องค์กรการเงินระดับฐานรากร่วมส่งเสริมภาคการเงินในกัมพูชา

สมาคมไมโครไฟแนนซ์กัมพูชา (CMA) ประกาศเปิดตัวโครงการด้านการเงิน โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวกัมพูชาในการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึงผ่านช่องทางด้านการศึกษา เพื่อให้ภาคการเงินสำหรับรายย่อยเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการมีค่าใช้จ่ายเกือบ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิก CMA และดำเนินการภายในระยะเวลาสามปีมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขข้อกังวลโดยช่วยให้ผู้คนเข้าใจในบริการทางด้านการเงินที่ดีขึ้น ซึ่งโครงการนำร่องนี้จะช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์การรวมกลุ่มทางการเงินของธนาคารแห่งชาติกัมพูชาปี 2553-2568 โดยการดำเนินโครงการจะเกี่ยวข้องกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับสมาชิกผู้ให้บริการการเงินรายย่อย พันธมิตรสำคัญและผู้มีส่วนได้เสียเช่นธนาคารกลาง สมาคมธนาคารในประเทศกัมพูชา สำนักงานสินเชื่อแห่งกัมพูชาและหุ้นส่วนด้านการพัฒนาอื่นๆ ซึ่งนอกจากนี้การศึกษาด้านการเงินในหมู่ประชาชนจะเพิ่มการรับรู้บทบาทของ องค์กรการเงินระดับฐานราก (MFI) ต่อการแก้ไขปัญหาความยากจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของลูกค้าในชนบท จากข้อมูลของ CMA ระบุว่า ณ สิ้นปีที่ผ่านมา MFI ได้ให้เครดิตแก่ชาวกัมพูชาไปกว่า 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่มี 2.7 ล้านคนฝากเงินอยู่ทั้งหมด 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50687227/mfi-players-to-boost-financial-inclusion-in-kingdom

โครงการนำร่องเพื่อส่งเสริมธุรกิจอีคอมเมิร์ซสำหรับ SMEs ในกัมพูชา

กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดตัว “Go4eCam” ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่ออีคอมเมิร์ซสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของประเทศซึ่งเป็นภาคที่กำลังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งโครงการมีมูลค่าประมาณ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐระยะเวลาของโครงการประมาณสามเดือนและมีกำหนดที่จะเริ่มดำเนินการในกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากหุ้นส่วนการพัฒนาระหว่างประเทศและรัฐบาล ที่เรียกว่า Enhanced Integrated Framework (EIF) ซึ่งเป็นกองทุนที่ให้การสนับสนุนทางการเงินและทางเทคนิคเพื่อสร้างขีดความสามารถทางการค้าใน 48 ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด ซึ่งรวมถึงประเทศกัมพูชา โดยได้มอบเงินช่วยเหลือประมาณ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับโครงการ ซึ่งส่วนอื่นมาจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติและรัฐบาลกัมพูชา โดยกัมพูชามีธุรกิจ SMEs กว่า 500,000 รายซึ่งแปรรูปวัตถุดิบทางการเกษตร 150,000 ราย สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารตามที่สมาคมสมาพันธ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งกัมพูชาคาดการณ์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50686950/pilot-project-to-boost-e-commerce-for-kingdoms-smes

ยอดขายตั๋วใน Angkor complex ลดลงจากความกังวลของเชื้อไวรัส Corona

อุทยานโบราณคดีอังกอร์มีรายรับเกือบ 10.5 ล้านเหรียญสหรัฐจากการขายตั๋วในเดือนมกราคมปีนี้ลดลงเกือบ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในรายงานล่าสุดของ Angkor Enterprises ซึ่งบริหารจัดการวัดแห่งนี้ ได้กล่าวว่าจำนวนตั๋วที่ขายในสวนสาธารณะนั้นลดลงเกือบ 18% จากเดือนมกราคม 2562 โดยคิดเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 222,560 คน ซื้อบัตรผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศในจังหวัดเสียมเรียบ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยเหตุผลหลักของการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยว แต่เชื่อว่าได้รับผลกระทบจากความกังวลของเชื้อไวรัส Corona โดยตอนนี้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 362 รายและติดเชื้อมากกว่า 17,300 คนทั่วโลก (ตัวเลข ณ 03/02/63) ซึ่งเที่ยวบินไปและกลับจากประเทศจีนลดลงเหลือประมาณ 40 ถึง 50% จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวระบุว่าในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 6.6 ล้านคนเพิ่มขึ้น 6.6% และนักท่องเที่ยวชาวจีนถือว่ามีจำนวนมากที่สุดโดยมีจำนวนมากกว่า 2.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นเกือบ 17% จากปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50686837/ticket-sales-at-angkor-complex-are-down-as-coronavirus-frightens-off-large-numbers-of-overseas-tourists

