นักลงทุนชาวจีนกระตือรือร้นที่จะหาโอกาสการลงทุนในสปป.ลาว

นักธุรกิจจีนมีความสนใจในการลงทุนในด้านต่าง ๆ ในสปป.ลาว โดยเมื่อวันที่ 6 มกราคมมีการประชุมของผู้ประกอบการสปป.ลาวและจีนโดยมีการหารือในรายละเอียดการส่งเสริมผู้ประกอบและการส้รางบรรยากาศที่ดีในการลงทุน ซึ่งเป้าหมายที่นักธุรกิจจีนสนใจจะลงทุนครอบคลุมตั้งแต่ภาคอุตสหกรรมในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ พลังงาน การผลิตกระดาษ ไปจนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางพิเศษ โรงพยาบาล และท่าเรือรวมถึงการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษอีกด้วย นอกจากนี้การประชุมดังกล่าวยังเปิดโอกาสให้สร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจและเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการสปป.ลาวและจีนมีโอกาสในการร่วมทุนในอนาคต ผลของการจัดประชุมครั้งนี้จะทำให้มีนักธุรกิจจีนเข้ามาลงทุนในสปป.ลาวมากขึ้นนอกเหนือจาก เศรษฐกิจที่จะขยายตัวจะรวมถึงการได้เรียนรู้และพัฒนาจากเทคโนโลยีของต่างชาติที่เข้ามาอีกด้วย

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/chinese-investors-keen-find-investment-opportunities-laos-111891

สปป.ลาวตั้งเป้าที่จะลดจำนวนคนจนให้เหลือ 5% ในปี 2020

รัฐบาลตั้งเป้าหมายจะยกระดับรายได้ของครัวเรือนให้สูงขึ้นเพื่อลดจำนวนผู้ยากจนในประเทศโดยมีเป้าหมาย 3,200 ครอบครัวในปีนี้และหากทำได้ก็หมายความว่ามีเพียง 4.9% หรือ 60,000 ครอบครัวเท่านั้นที่จะถูกจำแนกว่ายังไม่ได้รับการพัฒนา ตามรายงานของรัฐบาลจะมีการลงทุน 112 พันล้านกีบเพื่อทำตามแผนลดความยากจนของปีที่แล้วและจะมีโครงการในปีนี้อีก 659 โครงการ โดยจะเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและซ่อมแซมถนนการพัฒนาระบบชลประทานขนาดเล็ก การสร้างโรงเรียน ร้านขายยารวมถึงการฝึกอบรมด้านการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์นอกจากนี้มีการจัดสรรเงิน 137 พันล้านกีบเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนแก่ชุมชน รัฐบาลได้เปิดเผยถึงความสำเร็จในรอบ 9 เดือนของปีที่แล้วว่า 112 หมู่บ้านหรือ 56 %ของเป้าหมายและ 2,209 ครอบครัวหรือ 47.5 %ของเป้าหมายประสบความสำเร็จในการพัฒนา ในปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าที่จะพัฒนาเพิ่มเติมจากเดิมให้ได้ 67% ของเป้าหมายและคาดการณ์ 10 ปีจะแก้ปัญหาความยากจนไปจากประเทศได้

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-aims-cut-number-poor-familes-5-2020-111889       

ใบอนุญาตโครงการการท่องเที่ยวถูกเพิกถอนเพื่อหลีกทางให้กับเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ผู้ว่าราชการแขวงจำปาสักตัดสินใจยกเลิกใบอนุญาตโครงการที่ได้รับอนุญาตในปี 2554 ให้กับนักธุรกิจเพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่น้ำตกคอนพะเพ็งและสมภพเพื่อพัฒนาโครงการที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลโดยรัฐบาลสปป.ลาว และ บริษัท LTV Road and Bridge Construction Sole จำกัด ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ 9,846 เฮกตาร์ภายใต้แผนดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 4ส่วนหลักคือการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรหัตถกรรมและกิจกรรมอุตสาหกรรมอื่น ๆมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าจะลงทุนในโครงการมูลค่ากว่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐพร้อมการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นจาก 2561 ถึง 2593และคาดว่ากิจกรรมเชิงพาณิชย์จะสร้างรายได้ประมาณ 107 ล้านดอลลาร์สหรัฐและจะสร้างงานให้ 100,000 คนสำหรับคนในท้องถิ่น

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/tourism-project-licences-revoked-make-way-special-economic-zone-111888

สปป.ลาวทำข้อตกลงกับจีนในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินโดยตรง

เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนและสปป.ลาวได้ลงนามทำข้อตกลงเรื่องการแลกเปลี่ยนเงินตราโดยตรงของกีบลาว(LAK)กับหยวนจีน(CNY)แทนที่จะต้องทำการแปลงผ่านสกุลเงินอื่น ๆ จุดประสงค์หลักของข้อตกลงคือเพื่อส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นและอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนตามนอกจากการการทำข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างทั้งสองประเทศจะลดลง ซึ่งจะเกิดประโยชน์จากความร่วมมือนี้และส่งเสริมนโยบายการแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่หลากหลายจะช่วยลดความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งลาวต้องนำเข้ามาใช้ในการนำเข้าสินค้าเพราะในปัจจุบันเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำต้นทุนของผู้ผลิตในประเทศสูงขึ้นรวมถึงการบริโภคสินค้าในประเทศก็สูงขึ้นข้อตกลงดังกล่าวจะเข้ามาข่วยแก้ปัญหาได้โดยตรงและส่งผลดีต่อไปกับประเทศในอนาคด้านการค้าและการลงทุน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_China_8.php

อัตราแลกเปลี่ยน Kip ผันผวนเนื่องจากการเติบโตของการนำเข้า

อัตราการแลกเปลี่ยนกีบต่อดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทมีความผันผวนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาโดยมีปัจจัยมาจากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่นำเข้าเพิ่มขึ้นรวมถึงกระบวนการชำระเงินในต่างประเทศสำหรับโครงการลงทุนที่ดำเนินการในสปป.ลาวซึ่งขัดขวางการไหลเข้าของสกุลเงินต่างประเทศ 2 ปัจจัยดังกล่าวทำให้ค่าเงินกีบอ่อนค่าลงโดยตั้งแต่ มกราคม-ธันวาคม 62 ค่าเงินอ่อนค่าเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ธนาคารกลางสปป.ลาวกำหนดไว้ที่ 2% แต่ผลที่ออกมาค่าเงินกีบกับอ่อนค่าเพิ่มขึ้นถึง 3%(เฉลี่ยทั้งปี) จากกรณีดังกล่าวMr. Sonexay Siphandone นายกรัฐมนตรีสปป.ลาวกล่าวว่า“ จำเป็นต้องมีการประสานงานภายในรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางร่วมกันในการลดปริมาณการนำเข้าและเพิ่มการส่งออกเพื่อสร้างดุลการค้าที่ขาดดุล” นอกจากนี้ธนาคารกลางจะยังคงทำงานร่วมกับกระทรวงการวางแผนและการลงทุนหาวิธีแก้ไขกระบวนการชำระเงินในต่างประเทศสำหรับโครงการลงทุนในสปป.ลาวซึ่งเป็นปัญหาต่อการไหลเข้าของสกุลเงินต่างประเทศ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/kip-exchange-rate-fluctuating-due-growth-imports-111708

รัฐบาลจะออกกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเติบโต

รัฐบาลได้ประกาศใช้กฎหมายภายใต้พระราชกฤษฎีกาใหม่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าการขายและการประกอบรถยนต์ในลาวมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบการ 3 ใบจากกระทรวงพาณิชย์บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าและส่งออกรถยนต์อาจดำเนินการเฉพาะในลักษณะขายส่งในขณะที่บริษัทที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจขายยานยนต์สามารถดำเนินธุรกิจได้ทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกและบริษัทที่มีใบอนุญาตประกอบรถยนต์ได้รับอนุญาตให้นำเข้าชิ้นส่วนและประกอบและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้กับลูกค้าในแบบขายส่งเท่านั้นหนึ่งในข้อกำหนดหลักที่ บริษัทต้องปฏิบัติคือธุรกิจที่ต้องการขอใบอนุญาตนำเข้าและส่งออกยานพาหนะจะต้องมีทุนจดทะเบียนอย่างน้อย 4 พันล้านกีบสำหรับรถยนต์สามล้อและ 5 พันล้านกีบสำหรับยานพาหนะสี่ล้อกฎหมายใหม่จะทำให้การจัดการในธุรกิจยานพาหนะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจำกัดบริษัทที่ขายรถยนต์คุณภาพต่ำเนื่องจากจะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมต่อไปนอกจากนี้มีการส่งเสริมด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่จะมีการลงทุนอีกด้วย

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt06.php

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (MSMEs)กำลังขาดโอกาสทางการตลาดที่ดี

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (MSMEs)ของสปป.ลาวกำลังประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจนอกเหนือจากปัญหาเดิมอย่างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยาก นั้นคือการจัดแสดงในงานแสดงสินค้าเป็นความท้าทายอีกประการหนึ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในท้องถิ่นที่ต้องการส่งเสริมอย่างสม่ำเสมอเพื่อยกระดับโปรไฟล์ของพวกเขาโดยกลุ่มเจ้าของบริษัทต่างๆ บอกกับเวียงจันทน์ไทมส์ว่า“ เราต้องจ่ายค่าเช่าบูธมากเกินไปในงานแสดงสินค้าต่างๆ หากเป็นไปได้รัฐบาลควรช่วย MSME ในการจัดเตรียมพื้นที่ว่างหรือให้เงินอุดหนุน 50%สำหรับการเช่าบูธในงานแสดงสินค้า” ทั้งนี้ปัจจุบันภาครัฐมีการส่งเสริมการผลิตและบริโภคสินค้าในประเทศเพื่อลดการนำเข้าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของ MSME ที่แต่กลับกัน MSME หลายๆธุรกิจไม่เป็นที่รู้จักและเข้าถึงลูกค้าได้ยากเพราะไม่มีโอกาสจัดแสดงในงานต่างๆ รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อมาต่อยอดธุรกิจทำให้ยังไม่เกิดการพัฒนาในธุรกิจ ดังนั้นรัฐบาลควรมีการสนับสนุนในการสนับสนุนให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการทำธุรกิจเพราะจะเป็นการช่วยกระตุ้นทั้งการลงทุนในประเทศจากภาคครัวเรือนรวมถึงการบริโภคระดับครัวเรือนที่มากขึ้นอีกด้วย

