กัมพูชาคาดกลุ่มอุตสาหกรรมนอกเหนือกลุ่มเครื่องนุ่งห่มยังคงแข็งแกร่งในปีหน้า

อุตสาหกรรมนอกเหนือกลุ่มเครื่องนุ่งห่มในกัมพูชาคาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งในปีหน้า โดยได้รับการสนับสนุนจากภาคเกษตรและบริการตามแผนยุทธศาสตร์งบประมาณของรัฐบาลในปี 2564-2566 ท่ามกลางการระบาดของ Covid-19 รัฐบาลวางแผนที่จะลดงบประมาณของรัฐในปี 2021 เป็นประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นการลดลงร้อยละ 50 จากปีนี้ ตามแผนงบประมาณรัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะหดตัวมาอยูที่ระดับร้อยละ 1.9 ในปี 2020 แต่จะดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ในปี 2021 ที่คาดว่าจะหนุนโดยภาคเกษตรที่เติบโตร้อย 1.6 และภาคบริการที่เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมคาดว่าจะเติบโต ร้อยละ 4.1 ผ่านการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่ไม่ใช่เสื้อผ้า รวมถึงการเติบโตจะมาจากการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับหลายประเทศ เช่น จีน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น โดยเฉพาะการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร, วัสดุก่อสร้าง, การประกอบชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50734782/non-garment-sectors-predicted-to-remain-healthy-next-year/

กระทรวงฯเรียกร้องมีการเปิดโรงงานแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์

กระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมงได้เรียกร้องให้บริษัทผู้ปลูกต้นมะม่วงหิมพานต์ในเสียมเรียบเริ่มลงทุนในโรงงานแปรรูป เนื่องจากรัฐบาลกำลังพิจารณาจัดตั้งศูนย์วิจัยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยบริษัท Sophorn Theary Peanich Co Ltd. ซึ่งได้รับสัมปทานที่ดินทางเศรษฐกิจ (ELC) 4,000 เฮคเตอร์ ในจังหวัดเสียมเรียบตั้งแต่ปี 2549 โดยทำสัญญากับกระทรวงเกษตรใน 2017 ที่จะปลูกต้นมะม่วงหิมพานต์บนพื้นที่ปลูก 1,232 เฮกตาร์ ซึ่งรัฐบาลแนะนำให้บริษัทควรเริ่มขยายพื้นที่เพาะปลูก และจัดตั้งโรงงานแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยกระทรวงฯกล่าวว่าหากบริษัทสามารถลงทุนในโรงงานแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ได้จะส่งผลให้ภูมิภาคกลายเป็นศูนย์กลางการแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในอนาคตและจะสร้างงานให้มากขึ้นในจังหวัด ซึ่งรายงานจากกระทรวงเกษตรแสดงให้เห็นว่ากัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 190,141 ตัน ไปยังตลาดต่างประเทศในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50734356/ministry-calls-for-cashew-nut-processing-factory/

ธนาคาร SME อนุมัติ 2.3 ล้านดอลลาร์

SME Co-Financing Scheme (SCFS) ได้อนุมัติคำร้องขอกู้ยืมเงินจำนวน 13 ฉบับ โดยมีมูลค่าการอนุมัติของสินเชื่อรวม 2.338 ล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SME Bank แห่งกัมพูชากล่าวว่าการเบิกจ่ายทั้งหมดมีมูลค่า 1.908 ล้านดอลลาร์และคาดว่าจะมีการเบิกถอนเงินอีกจำนวน 4.3 แสนดอลลาร์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยปล่อยเงินกู้ยืมให้แก่ธุรกิจและกิจกรรมภายในประเทศหลายภาคส่วน เช่นการผลิตและการแปรรูปอาหาร, การผลิตสินค้าสำหรับภาคการท่องเที่ยว, การผลิตผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป, อะไหล่หรือชิ้นส่วนประกอบ รวมถึงการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ซึ่งโครงการ Co-Financing SME ของรัฐบาลมีวัตถุประสงค์ในการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อสนับสนุนและพัฒนา SMEs ท้องถิ่นในภาคต่างๆ ซึ่ง SMEs สามารถยืมเงินทุนหมุนเวียน 2 แสนดอลลาร์ และสำหรับเงินลงทุน 3 แสนดอลลาร์ ด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกินร้อยละ 7 ต่อปี ระยะเวลาการชำระคืน 7 ปีและหลักประกันขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของ PFI แต่ละรายการ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50734391/2-3-million-approved-by-sme-bank/

นายกรัฐมนตรีคาดการณ์เศรษฐกิจหดตัวมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.9 ในปีนี้

