“เวียดนาม” เตรียมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ต้นเดือนหน้า

พระราชกฤษฏีกากาฉบับที่ 38/2022/ND-CP ว่าด้วยการเพิ่มเงินเดือนทั่วประเทศ ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นาย Pham Binh Minh รองนายกรัฐมนตรี ประกาศว่ามีผลบังคับใช้กับแรงงานที่ลงนามในสัญญาจ้างตามประมวลกฎหมายแรงงานและนายจ้าง ได้แก่ กิจการที่ดำเนินงานอยู่ภายใต้กฎหมายวิสาหกิจ สหกรณ์ ธุรกิจครัวเรือนและธุรกิจส่วนตัว โดยรัฐบาลเวียดนามจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 6% ในต้นเดือนหน้านี้ ทั้งนี้ อัตราค่าแรงขั้นต่ำสำหรับแรงงานในภูมิภาคที่ 1 เขตเมือง จะกำหนดให้เพิ่มขึ้นเป็น 4.68 ล้านดอง  ขณะที่ภูมิภาคที่ 2 กำหนดเพิ่มเป็น 4.16 ล้านดอง, ภูมิภาคที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็น 3.64 ล้านดอง และภูมิภาคที่ 4 เพิ่มขึ้นเป็น 3.25 ล้านดอง

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnam-set-to-raise-minimum-salaries-early-next-month/

รัฐบาลให้คำมั่นกับรัฐสภา จะสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ, การเงิน, สกุลเงินเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤติ

นายกรัฐมนตรี ฟานคำ วิภาวัน นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสมาชิกรัฐสภาในช่วงเริ่มต้นของการประชุมสามัญ ครั้งที่ 3 ของรัฐสภา “รัฐบาลจะพยายามรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สถานการณ์ทางการเงิน และสกุลเงิน เพื่อป้องกันวิกฤตโดยเสนอให้รัฐบาลนำเสนอรายงานความคืบหน้าการดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม แผนงบประมาณและสกุลเงินในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และแผนงาน ในช่วงหกเดือนสุดท้ายของปี” แผนงาน 11 จุดได้รับการจัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนความสำเร็จของเป้าหมายการพัฒนาที่กำหนดไว้สำหรับปี 2022 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะอภิปรายและตัดสินใจในประเด็นต่างๆ เช่น รายงานของรัฐบาลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามวาระแห่งชาติทั้งสองฉบับ ความคืบหน้าในการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจและแผนงานในอนาคต ตลอดจนการดำเนินการตามแผนการเดินทางสีเขียวและการเปิดประเทศใหม่ จะถูกนำมาอภิปรายพร้อมกับการปรับปรุงคุณภาพการสอนและการเรียนรู้ในทุกระดับของการศึกษา ด้านฝ่ายนิติบัญญัติจะอภิปรายกฎหมายใหม่และการแก้ไขกฎระเบียบบางประการ รวมถึงกฎหมายว่าด้วยวิจิตรศิลป์ ความปลอดภัยของเขื่อน การจัดการอาวุธและวัตถุระเบิด ทรัพย์สินของรัฐ การจัดการสกุลเงินต่างประเทศ และการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten112_PM.php

ในช่วง Q1 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์กัมพูชาปรับตัวลงร้อยละ 12.43

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) ร่วงลงร้อยละ 12.43 มาอยู่ที่ 559.89 จุด เทียบกับ 639.36 จุด ในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในตลาดหุ้นกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามรายงานของ CSX โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทั้งหมด (ทุนจดทะเบียน) ในกระดานหลักของ CSX เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.52 หรือคิดเป็น 4.48 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จาก 4.45 พันล้านดอลลาร์ใน ช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาด CSX ทั้งหมด 16 แห่ง แบ่งออกเป็นบริษัทหลักทรัพย์ 9 แห่ง และบริษัทตราสารหนี้ 7 แห่ง ด้วยทุนทั้งหมดรวมมากกว่า 280 ล้านดอลลาร์ และมีนักลงทุนกว่า 32,000 คน เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นภายในตลาด CSX

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501092775/cambodia-stock-market-index-slips-market-cap-up-slightly-in-q1/

ราคานำเข้าปุ๋ยเคมีของกัมพูชาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