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lack-marketing-opportunities-budget-add-msme-woes-111627

อุตสาหกรรมพลังงานและเหมืองแร่ยังสำคัญต่อเศรษฐกิจสปป.ลาวในปี 63

คณะเศรษฐศาสตร์และการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาวกล่าวว่ารัฐบาลควรมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานและเหมืองแร่เนื่องจากยังเป็นภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสปป.ลาวในปัจจุบันและในอนาคต ดร.ภูเพชรรองคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์และการจัดการธุรกิจกล่าวว่าภาคพลังงานและเหมืองแร่เป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญที่สุดสำหรับสปป.ลาวในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน โดยสปป.ลาวมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำมากถึง 73 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้งรวม 9,531MW และสร้างรายได้มากกว่า 5 หมื่นล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ในปี 62 มีการส่งออกมากถึง 6,000 เมกะวัตต์และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำเพิ่มเติมอีก 12 แห่งดังนั้นรัฐบาลควรมุ่งมั่นที่จะดำเนินนโยบายส่งเสริมการขายต่อไปเพื่อดึงดูดการลงทุนในประเทศและต่างประเทศควบคู่ไปกับการตรวจสอบความปลอดภัยการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำและต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดร.ภูเพชรยังกล่าวเพิ่มเติมว่าบรรยากาศที่ดีสำหรับการดำเนินธุรกิจจะดีขึ้นในปีนี้หากเศรษฐกิจมหภาคมีการจัดการอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพเกี่ยวกับการลงทุน

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/energy-and-mines-remain-key-boosters-lao-economy-2020-economist-111531

การลงทุนรถไฟลาว จีนถึง 6.8 พันล้านหยวนในปี 2562

เมื่อวันที่ 6 มค. 63 มีการจัดการประชุมประจำปีของ บริษัท รถไฟสปป.ลาว – ​​จีน (LCRC) โดยในที่ประชุมประธานบริษัทนายจูกัวเจียงกล่าวว่ามีการลงทุนในการก่อสร้างทางรถไฟสายสปป.ลาว – ​​จีนถึง 6.8 พันล้านหยวนในปี 62 หรือคิดเป็น 50% ของการลงทุนทั้งหมดในโครงสร้างพื้นฐาน โดยขณะนี้ได้ดำเนินก่อสร้างมาแล้ว 86% ของโครงการ ประกอบด้วยอุโมงค์จำนวน 75 อุโมงค์ สะพานยาวกว่า 36 กม. ทางรถไฟที่ถือเป็น โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลสปป.ลาวกับจีนถือป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศที่ดีต่อกันและเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road ของจีน โครงการดังกล่าวจีนมีการใช้เงินทุนถึง 416.83 พันล้านดอลลาร์โดยรัฐบาลสปป.ลาวให้กู้ 249.98 พันล้านกีบ โดยทุกโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้ นอกจากนี้ในปี63 บริษัทยังตั้งเป้าบรรลุการลงทุนทุกด้านอย่างมีคุณภาพและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อประโยชน์ทั้งในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมต่อไป

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-china-railway-investment-reaches-68-billion-yuan-2019-111532

รัฐบาลสปป.ลาวส่งเสริมการนำเข้า-ส่งออกสร้างบรรยากาศการค้าที่ดี

รัฐบาลสปป.ลาวจะมีการดำเนินนโยบายด้านการค้าในการลดอุปสรรคด้านการนำเข้าและส่งออกสินค้าโดยหวังว่าจะปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจให้ดีขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกิจให้ขยายตัวโดยมีเป้าหมายผู้ค้าในประเทศและต่างประเทศสามารถขนส่งสินค้าของพวกเขาผ่านสปป.ลาวไปยังประเทศที่สามได้ง่ายขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะมีการลดค่าธรรมเนียมการอนุญาตการนำเข้าและส่งออกอย่างน้อย 50%จากค่าธรรมเนียมเดิมและลดการค่าอนุมัติเอกสารการนำเข้าและส่งออก 30% โดยกรอบเวลาสำหรับการดำเนินโครงการคือปี 65 นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาคุณภาพของสินค้าที่จะนำเข้าหรือส่งออกโดยต้องมีใบอนุญาตนำเข้าและส่งออกจากทางการเพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้การค้าของสปป.ลาวเป็นไปในทางที่ดีขึ้นและสินค้าที่นำเข้าก็จะมีคุณภาพและเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt.php