เวียดนามส่งออกเครื่องนุ่งห่ม 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนม.ค.-ก.พ. 2563

จากรายงานของสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม (VITAS) เปิดเผยว่าในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 มูลค่าการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามอยู่ที่ 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยจากการส่งออกรวม พบว่าเม็ดเงิน 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐมาจากการขนส่งเสื้อผ้าทางเรือ และอีก 512 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาจากเส้นด้าย ลดลงร้อยละ 2.3 และ 16 ตามลำดับ ซึ่งในปัจจุบัน ปกติแล้วธุรกิจมีการจัดหาวัตถุดิบที่ตอบสนองความความต้องการในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. อย่างไรก็ตาม ธุรกิจทุกภาคส่วนจะยังคงเผชิญกับปัญหาอย่างยากลำบาก เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ได้รับจากผลของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้อุปสงค์ทั่วโลกลดลง ทั้งนี้ อุตสาหกรรมดังกล่าวตั้งเป้ายอดส่งออกในปี 2563 อยู่ที่ 42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/garment-export-value-hits-5-3-billion-usd-during-jan-feb/170143.vnp

เวียดนามยังคงนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลของกรมศุลกากร เปิดเผยว่าสหรัฐอเมริกาเป็น 1 ในแหล่งวัตถุดิบรายใหญ่ที่สุดจากเวียดนาม และมีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่แล้ว พบว่ามูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 14.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 18  รวมถึงคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบด้วยมูลค่า 14.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้นร้อยละ 84.3 ด้วยมูลค่า 826.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ การนำเข้าสินค้าอื่นๆ เริ่มต้นเพิ่มขึ้นในช่วงปีนี้ ได้แก่ อาหารทะเลและวัตถุดิบอาหารเลี้ยงสัตว์ที่นำเข้าทำให้ราคาลดลง เป็นผลมาจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ทางผู้อำนวยการบริษัทเทรดดิ้งอาหารทะเลระหว่างประเทศ ระบุว่าการส่งออกล็อบสเตอร์ของสหรัฐฯไปยังจีนลดลง เนื่องมาจากราคาสินค้าและทำให้ต้องนำเข้าจากเวียดนามพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้คนไม่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านเท่าไรนัก เนื่องจากความกังวลต่อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้อุปทานของภัตตาคารลดลง แต่ในทางกลับกัน จำนวนผู้คนที่ทำอาหารในบ้านเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vn-imports-of-us-goods-continue-to-rise-411376.vov

กลุ่มยางวางแผนที่จะสร้างโรงงานแปรรูปในภาคเหนือ

จากข้อมูลของกลุ่มยางเวียดนาม (Vietnam Rubber Group – VRG) ได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานแปรรูปจำนวน 3 โรงงานในภาคเหนือ เนื่องมาจากผลผลิตยางจะเพิ่มขึ้นเร็วๆนี้ ดังนั้น ในปี 2565 บริษัทยาง Lai Chau จะดำเนินลงทุนในสายการผลิตน้ำยางข้น (SVR10,SVR20) ด้วยกำลังการผลิตอยู่ที่ 3,000 ตันต่อปี เพื่อที่จะรองรับกับบริษัทในภาคเหนือ ทั้งนี้ ในปัจจุบัน กลุ่มยางเวียดนาม (VRG) มีโรงงานแปรรูปยางในจังหวัด Son La ด้วยกำลังการผลิต 6,000 ตัน และในจังหวัด Lai Chau ด้วยกำลังการผลิต 5,000 ตันต่อปี ซึ่งในปี 2566 ทางกลุ่มยางเวียดนามจะเริ่มก่อสร้างโรงงานแปรรูปยาง (เฟส 2) ในจังหวัด Lai Chau ด้วยกำลังการผลิต 4,000 ตันต่อปี ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 9,000 ตันต่อปี ขณะเดียวกัน โรงงานทั้งสองแห่งนี้คาดว่าจะตอบสนองต่อความต้องการทั้งภูมิภาค

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/rubber-group-plans-to-build-three-processing-plants-in-northern-region/170134.vnp

