เวียดนามเผยเดือนม.ค. ขาดดุลการค้า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าเวียดนามขาดดุลการค้า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมกราคมของปีนี้ โดยแบ่งมูลค่าการส่งออก 19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 15.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 19.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 14.4 ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่ยังมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (+5.6%) ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ทำมาจากไม้ (+1.4%) สำหรับสินค้าส่งออกรายการอื่นๆ ที่มีมูลค่าลดลง ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม (-21%) โทรศัพท์และส่วนประกอบ (-22.4%) และรองเท้า (-9.7%) ซึ่งสหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาจีน สหภาพยุโรป ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน จีนยังคงเป็นตลาดนำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาเกาหลีใต้และอาเซียน ตามลำดับ นอกจากนี้ ทางผู้เชี่ยวชาญมองว่ากิจกรรมการค้าระหว่างประเทศได้รับอิทธิพลมาจากช่วงวันหยุดยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันปีใหม่ตามปฏิทินทางจันทรคติที่แสดงให้เห็นว่ามียอดการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น จนส่งผลให้เกิดการขาดดุลการค้า

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-reports-trade-deficit-of-100-million-usd-in-january/168057.vnp

กระทรวงอุตฯ เผยวิกฤตไวรัสโคโรนาอาจกระทบภาคการส่งออกไปยังจีน

จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าทางหน่วยงานจับตาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างต่อเนื่อง และให้ผู้ประกอบการเตรียมรับมือกับผลกระทบจากการส่งออกในทิศทางที่เป็นลบ โดยเฉพาะสินค้าส่งออกเกษตรไปยังจีน ซึ่งในปัจจุบัน คาดว่าไวรัสโคโรนายังไม่น่ากระทบต่อการค้าระหว่างเวียดนามกับจีน อย่างไรก็ตาม มีสัญญาบ่งบอกว่ายอดขายสินค้าเกษตรบางรายการไปยังจีนเริ่มชะลอตัวแล้ว เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวและความเข้มงวดในการป้องกันของไวรัส ทำให้การส่งออกมีความยากลำบากมากขึ้น ทั้งนี้ ทางกรมส่งเสริมการค้าได้แนะนำให้ผู้ประกอบการเวียดนามเตรียมค้นหาตลาดอื่นๆ เพื่อให้มาทดแทนกับตลาดจีน สำหรับตัวเลขสถิติการค้าระหว่างประเทศ พบว่าในปี 2562 ยอดส่งออกสินค้าของเวียดนามอยู่ที่ 41.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ที่มาจากสินค้าเกษตรกรรม โดยจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม

ที่มา : https://www.vir.com.vn/coronavirus-might-affect-exports-to-china-ministry-73553.html

เวียดนามเผยดัชนีผลผลิตอุตฯ ม.ค. หดตัว

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (IIP) ในเดือนม.ค. ลดลงร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 11.8 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตฯในเดือนม.ค.ลดลง เป็นผลมาจากอยู่ในช่วงเทศกาลวันปีใหม่และจำนวนวันทำงานลดลง ทั้งนี้ ดัชนีผลผลิตอุตฯส่วนใหญ่มาจากภาคอุตสาหกรรมการแปรรูปและการผลิต ปรับตัวลดลงร้อยละ 4.8 ขณะที่ ภาคการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าลดลงร้อยละ 3.5 ส่วนภาคเหมืองแร่ลดลงอย่างมากถึงร้อยละ 18.4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีการลดลง ได้แก่ รถยนต์ น้ำตาล มอเตอร์ไซต์ แก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) ถ่านหิน นมผงและเหล็กดิบ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บางรายการของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีการเพิ่มขึ้น ได้แก่ แร่โลหะ เหล็กเส้นและเหล็กฉาก โทรศัพท์ เป็นต้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ GSO ระบุว่าการผลิตจะฟื้นตัวอีกในไม่ช้า เพราะว่าในเดือนม.ค. จำนวนพนักงานในสถานประกอบการอุตสาหกรรม ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/national-index-of-industrial-production-down-in-january-409500.vov

เวียดนามลงทุนต่างประเทศในเดือนม.ค. ทะลุ 3.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของสำนักงานการลงทุนต่างประเทศ (FIA) เปิดเผยว่าจำนวนเงินลงทุนของเวียดนามไปยังต่างประเทศ 3.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนม.ค. นับว่าเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ประกอบไปด้วย 7 โครงการใหม่ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 3.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีกหนึ่งโครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนประมาณ 140,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยประเภทของกิจการส่วนใหญ่ที่เวียดนามลงทุนไปยังต่างประเทศ คือ ภาคการค้าปลีกและค้าส่ง (71.8% ของเงินลงทุนจดทะเบียนทั้งหมด) รองลงมาภาคก่อสร้าง ภาคการผลิตและแปรรูป และโทรคมนาคม ทั้งนี้ในเดือนม.ค. ธุรกิจเวียดนามลงทุนไปยังสหรัฐอเมริกามากที่สุด คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาญี่ปุ่น กัมพูชาและเกาหลีใต้ ตามลำดับ สำหรับประเภทธุรกิจอื่นๆที่น่าสนใจอีก ได้แก่ ธุรกิจประเภทเกษตรกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ ในปี 2562 ยอดเงินทุนที่เวียดนามลงทุนไปยังต่างประเทศทั่วโลก มีมูลค่ามากกว่า 508 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลงทุนไปยัง 164 โครงการใหม่ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 403 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 29 โครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนรวมอยู่ที่ราว 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-invests-397-million-usd-abroad-in-january-409501.vov

ทุนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่เวียดนามในเดือนม.ค. สูงสุดในรอบ 4 ปี

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่ามีบริษัทจดทะเบียนใหม่ทั้งสิ้น 8,276 ราย ในช่วงเดือนแรกของปีนี้ ลดลงร้อยละ 17.9 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่เงินทุนจดทะเบียนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 76.8 คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 276 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับว่าตัวเลขดังกล่าวมีอัตราขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนผู้ประกอบการใหม่ลดลงในช่วงเดือนม.ค.นั้น เป็นผลมาจากอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของประเทศ ขณะที่ เม็ดเงินทุนต่างประเทศพุ่งสูงขึ้น สาเหตุสำคัญมาจากบริษัทจดทะเบียนใหม่ในสาขาอุตสาหกรรมการเงิน ด้วยเงินทุนราว 144 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (53.9% ของเงินทุนจะเทียนรวม) ทั้งนี้ จำนวนบริษัทที่หยุดกิจการในเดือนม.ค. 11,702 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนบริษัทที่ล้มละลายมีอยู่ประมาณ 1,621 ราย ลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ จำนวนบริษัทจดทะเบียนใหม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ กิจการเหมืองแร่ กิจการรถจักรยานยนต์และรถยนต์ รวมไปถึงกิจการค้าบริการ อย่างไรก็ตาม อีก 5 อุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ กิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าน้ำ, สารสนเทศและโทรคมนาคม, วิทยาศาตร์ เทคโนโลยีและให้คำปรึกษา, การศึกษาและการฝึกอบรม และบริการรับจัดเลี้ยงและที่พัก เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/591583/registered-capital-of-new-enterprises-in-january-hits-four-year-high.html

ยอดลงทุนจากต่างประเทศของเวียดนามสูงขึ้น 179%

จากรายงานของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MIP) เปิดเผยว่าในช่วง 20 วันแรกของปีนี้ ยอดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) อยู่ที่ 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 179.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับเม็ดเงินลงทุน 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น มาจากโครงการลงทุนต่างชาติใหม่จำนวนกว่า 258 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 454.1 และ 14.2 ตามลำดับ ขณะที่ เงินทุนส่วนที่เหลือจะเข้าไปสู่โครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนและการเข้าซื้อหุ้นเวียดนามจากบริษัทต่างชาติ เป็นต้น สิงคโปร์ยังคงเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่า 4.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็น 90.9% ของเงินลงทุนทั้งหมดจากต่างชาติ) โดยเมื่อปีที่แล้ว กลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในอันดับที่ 3 ของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ตามมาด้วยเกาหลีใต้อยู่ในอันดับที่ 1 (7.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และฮ่องกงอยู่ในอันดับที่ 2 (7.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ ในปี 2563 เวียดนามจะดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 38.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/january-fdi-surges-179-percent/167896.vnp

CPI เดือน ม.ค.63 โตสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา

จากรายงานขอวสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมกราคม ขยายตัวร้อยละ 1.23 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และร้อยละ 6.43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว บ ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ หัวหน้าของสำนักงาน GSO ได้อธิบายถึงดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนม.ค. ว่าสาเหตุที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากมีความต้องการอาหาร อุปโภคบริโภค เครื่องดื่มและสิ่งทอมากขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่เต็ต นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมรายการที่มีการเคลื่อนไหว ได้แก่ อาหาร พลังงาน บริการสุขภาพและการศึกษา รวมไปถึงสินค้าอื่นๆที่รัฐบาลควบคุม เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.76 เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค. 62 และร้อยละ 3.25 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีอัตราการขยายตัวเร็วกว่าเงินเฟ้อพื้นฐาน แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาส่วนใหญ่มาจากราคาอาหาร บริการและน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/cpi-in-january-hits-record-high-in-recent-7-years-409385.vov

