การค้าชายแดนจีน-เมียนมาพุ่งสูงขึ้นในช่วงสิบเดือนที่ผ่านมา

จากข้อมูลสถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผยว่า มูลค่าการค้าชายแดนระหว่างเมียนมาและจีนมีมูลค่าทะลุ 2.839 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (เมษายน-มกราคม) ของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 เพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีมูลค่าการค้า 2.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งที่ 412.146 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณนี้ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณที่แล้ว อย่างไรก็ดี เมียนมาดำเนินการค้าขายข้ามพรมแดนกับจีน ผ่านทางด่านชายแดน Muse, Lweje, Chinshwehaw, Kampaiti และ Kengtung ซึ่งการค้าผ่านด่านชายแดน Muse มีมูลค่าการค้าสูงสุดที่ 1.836 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ มูลค่าการค้าผ่านด่าน Chinshwehaw อยู่ที่ 703.066 ล้านดอลลาร์, ผ่านด่าน Kampaiti 36.266 ล้านดอลลาร์, ผ่านด่าน Lweje 98.566 ล้านดอลลาร์ และผ่านด่าน Kengtung 64.435 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ เมียนมามีการดำเนินการค้าชายแดนกับสี่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ จีน ไทย บังกลาเทศ และอินเดีย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-mineral-exports-generate-over-us230-mln-in-10-months/

รายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรแตะ 2.8 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา ระบุว่า การส่งออกสินค้าเกษตรของเมียนมาร์มีมูลค่า 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน โดยตัวเลขดังกล่าวลดลงจาก 3.108 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว โดยลดลงประมาณ 301.79 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เมียนมาได้ดำเนินยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ (NES) พ.ศ. 2563-2568 เพื่อกระตุ้นการส่งออก ภาคส่วนที่มีลำดับความสำคัญของ NES ประกอบด้วยการผลิตทางการเกษตร เครื่องนุ่งห่มและเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์อุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจประมง ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ การผลิตและบริการดิจิทัล บริการโลจิสติกส์ การจัดการคุณภาพ บริการข้อมูลการค้า นวัตกรรม และภาคผู้ประกอบการ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/agri-export-earnings-hit-us2-8-bln-in-past-ten-months/

ราคาขายส่งอ้างอิงน้ำมันปาล์มของย่างกุ้ง ลดลงเล็กน้อย

ตามที่คณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันบริโภค รายงาน อัตราขายส่งอ้างอิงน้ำมันปาล์มสำหรับตลาดย่างกุ้งถูกกำหนดให้ลดลงรายสัปดาห์ที่สองตั้งแต่วันที่ 13 ถึง 18 กุมภาพันธ์อยู่ที่ 5,140 จ๊าดต่อ viss ซึ่งบ่งชี้ว่าลดลงเล็กน้อยที่ 135 จ๊าดต่อ viss เมื่อเทียบกับของสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 5,275 จ๊าดต่อ viss อย่างไรก็ดี คณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจัดจำหน่ายน้ำมันบริโภคภายใต้กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามราคา FOB ในมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด โดยเพิ่มค่าขนส่ง ภาษี และบริการทางธนาคาร เพื่อกำหนดอัตราอ้างอิงตลาดขายส่งรายสัปดาห์สำหรับน้ำมันบริโภค ทั้งนี้กระทรวงกำลังพยายามร่วมกันควบคุมความผันผวนสูงของราคาน้ำมันปาล์มในตลาดค้าปลีก และเสนอราคาที่ยุติธรรมมากขึ้นแก่ผู้บริโภค โดยประสานงานกับสมาคมผู้ค้าน้ำมันบริโภคแห่งเมียนมาร์และบริษัทนำเข้าน้ำมัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/ygn-palm-oil-wholesale-reference-price-falls-at-small-pace/#article-title

