“Bamboo Airways” สายการบินเวียดนาม ประกาศเพิ่มทุนกว่า 457.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

สายการบินแบมบูแอร์เวย์ส (Bamboo Airways) ประกาศจะเพิ่มส่วนของทุน 3.5 ล้านล้านด่อง ทำให้มูลค่าทุนรวมอยู่ที่ 10.5 ล้านล้านด่อง (457.3 ล้านเหรียญสหรัฐ) การปรับเพิ่มทุนครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 5 และเป็นการเพิ่มเงินทุนครั้งใหญ่ที่สุด ภายใต้งบประมาณของธุรกิจ ทั้งนี้ โครงสร้างของผู้ถือหุ้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง บริษัท FLC ถือหุ้น 51.29% ณ สิ้นปีที่แล้ว โดยเมื่อพิจารณางบการเงินของธุรกิจ พบว่ากำไรก่อนภาษีในปี 2563 มีมูลค่ากว่า 300 พันล้านด่อง จำนวนผู้โดยสารทั้งหมดราว 4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 41% ในแง่ของจำนวนเที่ยวบิน และ 40% ในแง่ของจำนวนผู้โดยสาร เมื่อเทียบกับปี 2561 นอกจากนี้ ในปัจจุบัน สายการบินดังกล่าวมีเครื่องบินจำนวน 30 ลำ ประกอบไปด้วยโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์, แอร์บัส A321neo และเครื่องบิน Embraer E195s ซึ่งคาดว่ากองบินจะมีเครื่องบิน 50 ลำในปีนี้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/bamboo-airways-raises-charter-capital-to-4573-million-usd/196625.vnp

เวียดนามก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี

ตามข้อมูลของนิกเคอิ (Nikkei) เผยว่าบริษัทอินเทล (Intel) ประกาศลงทุน 475 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปใช้ในบริษัทอินเทลโปรดักส์ เวียดนาม คอร์ป (IPV) ซึ่งเป็นศูนย์กลางทดสอบและประกอบชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในช่วงครึ่งหลังของปี 63 บริษัทมีเป้าหมายเพื่อทำการผลิตสินค้า 5G และโปรเซสเซอร์  Intel Core มาพร้อมกับเทคโนโลยีอินเทล ไฮบริด และซีพียูตัวใหม่ล่าสุด ‘Intel Gen 10’ ทั้งนี้ Apple เร่งดำเนินย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนามและอินเดีย บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ มีกำหนดการผลิตไอแพด (iPad) ในเวียดนามช่วงกลางปี 64 นอกจากนี้ ยังจะขยายสายการผลิตลำโพง HomePod mini smart นอกจากนี้ บริษัท Savills Vietnam ระบุว่าบริษัท ‘Pegatron’ ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของไต้หวัน ได้เข้ามาทุ่มเงิน 19 ล้านเหรียญสหรัฐในเมืองไฮฟอง สำหรับแผนการขยายการลงทุนในช่วงเฟสแรก อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้บริษัทข้ามชาติบางแห่งย้ายฐานการผลิตมายังเวียดนาม หรือขยายการปริมาณการผลิต

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-becomes-attractive-destination-to-technology-giants-28437.html

เวียดนามคาดเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 3.5% ปี 64

บริษัทหลักทรัพย์ Viet Dragon Securities (VDSC) เปิดเผยว่าราคากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในเวียดนาม ปี 2564 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าที่สมัชชาแห่งชาติได้ตั้งเป้าไว้ที่ 4% อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเวียดนามดำเนินมาตรการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของเงินเฟ้อ รวมถึงดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข็มงวด ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาทางด้านอุปทาน พบว่าสถานการณ์การผลิตของกลุ่ม OPEC และพันธมิตรอยู่ในระดับไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่หินดินดานของสหรัฐฯ อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลไบเดน ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งอุปสงค์ ความต้องการนำเข้ายังไม่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด แต่มีสัญญาว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตและคาดว่าจะสูงกว่าทางฝั่งอุปทาน นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เวียดนาม ปี 2563 เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนีปรับตัวมาจากราคาของกลุ่มอาหารที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีนี้

  ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-inflation-expected-to-rise-to-35-in-2021-316245.html