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศอาจหดตัวมาอยู่ที่ร้อยละ 1.9 ในปีนี้ เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 เป็นสำคัญ โดยการเติบโตของของประเทศขึ้นอยู่กับการส่งออกเสื้อผ้า, รองเท้า, การท่องเที่ยว, การก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการเกษตร ซึ่งการส่งออกเสื้อผ้า, รองเท้าและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการระบาดของ Covid-19 โดยนายกรัฐมนตรียังคงมองในแง่ดีว่าเศรษฐกิจของกัมพูชาจะกลับมาอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ในปี 2564 เนื่องจากการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์จากต่างประเทศ โดยคาดการณ์เงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ที่ร้อยละ 2.8 ในปีนี้และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยถึงร้อยละ 3.1 ในปีหน้าเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันระหว่างประเทศ ซึ่งธนาคารโลกกล่าวในรายงานล่าสุดเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่าเศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มหดตัวระหว่างร้อยละ 1 ถึง 2.9 ในปีนี้ โดยถือเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 รวมถึงหน่วยงานจัดอันดับเครดิตของมูดี้ส์เมื่อเดือนที่แล้วคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาจขยายตัวประมาณ 0.3% ในปี 2020 และ 6% ในปีหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50733913/pm-forecasts-economic-contraction-of-1-9-percent-this-year/

การค้าระหว่างกัมพูชากับไทยมีมูลค่าสูงถึง 3.1 พันล้านดอลลาร์ในรอบ 4 เดือน

การค้าระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่าสูงถึง 3.1 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 18.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยกัมพูชานำเข้าสินค้าจากไทย 2.4 พันล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องจักร, สินค้าอิเล็คทรอนิคส์, เชื้อเพลิง, วัสดุก่อสร้าง, อาหาร, เครื่องสำอางและเครื่องใช้ในครัวเรือน ซึ่งกัมพูชาทำการส่งออกสินค้าไปยังไทยมูลค่า 687 ล้านดอลลาร์ จากการส่งออกสินค้าประเภทอัญมณีและผลิตผลจากฟาร์ม โดยทั้งสองประเทศกำลังมองหาการค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าให้ถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปีนี้เทียบกับ 9.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2562 และ 8.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2561 จากข้อมูลในอดีต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50733994/cambodia-thailand-trade-hit-3-1-billion-in-four-months/

กัมพูชาเร่งสนับสนุนการลงทุนรูปแบบ e-trade ภายในประเทศ

กัมพูชาขอให้ Huawei ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากจีนช่วยสนับสนุนการลงทุนเพิ่มเติม ในการพัฒนาระบบ e-trade หรือเรียกกันว่าระบบทำการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ร้องขอระหว่างการพบปะกับ Mr. Yao Yuya ซีอีโอของ Huawei กัมพูชา ณ กรุงพนมเปญ ซึ่งนายสรศักดิ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าการลงทุนทางด้านการค้าอิเล็กทรอนิกส์จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดการค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในกัมพูชามากขึ้น โดยเน้นย้ำถึงให้เห็นสภาพแวดล้อมการลงทุนในกัมพูชาที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน รวมไปถึงจะส่งผลทำให้การค้าขายผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ครอบคลุมทั่วประเทศกัมพูชาในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50733601/more-e-trade-investments-encouraged/

สมาคมปศุสัตว์กัมพูชากำลังเร่งทำงานเพื่อลดราคาเนื้อหมูภายในประเทศ

สมาคมผู้เลี้ยงปศุสัตว์กัมพูชาแถลงว่าจะทำงานเพื่อลดราคาเนื้อหมูภายในสัปดาห์หน้าเพื่อรองรับต่อผู้บริโภคในท้องถิ่น โดยการปรับราคาขึ้นหลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรแสดงความกังวลเกี่ยวกับราคาเนื้อหมูที่สูงในตลาดภายในประเทศ ณ ปัจจุบัน ซึ่งสมาคมจะทำงานร่วมกับเกษตรกรในท้องถิ่นเพื่อหาวิธีที่จะสามารถลดราคาเนื้อหมูในท้องถิ่นให้เหลือเพียง 12,000 เรียล (ประมาณ 3 ดอลลาร์) ต่อกิโลกรัม โดยมีรายงานว่าเกษตรกรผู้เพาะปลูกในท้องถิ่นหลายคนแสดงความตั้งใจที่จะขยายการทำฟาร์มปศุสัตว์หลังจากที่นายกรัฐมนตรีฮุนเซนเรียกร้องให้ลดการนำเข้าพืชผักและปศุสัตว์ลงเพื่อกระตุ้นการผลิตในท้องถิ่น ซึ่งในบรรดาการทำฟาร์มทุกประเภทการเลี้ยงหมูกำลังเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากหลังจากราคาเนื้อหมูในท้องถิ่นเพิ่มขึ้นในปัจจุบันราคาเนื้อหมูในตลาดอยู่ในช่วง 13,200 เรียล (ประมาณ 3.25 ดอลลาร์) ถึง 14,200 เรียล (ประมาณ 3.50 ดอลลาร์) ต่อกิโลกรัม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50733576/livestock-association-to-lower-price-of-pork/

