ธนาคารโลกคาดการเศรษฐกิจกัมพูชาโต 4 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า

ธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจกัมพูชาจะหดตัวร้อยละ 2 ในปี 2020 แต่คาดว่าจะกลับมาเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 4 ในปี 2021 ตามรายงานเกี่ยวกับการฟื้นตัวของธนาคารโลก (Restrained Recovery) ซึ่งเป็นการอัปเดตสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุดของธนาคารโลกสำหรับกัมพูชาที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ด้วยการผ่อนคลายมาตรการกีดกันทางสังคม กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศจึงค่อยๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติ โดยการบริโภคส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากการแทรกแซงของรัฐบาล ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ การไหลเข้าของเงินลงทุนจากต่างประเทศไปยังโครงการในอุตสาหกรรมนอกภาคเครื่องนุ่งห่มและการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าการส่งออกโดยรวมจะได้รับผลกระทบจากโรคระบาด แต่การส่งออก จักรยาน ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า และชิ้นส่วนยานยนต์ เพิ่มขึ้น ซึ่งการส่งออกข้าวและสินค้าเกษตรอื่นๆ ก็พุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยนักท่องเที่ยวภายในประเทศได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวบางส่วน

ที่มา :https://www.khmertimeskh.com/50794321/world-bank-cambodias-economic-growth-projected-to-grow-by-four-percent-next-year/

การส่งออกเสื้อผ้ากัมพูชาในเดือนมกราคมถึงตุลาคมลดลงร้อยละ 9

การส่งออกเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชาลดลงร้อยละ 9 ในช่วง 10 เดือนแรกของปี ซึ่งนับจากต้นปีมาถึงช่วงเวลาปัจจุบัน (YTD) ของปี 2019 ตามข้อมูลของ General Department of Customs and Excise (GDCE) โดยมีมูลค่ารวมของสินค้าส่งออกระหว่างเดือนมกราคมถึงตุลาคมอยู่ที่ 8.215 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแยกตามหมวดหมู่ย่อยการส่งออกเสื้อผ้าลดลงร้อยละ 10.7% สู่ระดับ 6.164 พันล้านดอลลาร์รองเท้าลดลงร้อยละ 6.86 สู่ระดับ 929.57 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าด้านการท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 11 เหลือ 788.97 ล้านดอลลาร์ ซึ่งตลาดสหรัฐถือเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับสินค้ากัมพูชาในกลุ่มนี้โดยคิดเป็นร้อยละ 37 ของสินค้าทั้งหมดที่ทำการส่งออก ซึ่งประธานหอการค้าอเมริกันในกัมพูชากล่าวว่าสินค้าประเภทเสื้อผ้าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งเมื่อเศรษฐกิจตะวันตกกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50793527/kingdoms-garment-related-exports-down-9-percent-january-to-october/

สหรัฐฯวางแผนสนับสนุนกัมพูชาเพิ่มเติมในวงเงิน 66.2 ล้านดอลลาร์

รัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาได้ลงนามอย่างเป็นทางการในหนังสือแลกเปลี่ยน ซึ่งสะท้อนถึงปริมาณเงินสนับสนุนจำนวน 66.2 ล้านดอลลาร์ ในข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการพัฒนาสำหรับกัมพูชา โดยรัฐมนตรีอาวุโสกัมพูชารับผิดชอบภารกิจพิเศษ ร่วมกับรองประธานสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ได้เป็นตัวแทนฝ่ายกัมพูชา ร่วมประชุมกับหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่ง CDC กล่าวว่าการระดมทุนเพิ่มเติมจะสนับสนุนด้านสาธารณสุขและการศึกษาจำนวน 43.3 ล้านดอลลาร์ ภาคการเกษตรและสิ่งแวดล้อม 22.9 ล้านดอลลาร์ โดยตั้งแต่ปี 1992 ถึงปี 2019 รัฐบาลสหรัฐฯได้ให้ความช่วยเหลือกัมพูชามาแล้วประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นร้อยละ 6.10 ของการเบิกจ่าย ODA ทั้งหมด ซึ่งความช่วยเหลือนี้สอดคล้องกับลำดับความสำคัญของ RGC ตามที่ระบุไว้ใน Rectangular Strategy IV และแผนพัฒนายุทธศาสตร์แห่งชาติปี 2019-2023

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50793668/u-s-to-provide-additional-66-2-million-to-aid-cambodias-development/

การท่องเที่ยวภายในประเทศถือเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของกัมพูชา

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจกัมพูชา โดยรายงานขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ระบุว่ามีการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาภายในประเทศมีมากถึง 11.2 ล้านคน ในกัมพูชา ถือเป็นเกือบสองเท่าของจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่มีการลงทะเบียนที่ 6.2 ล้านคน ในปีที่แล้ว และในขณะที่การท่องเที่ยวระหว่างประเทศลดลงอย่างรวดเร็วทั่วโลกผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างมองหาโอกาสจากการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้นในการมีส่วนช่วยฟื้นตัวของภาคส่วนในระยะถัดไป ทั้งองค์การการท่องเที่ยวเพื่อสังคมระหว่างประเทศ (ISTO) กล่าวว่าการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นทางออกที่แท้จริง สำหรับภาคส่วนนี้เนื่องจากการพึ่งพานักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียวนั้นมีความเสี่ยงมากกว่าและการท่องเที่ยวในประเทศให้ประโยชน์เป็นวงกว้างมากกว่า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50793199/domestic-tourism-is-key-to-sector-recovery-experts/

PPSP ว่างแผนทำการซื้อหุ้นคืนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา

ผู้อำนวยการสวนอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญ (CSX: PPSP) เชื่อว่าราคาหุ้นที่ลดลงในขณะนี้ถือเป็นการดีที่ทางคณะกรรมการจะเสนอแผนการซื้อหุ้นคืนต่อหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ เนื่องจากราคาซื้อขายหลักทรัพย์ในปัจจุบันอยู่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้สะท้อนเฉพาะในหุ้น PPSP เท่านั้น โดยยังสะท้อนไปถึงหุ้นส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนใน CSX ก็มีการลดลงของมูลค่าหุ้นเช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นในดัชนี CSX ที่ลดลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดย PPSP ได้ประชุมกับหน่วยงานกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์ คือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (SECC) เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการซื้อคืนหุ้นที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในเดือนตุลาคม ซึ่งตั้งใจที่จะรักษาแผนการซื้อคืนหุ้นตามแผนที่วางไว้ แต่จะต้องได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากหน่วยงานกำกับดูแลก่อน ตามรายงานของ PPSP ไตรมาสที่ 3 ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2020 PPSP ทำเงินได้ 537,246 ดอลลาร์ ลดลงกว่าร้อยละ 93 เมื่อเทียบกับ 8,615,848 ดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50793013/ppsp-says-shares-are-undervalued-in-buyback/

กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชายังคงไม่กำหนดแผนการสั่งซื้อวัคซีน

กระทรวงสาธารณสุขยังไม่ได้กำหนดแผนปฏิบัติการสั่งซื้อวัคซีน COVID-19 ล่วงหน้าแม้ว่าประเทศต่างๆทั่วโลกจะดำเนินการไปแล้วก็ตาม ทั้งยังนายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขและการคลังประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนเป็นการเร่งด่วนแล้วก็ตาม โดยโฆษกกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานเพื่อติดตามประสิทธิภาพของวัคซีนก่อนที่จะทำการสั่งซื้อวัคซีนเพื่อความปลอดภัยและได้มาซึ่งการรับรองจากองค์การอนามัยโลกก่อน ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศกัมพูชากล่าวโดยกระทรวงสาธารณสุขแถลงว่าพบผู้ป่วยรายใหม่ 2 ราย (เดินทางมาจากต่างประเทศ) ในกัมพูชาเพิ่มขึ้นเป็น 359 ราย (หญิง 84 รายและชาย 275 ราย) โดย 307 คน หายแล้ว และอีกจำนวน 52 คน กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล ในกรณีนี้ประกอบด้วยชาวกัมพูชา 239 คน ฝรั่งเศส 45 คน จีน 18 คน มาเลเซีย 13 คน ชาวอเมริกัน 12 คน อินโดนีเซีย 9 คน อังกฤษ 6 คน เวียดนาม 3 คน แคนาดา 3 คน อินเดีย 3 คน ฮังกาเรียน 2 คน ปากีสถาน 2 คน เบลเยียม 1 คน คาซัคสถาน 1 คน โปแลนด์ 1 คน และจอร์แดน 1 คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50792639/no-vaccine-plan-ministry-of-health-unsure-on-when-or-from-where-the-kingdom-will-get-doses/