เวียดนามมีความพร้อมทางด้านอีคอมเมิร์ซ

ตามรายงานการจัดอันดับดัชนีอีคอมเมิร์ซแบบธุรกิจ B2C เผยเวียดนามมีค่าดัชนี 61.6 คะแนน (เต็ม 100 คะแนน) อยู่ในระดับที่ดีกว่าอินโดนีเซีย (อันดับที่ 83) ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ (96), สปป.ลาว (101), กัมพูชา (117) และพม่า (130) การจัดอันดับดัชนีดังกล่าว พิจารณาตาม 4 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1) ความสัมพันธ์ของการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่อยู่ในระดับสูง 2) ความน่าเชื่อถือของการจัดส่งพัสดุ 3) จำนวนประชากรที่ใช้อินเทอร์เน็ต และ 4) จำนวนประชากรที่มีอายุมากกว่า 15 ปี ที่มีบัญชีกับสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการชำระเงินผ่านโทรศัพท์ ทั้งนี้ มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของทั่วโลก คาดว่าประมาณ 4.4 ล้านล้านด่องในปี 2561 เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม โควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซของเวียดนาม ขยายตัว 18% ในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่า 11.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ นับว่าเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีตัวเลขเติบโตในอัตราเลขสองหลักในภาคธุรกิจนี้ ท่ามกลางโควิด-19 ระบาด

  ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-moves-up-in-e-commerce-readiness-28362.html

การใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวเวียดนามเริ่มฟื้นตัวในปี 64

ตามข้อมูลของศูนย์วิจัย Fitch Solutions เปิดเผยว่าอัตราการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของเวียดนามในปี 2564 คาดว่าจะเติบโต 7% เมื่อเทียบเป็นรายปี แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของการใช้จ่ายผู้บริโภคเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2558-2562 ขยายตัวเฉลี่ย 6.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งหากแบ่งประเภทของการใช้จ่าย พบว่าคนเวียดนามส่วนใหญ่จะใช้จ่ายไปกับอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ คาดว่าในปี 2564 การใช้จ่ายในหมวดนี้จะเติบโต 6.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ค่าใช้จ่ายหมวดอื่น คาดว่าจะเติบโตลดลง เนื่องจากภาคครัวเรือนลดการใช้จ่ายในสินค้าที่ไม่จำเป็น รวมถึงธุรกิจปิดตัวลง ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยดังกล่าวเสนอให้รัฐใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคชาวเวียดนามและเศรษฐกิจในประเทศ ถึงแม้ว่าตัวเลขการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประมาณ 2.5% ในปี 2563 นอกจากนี้ ธนาคารกลางเวียดนาม ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25-1% ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนมากขึ้น

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-consumer-spending-recovery-getting-underway-in-2021-316196.html

เวียดนามเผย ม.ค. ทำรายได้จากการส่งออกเครื่องนุ่งห่ม 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) ระบุว่าในเดือนมกราคม 2564 เวียดนามส่งออกเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ดัชนีผลผลิตเครื่องนุ่งห่มและดัชนีผลผลิตเสื้อผ้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.6% และ 9.9% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ นาย Vu Duc Gian ประธานสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม กล่าวว่าวิกฤตโควิด-19 จะยังคงสร้างผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงปี 2565 อย่างไรก็ตาม หากได้รับวัคซีนโควิด-19 ในไตรมาสแรกและไตรมาสสองของปี 2564 คาดว่าจะควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดดังกล่าวได้ และส่งผลให้ตลาดเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอกลับมาฟื้นตัวในที่สุด อีกทั้ง อุตฯ เครื่องนุ่งห่มจำเป็นต้องสร้างห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะประเทศที่ได้ร่วมลงนามการค้าเสรีกับเวียดนามและอาเซียน นอกจากนี้ ในปีที่แล้ว เวียดนามทำรายได้จากการส่งออกเครื่องนุ่งห่มประมาณ 35 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลมาจากการระบาดของเชื้อไวรัส และความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ กับจีน รวมถึงเหตุการณ์อังกฤษแยกตัวออกจาก EU (Brexit)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-earns-26-billion-usd-from-garment-exports-in-january/196399.vnp

แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกของเวียดนามอยู่ในทิศทางสดใส