ยอดขายซุปเปอร์มาร์เก็ตพุ่งสูงขึ้น ขณะที่ตลาดสดดิ่งลง

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่ารายได้ของธุรกิจภาคการค้าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้มีความต้องการสินค้าจำเป็นมากยิ่งขึ้น โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่คนซื้อ คือกลุ่มอาหารที่จำเป็น ได้แก่ ปศุสัตว์และเนื้อสัตว์ปีก ไข่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและผัก เป็นต้น สำหรับทางฝั่งซุปเปอร์มาร์เก็จยังคงต้องส่งเสริมช่องทางอีคอมเมิร์ซ เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของผู้คนเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว เพราะว่าราคาอาหารในซุปเปอร์มาร์เก็ตหลังจากช่วงปีใหม่ ยังมีเสถียรภาพอยู่และต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดสด สำหรับปริมาณขายสินค้าของตลาด ลดลงร้อยละ 50-70 ขณะที่รายได้ลดลงร้อยละ 50-80 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดไวรัส นอกจากนี้ ลูกค้ายังคงกังวลที่จะไปยังสถานที่แออัด ดังนั้น รายได้จากอีคอมเมิร์ซของบางธุรกิจนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20-30

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/sales-at-supermarkets-surge-wet-markets-drop/170116.vnp

เวียดนามเผยส่งออกมันสำปะหลังลดลง ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้

จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) ระบุว่าการส่งออกมันสำปะหลังของเวียดนามลดลงเล็กน้อย ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยปริมาณการส่งออกมันสำปะหลังในช่วงเวลาดังกล่าว 380,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.06 และ 0.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งราคาส่งออกเฉลี่ยของมันสำปะหลังอยู่ที่ราว 332 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ จีนยังคงเป็นตลาดมันสำปะหลังของเวียดนามรายใหญ่ที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 93 ของมูลค่าส่งออกมันสำปะหลังรวม อย่างไรก็ตาม การส่งออกมันสำปะหลังไปยังจีนลดลงร้อยละ 21.1 ในด้านปริมาณและร้อยละ 25.1 ในด้านมูลค่า เมื่อเทียบกับชาวงเดียวกันของปีที่แล้ว สาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ปิดตลาดตามเขตชายแดนและระงับกิจกรรมการค้าตามบริเวณชายแดนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกมันสำปะหลังของเวียดนามไปยังจีน นอกจากนี้ จีนยังคงมีความเข็มงวดสำหรับการติดฉลาก,การบรรจุภัณฑ์ และการค้าตามชายแดน เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-sees-cassava-export-reduction-in-two-months/169980.vnp

ยอดขายรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 11%

จากรายงานของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์เวียดนาม (VAMA) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม เปิดเผยว่าสมาชิกของสมาคมฯ มียอดขายรถยนต์ 17,616 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้ว โดยยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์และรถยนต์ที่มีวัตถุประสงค์พิเศษปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 74 และ 49 ตามลำดับ และมีปริมาณจำหน่าย 4,812 และ 333 คัน ในขณะที่ ยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคลในเดือนนี้ 12,471 คัน ลดลงร้อยละ 3 ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ที่ประกอบในประเทศจำนวน 11,697 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ขณะที่ ยอดขายรถยนต์ที่นำเข้าจากต่างชาติจำนวน 5,919 คัน ลดลงร้อยละ 4 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบรนด์รถยนต์ TC Motor ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมดังกล่าว มียอดขายรถยนต์ในเดือนก.พ. 4,332 คัน อย่างไรก็ตาม โตโยต้ายังคงเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์เวียดนาม ด้วยยอดขายรถยนต์ 4,682 คัน รองลงมา TC Motor, Kia, Mazda และ Ford นอกจากนี้ ผู้อำนวยการทั่วไปของฟอร์ดเวียดนาม คาดว่าในปี 2563 ตลาดรถยนต์เวียดนามจะมีการเติบโตร้อยละ 10-20 เนื่องมาจากอุปทานการผลิตรถยนต์และการส่งเสริมการขายที่มีความหลากหลาย

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/automobile-sales-up-11-in-february-411220.vov

ตลาด ‘อีคอมเมิร์ซเวียดนาม’ แตะระดับมากกว่า 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566

จากข้อมูลของ GlobalData คาดการณ์ว่ามูลค่าของตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามอยู่ที่ 17.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 และปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2562 ราว 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย GlobalData เป็นบริษัทวิเคราะห์และจัดหาข้อมูล ระบุว่าอัตราการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 16.3 และมองว่าตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามเพิ่มขึ้นมาเป็น 2 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจากการใช้จ่ายออนไลน์ ด้วยมูลค่าของตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 จนมาถึงในปี 2562 อยู่ที่ 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ผลสำรวจของบริษัท GlobalData แสดงให้เห็นว่าการชำระผ่านเงินสดยังคงเป็นช่องทางการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.6 ของการทำธุรกรรมบนอีคอมเมิรซ์ และ MoMo เป็นช่องทางการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเวียดนาม รองลงมา Paypal นอกจากนี้ บริษัทระดับโลกได้ส่งเสริมการลงทุนไปยังกลุ่มบริษัทอีคอมเมิร์ซเวียดนาม ได้แก่ TiKi ได้รับเงินทุน 5.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากบริษัท VNG Corporation และอีก 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากนักลงทุนชาวจีน (JD.com)