ตัวแทนบริษัทจากสหรัฐอเมริกาจะไปเยือนกัมพูชา

ตัวแทนจาก 16 บริษัท จากสหรัฐอเมริกาจะไปเยือนกัมพูชาในสัปดาห์นี้เพื่อสำรวจแนวโน้มล่าสุดในภาคเกษตรกรรมของประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทขนาดใหญ่และเป็นที่รู้จักเช่น Amazon, John Deer, IBM, Walmart, US Grains Council และ Sripipat Engineering โดยมีกำหนดการจะเดินทางมาถึงกัมพูชาในต้นเดือนหน้าตามที่สถานทูตสหรัฐฯในกรุงพนมเปญรายงาน ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจในภาคเกษตรกรรมของกัมพูชา โดยบริษัทจะมีโอกาสได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีความปลอดภัยทางชีวภาพ และความปลอดภัยของอาหารในภาคเกษตรกรรม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแนะนำให้บริษัทจากสหรัฐสามารถลงทุนในการเกษตร การแปรรูปอัญมณี และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยข้อมูลการค้าระหว่างสองประเทศระหว่างกัมพูชาและสหรัฐอเมริกามีมูลค่าราว 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 40% เมื่อปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50686575/us-firms-to-visit-cambodia

พอร์ตฝั่งสินเชื่อในกัมพูชามีมูลค่าสูงถึง 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ประธานกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ (CMA) ของสมาคมไมโครไฟแนนซ์กัมพูชากล่าวว่าภาคการเงินจะยังคงแข็งแกร่งต่อไปเนื่องจากมีพอร์ตสินเชื่อมากกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยตั้งข้อสังเกตว่ามี 2.1 ล้านคน ในกัมพูชาใช้บริการของผู้ให้กู้รายย่อยรวม 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 เพิ่มขึ้นกว่า 30% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเขาตั้งข้อสังเกตเพิ่มขึ้นอีกว่าผลประกอบการที่ดียังสะท้อนถึงสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ซึ่งเขากล่าวว่าเงินให้สินเชื่อที่ค้างชำระเกิน 30 วันนั้นต่ำกว่า 1% ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งต่ำกว่าปีที่แล้ว โดยลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรกรรม การค้าและการผลิต ซึ่งกระทรวงเศรษฐกิจและการเงินคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาเฉลี่ย 6.1% ในปีนี้ โดยสาเหตุหลักคาดว่ามาจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ การระบาดของ Coronavirus การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงทางการเมืองระหว่างประเทศ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงการค้า EBA ระหว่างกัมพูชาและสหภาพยุโรป รวมไปถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50686626/loan-portfolio-goes-over-7bln-but-is-predicted-to-be-lower-this-year

ญี่ปุ่นลงทุนโดยตรงไปยังกัมพูชาสูงถึง 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา

ในระหว่างปี 2537-2562 กัมพูชาได้รับโครงการลงทุนจากญี่ปุ่นกว่า 137 โครงการ มูลค่ารวม 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐภายใต้กรอบการลงทุนโดยตรงของญี่ปุ่น โดยผู้ช่วยปลัดกระทรวงการต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์จัดงานสัมมนาเรื่อง “การได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินที่มีค่าผ่านการเชื่อมโยง MSME” ณ กรุงพนมเปญเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งโครงการลงทุนยังคงดำเนินต่อไปโดยมุ่งเน้นไปที่ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมเกษตร อาหารแปรรูป โรงแรม การท่องเที่ยว โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าและอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) อีกจำนวน 1,799 แห่ง ที่ญี่ปุ่นลงทุนในด้าน โดยธุรกิจจากญี่ปุ่นมีชื่อเสียงด้านคุณภาพ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าท้องถิ่นสร้างงานและช่วยปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพของคนงานกัมพูชาซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งจำนวนบริษัทญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจในกัมพูชาเพิ่มขึ้นทุกปี โดยการตัดสินใจลงทุนและขยายการดำเนินงานในกัมพูชาเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งของรัฐบาลกัมพูชาและมีสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ดี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50686389/japans-foreign-direct-investment-in-cambodia-peaks-2-5-billion-in-last-15-years

กัมพูชามีเขตเศรษฐกิจพิเศษรวม 54 เขตทั่วประเทศ

ในปี 2562 กัมพูชามีเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) รวม 54 เขต ตามรายงานจากสภาเพื่อการพัฒนาประเทศกัมพูชา ซึ่งในปีที่แล้วได้มีการส่งออกสินค้าจากเขตเศรษฐกิจพิเศษของกัมพูชาอยู่ที่ 2,688 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษในกรุงพนมเปญครอบคลุมพื้นที่ 353 เฮกเตอร์ มีบริษัทลงทุนกว่า 121 แห่ง รวมถึงสร้างงานให้กับชุมชนอีกกว่า 21,717 ตำแหน่งให้กับชาวกัมพูชา โดยการส่งออกจากเขตเศรษฐกิจพิเศษในกรุงพนมเปญมีมูลค่าอยู่ที่ 518 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 ตามตัวเลขที่มีการรายงานของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งบริษัท ส่วนใหญ่ที่ลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษกรุงพนมเปญมาจากประเทศไทย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น เบลเยียม ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกาและฟิลิปปินส์ โดยรัฐบาลกำลังดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมเขตเศรษฐกิจพิเศษและการลงทุน ซึ่งกฎหมายใหม่นี้จะดึงดูดการลงทุนในประเทศโดยจัดให้มีสิ่งจูงใจเพิ่มความโปร่งใสและส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50686294/cambodia-has-54-special-economic-zones-more-to-come