กลยุทธ์ลดราคาจะช่วยผลักดันยอดขายรถยนต์ในเวียดนาม

จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) เปิดเผยว่าในปี 2562 ยอดขายรถยนต์ประมาณ 400,000 คัน เนื่องมาจากกลยุทธ์ส่วนลดราคาและอุปกรณ์เสริมรถยนต์ ซึ่งทางสมาคมของสมาคมฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 320,000 คันเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และอีกแบรน์รถยนต์อื่นๆ ในตลาดเวียดนาม ได้แก่ TC Motor มียอดขายรถยนต์ราว 80,000 คัน สำหรับยอดขายดังกล่าวนั้นยังไม่ได้สะท้อนถึงยอดขายรถยนต์ทั้งหมดของเวียดนาม เนื่องจากยังมีแบรน์อื่นๆอีก ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุยอดขายที่ตั้งไว้ ผู้ประกอบการต้องจัดโปรโมชั่น ส่วนลดราคาและอุปกรณ์เสริมรถยนต์ เพื่อดึงดูดผู้ซื้อนรถต์ให้สนใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทางบริษัท Toyota Motor Vietnam (TMV) ได้จัดงบฯ 100 ล้านด่อง (4,300 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อให้ลูกค้าสนใจซื้อรถยนต์รุ่นโคโรลล่า อัลติส (Corolla Altis), วีออส (Vios), อินโนว่า (Innova) และฟอร์จูนเนอร์ (Fortuner) โดยทางบริษัท VinFast เสนอส่วนลดราคาอยู่ที่ 100 ล้านด่อง ให้กับลุกค้าที่สนใจซื้อ Trailblazer SUVs ขณะเดียวกัน คนวงในระบุว่าตลาดรถยนต์เวียดนามในปี 2563 จะมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 10-20 เป็นผลมาจากปริมาณการผลิตรถยนต์ในปัจจุบันมีอยู่จำนวนมาก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/discounts-drive-car-sales-in-vietnam/167872.vnp

จังหวัดเกียนซางมุ่งเน้นเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สำคัญ

จากข้อมูลของสำนักงานเกษตรและพัฒนาชนบทจังหวัด เปิดเผยว่าในจังหวัดบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงได้เน้นให้เพิ่มมูลค่าสินค้าและยกระดับความสามารถในการแข่งขันขอลผลิตสินค้าเกษตรในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าวและการประมง เป็นต้น โดยในจังหวัดเกียนซาง (Kien Giang) เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวสำคัญรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งตั้งเป้าผลผลิตข้าวเปลือกอยู่ที่ 4.3 ล้านตันในปีนี้ และการประมงรวมทั้งสิ้น 755,000 ตัน รวมไปถึงปริมาณกุ้งราว 85,000 ตัน ทั้งนี้ ผลผลิตสินค้าเกษตรได้เผชิญกับปัญหาหลายด้านด้วยกัน เช่น ปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็มและผลผลิตการประมงที่ลดลง ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับปัญหาดังกล่าวแต่ก็ยังอยู่ในปริมาณผลผลิตที่จังหวัดได้ตั้งเป้าไว้ในปีที่แล้ว ซึ่งทางจังหวัดได้จัดตั้งพื้นที่การเกษตรที่เข็มข้นขึ้นและส่งเสริมการพัฒนาเกษตรกรรม รวมไปถึงความร่วมมือกับผู้ประกอบการ เพื่อยกระดับมูลค่าของสินค้าเกษตร นอกจากนี้ รองผู้อำนวยการสำนักงานเกษตรและพัฒนาชนบท ระบุว่าชาวประมงได้รับการส่งเสริมในการใช้เทคนิคขั้นสูงสำหรับจัดการผลิตผล เพื่อปรับปรุงคุณภาพและรักษาสายพันธุ์สัตว์น้ำ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/kien-giang-aims-to-raise-value-of-key-farming-products/167850.vnp

ราคาพริกไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำ ในปีนี้

ราคาพริกไทยคาดว่าน่าจะยังไม่ฟื้นตัวหลังจากลดลงอย่างมากในปี 2562 เนื่องจากผลผลิตมีปริมาณมาก ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคในประเทศยังไม่ส่งสัญญาที่ดีขึ้น ซึ่งทางสมาคมพริกไทยเวียดนาม (VPA) คาดว่าตลาดในประเทศยังคงสต๊อกสินค้าอยู่จำนวนมาก เนื่องมาจากการเก็บเกี่ยวพืชผลในครั้งก่อน สำหรับตลาดโลก ผลผลิตพริกไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตพริกไทยรายใหญ่ ได้แก่ อินเดียที่จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตพริกไทยอยู่ที่ 61,000-62,000 ตัน (เพิ่มขึ้น 30%YoY) เป็นต้น และด้วยจำนวนพื้นที่เพาะปลูกพริกไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกหลายๆประเทศ ตั้งแต่ปี 2559-2560 ทำให้ผลผลิตพริกไทยทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นไปจนถึงสิ้นปี 2563 ทั้งนี้ ด้านการส่งออก พบว่าปริมาณส่งออกพริกไทยของเวียดนามทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน แต่มูลค่าส่งออกกลับลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นผลมาจากราคาในตลาดโลกลดลง โดยจากรายงานของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ระบุว่าในปีที่แล้ว เวียดนามส่งออกอยู่ที่ 284,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าราว 715 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้น 23.4%YoY และลดลง 5.7%YoY ตามลำดับ) ซึ่งประเทศสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกพริกไทยรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 19.5% ของยอดส่งออกทั้งหมด รองลงมาอินเดีย เยอรมันและเนเธอแลนด์ ตามลำดับ นอกจากนี้ เวียดนามยังมีการขยายตัวของการส่งออกพริกไทยไปยังตลาดบางแห่งสูงขึ้น รวมไปถึงไทย รัสเซียและตุรกี

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/591556/pepper-price-to-remain-low-this-year.html