ในขณะที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ราคาพลังงานและปุ๋ยเคมีปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทางด้านผู้เชี่ยวชาญแนะนำและเรียกร้องให้เกษตรกรเปลี่ยนไปใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตในท้องถิ่นแทน ซึ่งตามรายงานข่าวท้องถิ่น ราคาปุ๋ยนำเข้าเพิ่มขึ้นจาก 200% เป็น 300% หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน ภายใต้การเพิ่มขึ้นของราคาปุ๋ย ส่งผลทำให้ภาคการเกษตรเกิดความท้าทายเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย ในขณะเดียวกันตัวแทนบริษัทผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในกัมพูชา กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เป็น 150 ถึง 160 ตันต่อเดือน และวางแผนที่จะเพิ่มการผลิตต่อไปเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นภายในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501093182/imported-chemical-fertilizers-sees-hike-in-price-experts-call-for-switch-locally-produced-organic-fertilizers/

แบงก์ชาติยอมรับ อัตราเงินเฟ้อสูง เป็นปัจจัยกดดัน ให้ปรับดอกเบี้ย

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวยอมรับว่า ปัจจัยเศรษฐกิจตอนนี้ ยังมีความไม่แน่นอน (Uncertainty) ทำให้เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องสร้างกันชน-ภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามปัญหาเงินเฟ้อจากเดิมที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำมากจนไม่จำเป็นต้องสนใจเลย แต่หลังเกิดเหตุสงครามยูเครน-รัสเซีย ส่งผลให้พุ่งสูงขึ้นจนเกินเป้า คาดว่าจะถึงจุดสูงสุด(พีค)ในไตรมาส 3 ปีนี้ ทำให้เรื่องเงินเฟ้อเป็นโจทย์สำคัญมากต่อภาวะเศรษฐกิจนี้ ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed จะสะท้อนกับกระทบเงินทุนเคลื่อนย้าย ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยของไทย ควรเป็นแบบไทย ไม่ใช่ตามต่างชาติ ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ช้าเกินไปก็ไม่ดี เร็วไปก็ไม่ดี เหมือนการเหยียบคันเร่งกับการแตะเบรก ที่ผ่านมานโยบายการเงินเราผ่อนปรนมากหากเทียบกับภูมิภาค ระยะต่อไปเราจึงต้องค่อยๆถอดคันเร่งแล้ว การขึ้นดอกเบี้ยแม้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนก็ต้องดูแล แต่ถ้าไม่ทำอะไรผลกระทบต่อประชาชนจะยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

ที่มา: https://www.naewna.com/business/660091

ออสเตรเลียขยายเทคโนโลยีการจัดการน้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รัฐบาลออสเตรเลียกำลังลงทุนด้านเทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อปกป้องปลาและส่งเสริมสุขภาพแม่น้ำและความมั่นคงด้านอาหารเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของสภาพอากาศทั่วทั้งภูมิภาคแม่น้ำโขง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รองเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำลาว นายแดน เฮลดอน ได้ประกาศขยายความร่วมมือระหว่างออสเตรเลียกับรัฐบาลลาวในเรื่องทางเดินปลาในโครงสร้างการจัดการน้ำ หรือเรียกว่า “บันไดปลา” ซึ่งสร้างขึ้นรอบๆ สิ่งกีดขวาง เช่น เขื่อนชลประทานและฝาย เพื่อให้ปลาสามารถอพยพขึ้นและลงทางน้ำได้ไม่จำกัดเพื่อเข้าถึงแหล่งอาหาร จุดเพาะพันธุ์ และอื่นๆ การลงทุนดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของออสเตรเลียในการสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาที่เข้มแข็งกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคผ่านโครงการหุ้นส่วนแม่น้ำโขง-ออสเตรเลีย – น้ำ พลังงาน และสภาพภูมิอากาศ โปรแกรมนี้สนับสนุนประเทศในลุ่มน้ำโขง รวมทั้งลาว เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางน้ำ ส่งเสริมพลังงานสะอาด และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การผลิตปลามีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านอาหารและรายได้ของครัวเรือนจำนวนมาก ดังนั้น การปกป้องพันธุ์ปลาจึงมีความสำคัญต่อผู้คน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Over110.php