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/8479702-vietnam%E2%80%99s-e-commerce-market-to-surpass-us$17-billion-in-2023.html

เวียดนามนำเข้าเนื้อสุกรพุ่งสูงขึ้น ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์

เวียดนามนำเข้าเนื้อสุกรมากกว่า 13,800 ตัน ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 150 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งแคนาดาเป็นผู้นำเข้าเนื้อสุกรรายใหญ่ที่สุดจากเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 33.06 ของการนำเข้าจากต่างประเทศรวม ตามมาด้วยเยอรมัน (25.4%), บราซิล (16.10%), โปรแลนด์ (15.81%) และสหรัฐฯ (7.78%) ขณะเดียวกัน เวียดนามนำเข้าเนื้อวัวมากกว่า 12,450 ตัน และเนื้อกระบืออยู่ที่ 12,930 ตัน หากจำแนกรายสินค้า พบว่าเนื้อกระบือส่วนใหญ่มาจากอินเดีย และเนื้อวัวส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯ ออสเตรเลียและแคนาดา ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) ระบุว่าตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงเดือนมีนาคม 2562 ปริมาณเนื้อสุกร 24 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 77 ของเนื้อสุกรรวม ก่อนที่จะเผชิญกับไข้หวัดหมูแอฟริกา (AFS) ในขณะเดียวกัน จำนวนสุกรในประเทศคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจนถึงเดือนเมษายน เพื่อที่มั่นใจว่าอุปทานเนื้อสุกรจะเพียงพอในการรองรับอุปสงค์ในประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/pork-imports-surge-in-january-february/169917.vnp

VN-Index ดิ่งสุดในรอบ 18 ปีที่ผ่านมา

ดัชนี VN-Index ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ปิดที่ 835.49 จุด ณ วันที่ 9 มีนาคม ทำสถิติแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2545 โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามาจากผลกระทบเชิงลบของไวรัสโควิด-19 ในทั่วโลกและเวียดนาม ซึ่งในตลาดหุ้น HOSE นั้นมีเพียง 34 หุ้นที่สามารถเติบโต 386 หุ้นที่ลดลง และอีก 14 หุ้นยังคงทรงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ้นทั้งหมดในดัชนี VN30 ประกอบไปด้วยหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุดและมีสภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ซึ่งขาดทุนในวันนี้ ขณะที่ ดัชนี HNX Index ปิดที่ 106.34 จุด สำหรับนักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นด้วยมูลค่า 229.61 พันล้านด่ง (9.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์และมูลค่า 2 พันล้านด่งในตลาดหลักทรัพย์ฮานอย

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vnindex-hits-rock-bottom-in-past-18-years-411121.vov

ADB เผยเศรษฐกิจเวียดนามลดลง 0.41% จากไวรัสโควิด-19

จากรายงานของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามลดลงร้อยละ 0.41 เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจากตัวรายงานฉบับนี้เผยแพร่ในหัวข้อ “ผลกระทบทางเศรษฐกิจของการระบาดของโควิด-19” ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าความเสียหายของเวียดนามนั้นอยู่ในทิศทางที่ดีเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศเอเชีย ด้วยอยู่ในอันดับที่ 9 ตามมาด้วยไทเป (0.44%), สิงคโปร์ (0.57%), มองโกเลีย (0.74%), จีน (0.76%), ฮ่องกง (0.85%), ไทย (1.11), กัมพูชา (1.59%) และมัลดีฟส์ (2.05%) ขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดของไวรัสนั้น จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเอเชียและโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริโภคในประเทศลดลง การชะลอตัวของการลงทุน การท่องเที่ยวทรุดและการหยุดชะงักด้านการผลิตสินค้า รวมถึงผลกระทบด้านสุขภาพ สำหรับกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ จะเป็นกลุ่มที่ทำการค้าและการผลิตกับจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวจากจีนอีกด้วย นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกลดลงร้อยละ 0.2 ในช่วงปลายเดือนมกราคม คิดเป็นมูลค่าที่สูญเสียอยู่ที่ 156 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/adb-vietnam-to-lose-0-41-percent-of-gdp-due-to-covid-19/169850.vnp