CDC อนุมัติการลงทุนใหม่มูลค่าประมาณ 90 ล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนาของกัมพูชาได้อนุมัติเงินทุนจำนวน 89.4 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการลงทุนอีกสองโครงการครอบคลุมการผลิตถุงและเบียร์ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นถึง 1,600 ตำแหน่ง โดยโครงการแรกที่จะดำเนินการในจังหวัดกำปงสปือ ซึ่งเป็นของบริษัทบริลเลียนดราก้อนเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ในขณะที่โครงการที่สองจะอยู่ทางตอนใต้ของเมืองหลวงพนมเปญซึ่งเป็นของ บริษัทวัทเทคบริวเวอรี่ จำกัด ซึ่งมีการประกาศเพิ่มเติมเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าสภาอนุมัติเงินลงทุนทั้งหมด 65.6 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการลงทุนอีก 5 โครงการซึ่งสามารถสร้างงานให้ชาวกัมพูชาประมาณ 5,000 ตำแหน่ง โดยโครงการ 5 โครงการนี้จะครอบคลุมการผลิตเสื้อผ้า, ผลิตภัณฑ์พลาสติกทุกชนิดและการลงทุนในฟาร์มกล้วย รวมถึงโรงแรมระดับสี่ดาว ซึ่งการพัฒนาการลงทุนดังกล่าวท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค การเมืองและสังคมของกัมพูชาแม้จะถูกคุกคามจากการระบาดใหญ่อย่าง Covid-19 ก็ตาม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50732931/cdc-approves-about-90-million-worth-of-new-investments/

194 โครงการการท่องเที่ยวของกัมพูชามูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์มุ่งไปยังพระสีหนุ

จังหวัดด้านชายฝั่งทะเลหรือเรียกกันว่าจังหวัดพระสีหนุของกัมพูชาได้รับการอนุมัติโครงการการท่องเที่ยวทั้งหมด 194 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เผยแพร่โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสีหนุในงานแถลงข่าว ณ กรุงพนมเปญ โดยในปี 2562 จังหวัดได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ 2,229,428 คน (เพิ่มขึ้นเกือบ 9%) เป็นนักท่องเที่ยวจากภายในประเทศ 1,343,690 คน ลดลง 8% และอีก 885,795 คน เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ (เพิ่มขึ้น 52%) ปัจจุบันจังหวัดพระสีหนุมีโรงแรมและเกสต์เฮาส์รองรับนักท่องเที่ยวกว่า 12,000 ห้อง ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชาประมาณ 230 กิโลเมตร จากเมืองหลวงพนมเปญและเชื่อมต่อกับทางรถไฟผ่านจังหวัด กันดาล, ตาแกว และ กำปอต โดยในปีที่ผ่านมาจังหวัดได้เปลี่ยนแปลงโดยภาพรวมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แต่ยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการค้าและการเกษตรร่วมด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50732884/194-tourism-projects-of-30-billion-directed-to-preah-sihanouk-province/

สีหนุวิลล์รายงานถึงการก่อสร้างมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์

พระสีหนุเมืองชายฝั่งของกัมพูชาได้ดึงดูดการลงทุนในโครงการก่อสร้างมูลค่ากว่า 7 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาซึ่งส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนทางฝั่งประเทศจีน ตั้งแต่ปี 2560 ถึงพฤษภาคม 2563 ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างประมาณ 1,355 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ 13,107,209 ตารางเมตร และมีมูลค่า 7.1 พันล้านดอลลาร์ โดยรัฐบาลแห่งชาติกำลังตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนจังหวัดชายฝั่งทะเลให้กลายเป็นเสาหลักเศรษฐกิจหรือเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่หลากหลายของกัมพูชา ซึ่งจุดประสงค์หลักคือการสร้างจังหวัดพระสีหนุให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนที่หลากหลาย โดยจังหวัดสีหนุวิลล์ได้พัฒนาระบบการขนส่งทางบก, ทางน้ำและทางอากาศ ให้กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งสำหรับการเชื่อมต่อ จากการเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50732207/sihanoukville-records-over-7-billion-in-construction/