สมาคมกาแฟเมียนมาเสนอการแปรรูปกาแฟขั้นกลาง ในเมือง PyinOoLwin

สมาคมกาแฟเมียนมา (MCA) จะจัดหลักสูตร Coffee Processing Intermediate Course และชั้นเรียน CQI Intro PHP (Coffee Quality Institute – ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการหลังเก็บเกี่ยว) ที่ MCA Knowledge Center และโรงงานกาแฟ MCG ในเมือง PyinOoLwin  ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งหลักสูตรเร่งรัดเหล่านี้จะนำเสนอความรู้และมาตรฐานของการแปรรูปกาแฟเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานสากลสำหรับเมล็ดกาแฟ วิธีการแปรรูป และผลิตภัณฑ์ของกาแฟผ่านแนวทางเชิงปฏิบัติและทางเทคนิค ทั้งนี้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับใบรับรองการสำเร็จหลักสูตร CQI Post-Harvest Processing Class ค่าเรียนอยู่ที่ 450,000 จ๊าด และหลักสูตรระดับกลางในการแปรรูปกาแฟรอบที่สองจะเปิดสอนตั้งแต่วันที่ 26 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีค่าธรรมเนียม 600,000 จ๊าด โดยสมาชิกที่ชำระค่าสมาชิกรายปีแล้ว จะได้รับส่วนลด 50,000 บาท อย่างไรก็ตาม หลักสูตรยังครอบคลุมถึงประวัติความเป็นมาของกาแฟ การแปรรูปกาแฟ หลักการพื้นฐานและแนวปฏิบัติของมาตรฐานกาแฟ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการแปรรูปกาแฟ ลักษณะของเมล็ดกาแฟสุก วิธีการเก็บเกี่ยวและคุณประโยชน์ของกาแฟ การวิเคราะห์ตัวอย่างเมล็ดกาแฟและการควบคุมคุณภาพ อุปกรณ์ในการ วัดความชื้นของกาแฟและเครื่องวัดการหักเหของแสงเพื่อทดสอบปริมาณน้ำตาลและทดสอบการสุกของกาแฟ และวิธีการแปรรูปกาแฟตั้งแต่การเก็บเกี่ยว การแปรรูป การคั่ว ไปจนถึงการต้มเบียร์

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-coffee-association-to-offer-intermediate-coffee-processing-cqi-intro-php-class-in-pyinoolwin/#article-title

การส่งออกจากภาคการผลิตทะลุ 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐใน 10 เดือน

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมาเผยว่า มูลค่าการส่งออกจากภาคการผลิตมีมูลค่าถึง 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูปในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว มีรายได้ 9.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วบ่งชี้ว่าลดลงอย่างมากที่ 1.9 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณนี้ อย่างไรก็ดี เมียนมาได้ดำเนินยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ (NES) พ.ศ. 2563-2568 เพื่อสนับสนุนการส่งออก ภาคส่วนที่มีลำดับความสำคัญของ NES ประกอบด้วยการผลิตทางการเกษตร เครื่องนุ่งห่มและเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์อุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจประมง ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ การผลิตและบริการดิจิทัล บริการโลจิสติกส์ การจัดการคุณภาพ บริการข้อมูลการค้า นวัตกรรม และภาคส่วนของผู้ประกอบการ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/exports-from-manufacturing-sector-cross-us7-6-bln-in-10-months/#article-title

การจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ จำนวน 5,308 คัน

ข้อมูลจากกรมบริหารการขนส่งทางถนนระบุว่า มีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ รวม 5,308 คันตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 ถึงมกราคม 2567 ประกอบด้วยรถยนต์นั่งส่วนบุคคล EV 2,217 คัน รถบรรทุกขนาดเล็ก EV 11 คัน จักรยาน EV 2,836 คัน รถสามล้อ EV 244 คัน ได้รับการจดทะเบียนกับกรมแล้ว มีรถยนต์ EV หลายประเภท ซึ่งราคาอยู่ระหว่าง 80 ล้านจ๊าดถึง 200 ล้านจ๊าด โดยข่าวประชาสัมพันธ์ดังกล่าวระบุอีกว่าบริษัท 81 แห่ง ได้รับอนุญาตให้นำเข้าและขายรถยนต์ EV รวมทั้งมีการเปิดโชว์รูมแบรนด์รถยนต์ EV ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยที่ใบอนุญาตนำเข้าจะออกให้กับบริษัทที่ตรงตามข้อกำหนดเท่านั้น อย่างไรก็ดี เพื่อที่จะพัฒนาภาคยานยนต์ EV คณะกรรมการกำกับดูแลแห่งชาติเพื่อการพัฒนายานพาหนะไฟฟ้าและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้กำหนดอัตราภาษีสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าเป็นศูนย์เปอร์เซ็นต์ และยังได้เชิญนักลงทุนในท้องถิ่นให้ลงทุนด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/different-types-of-5308-electric-vehicles-registered/#article-title

