอัครราชทูตฯ แจ้งว่าได้รับจดหมายเกี่ยวกับข้อเรียกร้องจากแรงงานอพยพชาวเมียนมา จำนวน 314 ฉบับ (16 ก.ย.- 2 ต.ค.) ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ทำการตรวจสอบโรงงานและบริษัทญี่ปุ่น และส่งข้อมูลไปยังกระทรวงแรงงานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/japan-to-recruit-nearly-1000-myanmar-workers/#article-title

NBC พร้อมขยายขอบเขตการให้บริการ ระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนเพิ่มอีก 3 ประเทศ

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) กำลังเร่งดำเนินการวางแผนที่จะขยายขอบเขตการให้บริการระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนเพิ่มอีก 3 ประเทศ โดยใช้บล็อกเชนภายใต้ชื่อ Bakong (แอพพลิเคชั่น) ไปยังสิงคโปร์ จีน และอินเดีย ก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจข้ามพรมแดนโดยใช้สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งปัจจุบันระบบการชำระเงิน Bakong ได้เริ่มใช้สำหรับการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนแล้วระหว่าง ไทย สปป.ลาว และเวียดนาม โดยแผนดังกล่าวอยู่ภายใต้นโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินของกัมพูชาประจำปี 2023-2028 สำหรับโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินได้เติบโตขึ้นมากในกัมพูชา ช่วยเพิ่มความสะดวกและความหลากหลายในการชำระเงิน สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปีมีจำนวนธุรกรรมที่ใช้ระบบการชำระเงิน Bakong เพิ่มขึ้นเป็น 35.48 ล้านครั้ง ที่มูลค่ารวมกว่า 12.5 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 67 ของ GDP ประเทศ ตามรายงานของ NBC รวมภุงในปี 2022 NBC ได้เปิดตัวบริการชำระเงินด้วยรหัส QR-code “KHQR” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการชำระราคาในร้านค้าปลีกผ่านมือถือภายในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501371446/nbc-to-expand-cross-border-payment-system-to-3-more-countries/

“ไทยเบฟ” วางแผนจัดตั้งโรงงานมูลค่ากว่า 7 พันล้าน ในกัมพูชา

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าการลงทุนจะเน้นวางรากฐานการเติบโต เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันเป็นหลัก โดยใช้เงินลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้จะลงทุนตั้งโรงงานผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในกัมพูชาประมาณ 4,000 ล้านบาท เพื่อเป็นฐานขยายตลาดกัมพูชาและฐานการผลิตวิสกี้ซิงเกิ้ลมอลลต์ ขายในภูมิภาคอาเซียน ร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น สำหรับการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของการบริโภคในประเทศ จากทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อบริษัท แต่ถึงอย่างไรจำเป็นต้องประเมินถึงแรงกดดันจากภาะเงินเฟ้อ ต้นทุนด้านพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น ไปจนถึงหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง อาจยังคงส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค แต่เชื่อมั่นว่ารากฐานอันมั่นคงจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตที่แข็งแกร่งของเราได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังดำเนินมาตรการบริหารอัตรากำไรอย่างรอบคอบ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่างๆ รักษาผลกำไรสุทธิ ส่วนแบ่งตลาดและคำนึงถึงความรับผิดชอบ ความยั่งยืนเป็นสำคัญ สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี มีรายได้อยู่ที่ 216,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501371751/thaibev-plans-7-billion-baht-expansion-including-new-factory-in-cambodia/

กรมอาเซียนและผู้แทนไทยใน AICHR หารือร่วมกับภาคประชาสังคม เพื่อผลักดันการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค

นางสาวอุศณา พีรานนท์ อธิบดีกรมอาเซียน และศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. อมรา พงศาพิชญ์ ผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights: AICHR) ได้เป็นประธานร่วมในการประชุมหารือระหว่างผู้แทนไทยใน AICHR กับภาคประชาสังคม ประจำปี 2566 ณ โรงแรม วี กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 80 คน ทั้งจากภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ ที่ประชุมได้ระดมสมองและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางในการยกระดับบทบาทของผู้แทนไทยใน AICHR ผ่านการแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับพัฒนาการและแนวโน้มสำคัญด้านสิทธิมนุษยชนทั้งในไทยและอาเซียน เช่น ความเชื่อมโยงระหว่างสิทธิมนุษยชนกับมิติอื่น ๆ อาทิ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพจิตและจิตสังคม (psychosocial) และการพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพของเด็ก สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ แรงงานข้ามชาติ และกลุ่มเปราะบางอื่น ๆ ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า การบรรลุเป้าหมายด้านสิทธิมนุษยชนเป็นพื้นฐานไปสู่การการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน และสนับสนุนให้ประเด็นสิทธิมนุษยชนได้รับการบรรจุไว้ในวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี ค.ศ. 2025 (ASEAN Community’s Post-2025 Vision) ที่ประเทศสมาชิกอาเซียนอยู่ระหว่างการจัดทำการประชุมหารือฯ เป็นกิจกรรมที่กรมอาเซียนจัดขึ้นเป็นประจำ สอดคล้องกับนโยบายไทยในการส่งเสริมการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการสร้างสังคมที่ครอบคลุมสำหรับทุกคน และสะท้อนความมุ่งมั่นจะเชิญชวนทุกภาคส่วนของสังคมเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการผลักดันวาระสำคัญนี้

ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006130657302

‘เวียดนาม’ แม่เหล็กดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

‘Global Finance’ นิตยสารการเงินการธนาคาร ได้เผยแพร่บทความผ่านเว็บไซต์ ระบุว่าเวียดนามเป็น 1 ในประเทศชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นประเทศที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) มากที่สุด เนื่องจากเวียดนามมีข้อได้เปรียบหลายประการ รวมถึงประชากรเวียดนาม จำนวน 100 ล้านคนที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี ทั้งนี้ หอการค้ายุโรป (EuroCham) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจว่าผู้ประกอบการเลือกเวียดนามเป็น 1 ใน 3 ตัวเลือกอันดับต้นๆ ของการลงทุน ในขณะเดียวกัน เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ระบุว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของเวียดนามเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในครึ่งแรกของปีนี้มีทิศทางชะลอตัวลง แต่ธนาคารโลกคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-poweful-magnet-for-foreign-direct-investment/268452.vnp