ตามผลการสำรวจ ชี้ให้เห็นว่าบริษัทค้าปลีกเวียดนาม 47% ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างรุนแรง ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าไรนัก และธุรกิจ 8% ได้รับผลกระทบเล็กน้อย ผู้คนส่วนใหญ่ปรับลดค่าใช้จ่ายหลังจากถูกเลิกจ้างหรือปรับลดเงินเดือน เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ในขณะเดียวกัน ธุรกิจค้าปลีกเผชิญกับปัญหาขาดแคลนเงินทุนและภาวะหยุดชะงักด้านซัพพลายเชน อย่างไรก็ตาม นาย Vu Dang Vinh ผู้อำนวยการของ Vietnam Report กล่าวว่านักเศรษฐศาสตร์และคนวงในยังคงเชื่อมั่นต่อภาคค้าปลีกอยู่ในทิศทางที่ดี ตลอดจนความสะดวกในการซื้อของออนไลน์ ทั้งนี้ ‘ล็อตเต้มาร์ท’ ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ เผยยอดขายออนไลน์เติบโต 100-200% โดยเฉพาะเมืองฮานอยและโฮจิมินห์

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/outlook-positive-for-vietnams-retail-market/196355.vnp

เวียดนามเผยยอดผู้โดยสารเดินทางช่วงเทศกาลเต็ด ลดลง 64.8%

ตามรายงานของคณะกรรมการความปลอดภัยการจราจรแห่งชาติ (NTSC) แสดงให้เห็นว่าความต้องการในการเดินทางลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเทศกาลเต็ด ผู้โดยสารชาวเวียดนามมีจำนวน 408,000 คน และปริมาณการขนส่งสินค้า 2,000 ตัน ลดลง 64.8% และ 54.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารและสินค้าที่ทำการขนส่งทางรถไฟต่างก็ลดลงเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันที่ 9 – 13 ก.พ. มีผู้โดยสารจำนวน 12,792 คน และปริมาณการขนส่งสินค้า 6,035 ตัน คิดเป็นสัดส่วนเพียง 33.56% ของจำนวนผู้โดยสารรวม และ 65.56% ของปริมาณการขนส่งเมื่อเทียบกับเทศกาลเต็ดปีก่อน อย่างไรก็ตาม การขนส่งทางน้ำยังคงราบรื่น ตลอดจนดำเนินการขนถ่ายสินค้า

  ที่มา : http://dtinews.vn/en/news/018/72532/tet-flight-passenger-numbers-plunge-by-64-8-.html

เวียดนามเผย ม.ค. นำเข้ารถยนต์ 212 ล้านเหรียญสหรัฐ

ตามข้อมูลของกรมศุลกากร ระบุว่าในเดือนมกราคม เวียดนามนำเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้นราว 85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 เป็นรถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศ (CBU) จำนวน 8,343 คัน คิดเป็นมูลค่ารวม 212.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่จะนำเข้ารถยนต์จากไทยและอินโดนีเซีย จำนวน 4,341 คัน (84.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) และ 1,437 คัน (19.2 ล้านเหรียญสหรัฐ) ตามลำดับ ทั้งนี้ ในปี 2563 เวียดนามนำเข้ารถยนต์ทุกประเภทที่ผลิตในต่างประเทศ จำนวน 100,000 คัน ด้วยมูลค่ารวม 2.35 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 24.5% ในแง่ของปริมาณ และ 25.6% เมื่อเทียบกับปี 2561 อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นตลาดนำเข้ารถยนต์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม จำนวน 52,647 คัน รองลงมาอินโดนีเซีย จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-spends-over-us-212-million-importing-cars-in-january-28233.html

เศรษฐกิจเวียดนามโต 5.8% หากควบคุมพิษโควิด-19 ระบาดได้

สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจและนโยบายเวียดนาม (VEPR) คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 5.8% ในปีนี้ หากไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเขตชุมชน และส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศจะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจจะต่ำกว่าที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 6.5% อย่างไรก็ตาม สถาบันฯ ได้ทำการประเมินอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไว้ที่ 1.8% หากมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นและขัดขวางกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เวียดนามมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 679 ราย นับตั้งแต่มีการระบาดในพื้นที่ชุมชน

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/economy-to-expand-5-8-pct-if-covid-19-outbreak-contained-4235863.html