“เวียดนาม” พุ่งขึ้น 5 อันดับ รั้งอันดับ 54 ระบบนิเวศทางสตาร์ทอัพโลก

“StartupBlink” ศูนย์กลางข้อมูลด้านระบบนิเวศนวัตกรรม เผยแพร่ดัชนีระบบนิเวศทางสตาร์ทอัพโลก (Global Startup Ecosystem Index) จัดอันดับระบบนิเวศแบบครบวงจรทางสตาร์ทอัพ 100 ประเทศทั่วโลก พบว่าในปีนี้เวียดนามกระโดดขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 54 ของโลก และเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 6 มาอยู่ที่อันดับที่ 5 ในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงอยู่ในอันดับที่จะแซงไทยได้ในปีหน้า (อันดับ 4) หากยังคงอยู่ในทิศทางที่เป็นบวก ทั้งนี้ เมืองโฮจิมินห์อยู่ในอันดับต้นๆ ของเมืองที่มีระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่ดีที่สุดของโลก กระโดดขึ้นจากอันดับที่ 68 สู่อันดับที่ 111 แสดงให้เห็นถึงผลการดาเนินงานในปีที่แล้วที่มีทิศทางที่เป็นบวกและมีสัญญาว่าจะเติบโตดีขึ้น อย่างไรก็ตามการที่จะเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคและระดับโลกอย่างแท้จริง เวียดนามจะต้องสร้างนวัตกรรมที่มีผลกระทบในระดับภูมิภาคหรือระดับโลกได้

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-jumped-five-spots-to-rank-54-in-the-top-global-startup-ecosystems-2029383.html

“IMF” มองเวียดนามกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 5 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) พบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในปี 2564 อยู่ที่ 368 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจัดอยู่ในอันดับที่ 41 ของโลก โดยสหรัฐอเมริกายังเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด มีมูลค่า 22,940 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาจีน 16,863 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ รายได้ต่อหัวของคนเวียดนาม อยู่ที่ 3,743 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน นอกจากนี้ เมื่อพิจารณารายได้ต่อหัวของคนทั่วโลก พบว่าอันดับ 1 คือ ลักเซมเบิร์ก มี GDP ต่อหัวมากที่สุดในโลก อยู่ที่ 131,302 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน รองลงมาไอร์แลนด์ ($102,394) และสวิตเซอร์แลนด์ ($93,515) เป็นต้น ในขณะที่ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่าสิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 1 ของรายได้ต่อหัวมากที่สุด อยู่ที่ 66,263 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน รองลงมาคือบรูไน ($33,979), มาเลเซีย ($11,125), ไทย ($7,809) และอินโดนีเซีย ($4,225)

ที่มา : https://en.dangcongsan.vn/daily-hot-news/vietnam-becomes-fifth-largest-economy-in-southeast-asia-imf-598783.html

กัมพูชาส่งออกยางพาราเพิ่มขึ้น 3% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี

กัมพูชาส่งออกเนื้อยางแห้ง 105,048 ตัน ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2022 เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่ากว่า 168 ล้านดอลลาร์ ลดลง 1.7% จาก 171 ล้านดอลลาร์ รายงานโดยผู้อำนวยการ General Directorate of Rubber ซึ่งปัจจุบันยางแห้ง 1 ตัน มีราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,604 ดอลลาร์ ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 71 ดอลลาร์ โดยกัมพูชาได้ทำการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางไปยังประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และจีนเป็นหลัก ในแง่ของการเพาะปลูกกัมพูชาได้ปลูกต้นยางบนพื้นที่ทั้งหมด 404,044 เฮกตาร์ ซึ่งต้นยาง 77% ของพื้นที่เพาะปลูกมีอายุที่สามารถเก็บเกี่ยวได้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501092229/cambodias-rubber-export-up-3-pct-in-first-5-months-of-2022/

อิชิตัน วางแผนขยายธุรกิจน้ำอัดลมในกัมพูชา

บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและผู้ทำการตลาดชาเขียวพร้อมดื่มแบรนด์อิชิตัน วางแผนขยายธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มประเทศต่างๆ เช่น กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ด้าน ตัน ภาสกรนที ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท กล่าวว่า บริษัทพร้อมที่จะดำเนินการขยายธุรกิจน้ำอัดลมในเดือนนี้ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้ชะลอการลงทุนลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด โดยนอกจากการที่อิชิตันจะเริ่มขยายตลาดมายังกัมพูชา ยังได้วางแผนที่จะเป็นผู้ผลิต OEM ให้กับบริษัทเครื่องดื่มอื่นๆ ร่วมด้วย ภายใต้กลยุทธ์ “3N” ซึ่งตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายเป็น 10,000 ล้านบาท ภายในสามปี เพิ่มขึ้นจากประมาณ 6.5 พันล้านในปีก่อน โดยกลุ่มลูกค้าในกัมพูชาบริษัทวางแผนที่จะเจาะกลุ่มผู้บริโภค Gen Z เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501091538/ichitan-eyes-expansion-of-fizzy-drinks-in-cambodia/