การขยายตัวของธนาคารต่างประเทศที่เข้ามายังกัมพูชายังคงอยู่ภายใต้การควบคุม

เมื่อมีธนาคารต่างชาติเข้ามาในตลาดในกัมพูชามากขึ้นจึงเกิดคำถามว่าตลาดภาคธนาคารภายในประเทศจะอิ่มตัวหรือไม่ อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ากัมพูชายังคงมีพื้นที่เพียงพอสำหรับภาคการลงทุนจากต่างประเทศในสถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังเติบโต รวมถึงการเพิ่มขึ้นของธนาคารต่างประเทศจะเป็นผลเชิงบวกได้ก็ต่อเมื่อมีการลงทุนภายในประเทศและการนำเทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาปรับใช้ภายในประเทศ โดยกรอบกฎหมายของกัมพูชามีบทบัญญัติที่เอื้อต่อนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการลงทุนในภาคธนาคารของประเทศคือไม่มีข้อ จำกัดในการเป็นเจ้าของของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งธนาคารในต่างประเทศและสถาบันการเงินอื่นๆ สามารถเป็นเจ้าของได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการถือครองบริษัท โดยประโยชน์ของการที่ธนาคารต่างประเทศเข้ามายังกัมพูชา คือการพัฒนาระบบการเงินของประเทศผ่านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญด้านการธนาคารที่ใช้กันอยู่ทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันกัมพูชามีธนาคารพาณิชย์ 52 แห่ง ธนาคารเฉพาะกิจ 14 แห่ง สถาบันรับฝากเงินรายย่อย 6 แห่ง บริษัท ไมโครไฟแนนซ์ 75 แห่ง บริษัท ลีสซิ่ง 15 แห่ง สถาบันบริการชำระเงิน 24 แห่ง และ สถาบันแลกเปลี่ยนเงินตรา 2,889 แห่ง ทั่วกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50792642/foreign-bank-expansion-into-kingdom-welcome-and-well-regulated/

กัมพูชาเตรียมพร้อมสำหรับการทำการค้าเสรีกับจีน

อีกไม่ถึง 20 วัน ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกัมพูชากับจีน (CC-FTA) จะมีผลบังคับใช้หลังจากทั้งสองประเทศลงนามในข้อตกลงเมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยภาคเอกชนพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากตลาดจีนที่ถือว่ามีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ซึ่งกระทรวงกำลังดำเนินการและจะเปิดเผยรายการสินค้าทั้งหมดที่สามารถส่งออกไปยังประเทศจีนได้ในไม่ช้า สิ่งนี้จะช่วยให้ภาคเอกชนตระหนักถึงสิ่งที่สามารถส่งออกได้และเกณฑ์ใดที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามในการที่จะส่งออกสินค้าไปยังจีน โดยสินค้าที่มีศักยภาพส่วนใหญ่เป็นสินค้าทางการเกษตร เช่น เนื้อสัตว์แปรรูปและปศุสัตว์ ซึ่งกัมพูชาได้จดทะเบียนสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อส่งออกไปยังจีนอีกราว 340 รายการภายใต้ CC-FTA ทำให้มียอดรวมมากกว่า 10,000 รายการที่สามารถทำการส่งออกไปยังจีนได้ จากข้อมูลของ MoC ในบรรดาสินค้าโภคภัณฑ์ใน CC-FTA ร้อยละ 95 ของสินค้าเหล่านี้จะไม่ต้องเสียภาษี และอีกร้อยละ 5 ที่เหลือจะค่อยๆทยอยยกเลิกภาษี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50791954/getting-ready-for-free-trade-with-china/

ธนาคารกลางกัมพูชาและเวียดนามพึงพอใจกับความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกัน

ธนาคารกลางกัมพูชาและเวียดนามแสดงถึงความพึงพอใจในด้านความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกัน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาภาคการธนาคารและเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) และผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติเวียดนาม (SBV) แสดงถึงความพึงพอใจผ่านการประชุมทวิภาคีประจำปี 2020 ที่จัดขึ้นผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในการรักษาเสถียรภาพด้านการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งยังเพิ่มความมั่นคงของระบบธนาคารและการควบคุมการแพร่กระจายของโควิด-19 ของทั้งสองรัฐบาลได้เป็นอย่างดี ซึ่งการประชุมประจำปีมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพระหว่าง NBC และ SBV ต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50792134/cambodian-vietnamese-central-banks-satisfied-with-bilateral-cooperation/

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชากับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ในช่วง 10 เดือน

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯมีมูลค่าอยู่ที่ 5.8 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งตัวเลขรายงานโดยสำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกาแสดงให้เห็นว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคม 2020 กัมพูชาส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังสหรัฐฯมีมูลค่าอยู่ที่ราว 5.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 ในขณะเดียวกันการนำเข้าของกัมพูชาจากสหรัฐฯมีมูลค่าอยู่ที่ 269 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงกว่าร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯ ได้แก่ สิ่งทอ รองเท้า สินค้าด้านการท่องเที่ยวและสินค้าเกษตร ในขณะที่สินค้านำเข้าหลักจากสหรัฐฯ ได้แก่ ยานพาหนะ อาหารสัตว์ และเครื่องจักร ซึ่งเมื่อปีที่แล้วการค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่าอยู่ที่ 5.8 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50790716/cambodia-u-s-trade-increases-by-16-percent-in-first-10-months/