มีการลงทุน 93 โครงการเข้าสู่รัฐมอญใน 3 ปี

U Tin Tun Aung หัวหน้าคณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัทของรัฐมอญ กล่าวว่า มีการลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศทั้งหมด 93 โครงการที่เข้ามาและดำเนินการในรัฐมอญ โดยมีธุรกิจทั้งหมด 56 โครงการที่เป็นของชาวเมียนมา คิดเป็นมูลค่า 934,758.248 ล้านจ๊าด และ การลงทุนจากต่างประเทศ 37 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 5,136.396 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกำลังดำเนินการในรัฐมอญ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2021-22 ถึงปีงบประมาณ 2023-24 ซึ่งมีการจ้างงานเกิดขึ้นกว่า 4,487 คน อย่างไรก็ตาม การประชุมคณะกรรมการการลงทุนของรัฐมอญ ครั้งที่ 1/2567 ได้ไฟเขียวให้การผลิตรถจักรยานยนต์ที่บริษัท Min Oo Motor Myanmar Co. Ltd จะดำเนินการด้วยการลงทุนระดับชาติของเมียนมาอย่างเต็มรูปแบบ และการขยายขั้นตอนการพัฒนาของธุรกิจ การอัพเกรด การผลิต และการส่งออกยางที่ จะดำเนินการโดยบริษัท M Rubber Co Ltd พร้อมการลงทุนระดับชาติเต็มรูปแบบ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ คณะกรรมการการลงทุนของรัฐมอญได้อนุญาตให้การลงทุนในเมียนมาและต่างประเทศสร้างโอกาสในการทำงานภายในรัฐมอญตามกฎหมายและข้อบังคับ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/93-investments-logged-in-mon-state-within-three-years/#article-title

เมียนมามีรายได้ 1.123 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกถั่วพัลส์มากกว่า 1.3 ล้านตันใน 10 เดือน

สถิติของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า เมียนมาจัดส่งถั่วพัลส์มูลค่ากว่า 1.123 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นปริมาณกว่า 1.3 ล้านตันให้กับคู่ค้าต่างประเทศในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบันปี 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน โดยแบ่งออกเป็นการส่งออกทางทะเล 1 พันล้านดอลลาร์จากการส่งออกถั่วปริมาณกว่า 1.18 ล้านตัน และส่งออกผ่านทางชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ประมาณ 139,132 ตัน มูลค่า 119.73 ล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 รวมมูลค่า 1.123 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออก 1,319,203.97 ตัน อย่างไรก็ดี เมียนมาส่งออกถั่วดำ ถั่วเขียว และถั่วลันเตาไปยังตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยถั่วดำและถั่วลันเตาจัดส่งไปยังอินเดียเป็นหลัก ในขณะที่ถั่วสีเขียวส่งออกไปยังจีนและยุโรป อินเดียมีความต้องการและการบริโภคถั่วดำและถั่วลันเตาเพิ่มมากขึ้น ตามบันทึกความเข้าใจระหว่างเมียนมาและอินเดียที่ลงนามเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2564 อินเดียจะนำเข้าถั่วดำจำนวน 250,000 ตัน และถั่วลันเตาจำนวน 100,000 ตันจากเมียนมาเป็นเวลาห้าปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2565 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569 สนธิสัญญา G-to-G นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อโควตาประจำปีของถั่วพัลส์ที่อินเดียกำหนด ผู้ส่งออกของเมียนมามีสิทธิที่จะส่งพัลส์ไปยังอินเดียภายใต้โควตาประจำปีนั้น ทั้งนี้ราคาตลาดทั่วไปของถั่วดำอยู่ที่ 3.3 ล้านจ๊าดต่อตัน (urad), ถั่วลันเตา 4.027 ล้านจ๊าดต่อตัน (tur) และถั่วเขียว 2.04 ล้านจ๊าดต่อตัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-earns-us1-123-bln-from-over-1-3m-tonnes-of-pulse-exports-in-ten-months/

ใบอนุญาตนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่จะออกให้สำหรับโชว์รูมรถยนต์

คณะกรรมการกำกับการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องระดับชาติประกาศว่า โชว์รูมรถยนต์จะได้รับการอนุมัติให้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า เมื่อพบว่าเป็นไปตามกฎและข้อบังคับที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ได้อนุญาตให้บริษัท 83 แห่งดำเนินธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบริษัท 2 แห่งที่ดำเนินการสถานีชาร์จและรถโดยสารไฟฟ้าเท่านั้น ทั้งนี้ คณะกรรมการพัฒนาการนำเข้า ติดตั้ง และลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้จัดการประชุมร่วมกับบริษัทนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าในเดือนเมษายนและมิถุนายน และได้แจ้งแล้วไม่ให้กำไรเกินร้อยละ 20 จากราคา CIF หากบริษัทต่างๆ ละเมิดนโยบายเหล่านั้น พวกเขาจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตการส่งออกและนำเข้า และถูกดำเนินการทางกฎหมายภายใต้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการการลงทุนของเมียนมายังออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ว่ายานพาหนะไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวข้องจะ ได้รับการส่งเสริมเป็นสาขาสำคัญ นอกจากนี้ ในระหว่างขั้นตอนการก่อตั้งและหารือสำหรับการจัดตั้งบริษัทและการดำเนินงาน ธุรกิจเหล่านั้นสามารถขอใบอนุญาตจาก MIC เพื่อรับการผ่อนผันภาษีหรือสถานะภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ และการยกเว้นภาษีอื่น ๆ ที่เรียกเก็บในประเทศภายใต้มาตรา 77 (A) ของกฎหมายการลงทุนของเมียนมา และ การยกเว้นภาษีเงินได้ภายใต้มาตรา 75 (C) ของกฎหมายการลงทุนของเมียนมา สำหรับการนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์และอุปกรณ์เสริมที่จำเป็น อะไหล่ และวัตถุดิบในการก่อสร้างที่ไม่สามารถหาได้ในตลาดภายในประเทศ รวมทั้งตามที่กระทรวงการวางแผนและการเงินระบุว่า การยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า (EV) และส่วนประกอบต่างๆ ได้รับการขยายออกไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/ev-import-licence-to-be-granted-for-car-showrooms/#article-title

อัตราแลกเปลี่ยนจ๊าด-ดอลลาร์ในตลาดลดลงอยู่ที่ 3,500 จ๊าด

ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา การอ่อนค่าของอัตราแลกเปลี่ยนจ๊าดเทียบกับดอลลาร์ชะลอตัวลงที่ประมาณ 3,500 จ๊าดที่ตลาดซื้อขายที่เคาน์เตอร์อย่างไม่เป็นทางการหลังจากแตะ 3,560 จ๊าด เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ธนาคารกลางแห่งเมียนมา (CBM) เข้ามาแทรกแซงตลาดสกุลเงินโดยการอัดฉีดเงินดอลลาร์เข้าสู่ตลาดการเงินเพื่อควบคุมการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในตลาดฟอเร็กซ์ โดยในวันที่ 2-5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา CBM อัดฉีดเงินตราต่างประเทศ รวมมูลค่า 29 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ 250 ล้านบาท ในแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงของธนาคารกลางเมียนมาที่กำหนดไว้อยู่ที่ 2,100 จ๊าด/ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ธนาคารกลางแห่งเมียนมาได้อนุญาตให้ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต (ธนาคารเอกชน) ดำเนินการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้อย่างอิสระตามอัตราตลาดที่กำหนดโดยกลไกของตลาดอุปสงค์และอุปทาน นอกจากนี้ CBM ยังได้แจ้งว่าการโอนเงินไปต่างประเทศจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และข้อบังคับของคณะกรรมการบริหารการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/kyat-dollar-exchange-rate-dips-to-k3500-in-market/#article-title