กลุ่มธุรกิจสวิสมองเห็นโอกาสการลงทุนในภาคส่วนต่างๆของกัมพูชา

คณะผู้แทนจากหอการค้าของสวิตเซอร์แลนด์แสดงถึงความสนใจที่จะลงทุนในภาคต่างๆของกัมพูชา โดยได้ขอความร่วมมือในการขอทราบข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนในประเทศกัมพูชา ซึ่งสมาชิกกล่าวว่าพวกเขาสนใจเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของกัมพูชาและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการทำการค้าและการลงทุน โดยเมื่อเห็นศักยภาพของเศรษฐกิจของกัมพูชาแล้วคณะผู้แทนหอการค้าสวิสซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯต้องการสำรวจและหาข้อมูลสนับสนุนเพิ่มเติม ในการประกอบการตัดสินใจทำธุรกิจในกัมพูชา ซึ่งในขณะเดียวกันรัฐบาลได้กำหนดชุดของการปฏิรูปที่มุ่งปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุน ความหลากหลายทางเศรษฐกิจและการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันกัมพูชามีองค์กรที่เกี่ยวข้องกับประเทศอื่นๆ เช่นเดียวกับ AmCham และ EuroCham โดยเป็นกลุ่มสมาชิกที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการค้าการลงทุนในกัมพูชา เพื่อการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50685292/swiss-businesses-see-opportunities-for-investments-in-various-sectors

GMAC กล่าวถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดกับแรงงานกว่า 7.5 แสนตำแหน่งในกัมพูชา

GMAC ถามรัฐบาลถึงความน่าเชื่อถือและความมั่นคงของอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม รองเท้าและสินค้าทางด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชากับนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของแรงงานกว่า 750,000 คน ในประเทศกัมพูชา โดยชี้ให้เห็นว่าหลักการพื้นฐานและสิทธิเสรีภาพในการสมาคมถูกจัดตั้งขึ้นในภาคที่ได้กล่าวในข้างต้นหรือไม่ ซึ่ง GMAC ระบุด้วยว่าการเป็นหุ้นส่วนของ GMAC กับ ILO ในการจัดตั้งโครงการ Better Factories Cambodia ของประเทศกัมพูชาในการตรวจสอบรายงานและสร้างความมั่นใจในความโปร่งใสส่งผลให้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ GMAC ยังเน้นว่าหนึ่งในเป้าหมายของการจัดตั้งโปรแกรมระหว่าง ILO กับ Arbitration Council คือการมีบทบาทสำคัญในการยุติข้อพิพาทด้านความสัมพันธ์ทางอุตสาหกรรมในประเทศ โดยสมาคมยังได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดเพื่อปรับปรุงเงื่อนไขแรงงานในภาคอุตสาหกรรมและยินดีต่อการหารือเกี่ยวกับการให้คำแนะนำกับผู้นำสหภาพและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐบาลได้ค่อยๆเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำสำหรับคนงานในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าโดยในปี 2563 มีการเพิ่มขึ้น 4.4% จากปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50685264/750000-jobs-put-at-risk-in-apparel-footwear-travel-goods-says-gmac

มูลค่าการค้าด่านมูเซอยู่ที่ 1.67 ดอลลาร์สหรัฐภายในสามเดือนครึ่ง

กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าปริมาณของศูนย์กลางการค้าชายแดน 18 แห่งมีมูลค่ามากกว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสามเดือนครึ่งในปีงบการเงินนี้ เมียนมามีรายรับ 2.504 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณที่ผ่านมา 18 ศูนย์กลางการค้าชายแดน ได้แก่ มูเซ, ลแวแจ, ชินฉ่วยฮอ, ปิเกติ , เชียงตุง, ท่าขี้เหล็ก, เมียวดี, เกาะสอง, มะริด, นาปูแล  /ทิกี้, มอต่อง, มูเซ, ซิตเว, มองดอ, ตามู, รเอิค, หตันตาลัน และคินเกิล เพื่อส่งเสริมการค้าเมียนมาจำเป็นต้องปรับปรุงทั้งปริมาณและคุณภาพในภาคการนำเข้าซึ่งจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าทุนที่สามารถสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/muses-trade-volume-reaches-to-us167-b-within-three-and-a-half-months