รมว.พาณิชย์เมียนมา ร่วมประชุมประสานงานส่งเสริมการส่งออก

วานนี้ ที่สำนักงานเขตย่างกุ้ง ได้มีการประชุมประสานงานส่งเสริมการส่งออก โดยมี U Tun Ohn รัฐมนตรีสหภาพพาณิชย์ เจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาคจากกระทรวงการค้าและกรมกิจการผู้บริโภค เลขานุการคณะกรรมการทำงานด้านการกำกัลดูแลการไหลเวียนของการค้าและสินค้า และเจ้าหน้าที่จากการท่าเรือเมียนมา , สหพันธ์ข้าวเมียนมา และสมาคมพ่อค้าถั่ว ถั่ว ข้าวโพด และเมล็ดงาเมียนมา ในระหว่างการประชุม รัฐมนตรีสหภาพได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศและส่งเสริมการส่งออก ซึ่งเป้าหมายสำหรับปีงบประมาณ 2567-2568 ได้มีการตั้งไว้แล้ว รวมถึงเป้าหมายการส่งออกข้าว ถั่ว ข้าวโพด และยางพาราในแต่ละเดือน รวมทั้งรัฐมนตรีสหภาพยังย้ำถึงความสำคัญของความพยายามร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการส่งออกเหล่านี้ นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบทุกคนดูแลห่วงโซ่อุปทานสำหรับการส่งออกข้าวที่ราบรื่น ตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงการจำหน่าย เพื่อขยายส่วนแบ่งการตลาดภายนอก ลำดับความสำคัญอื่นๆ ที่ระบุไว้ ได้แก่ การส่งออกถั่วและข้าวโพดที่เพิ่มขึ้น การรักษาเสถียรภาพของตลาดพืชผลในประเทศ การส่งเสริมการส่งออกเสื้อผ้า CMP ปลา กุ้ง และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำอื่นๆ การให้ความสำคัญกับเรือส่งออกข้าวเพื่อจอดเทียบท่าที่ท่าเรือ และการจัดการกับข้อกำหนดด้านโลจิสติกส์ เช่น เป็นตู้คอนเทนเนอร์และรถบรรทุกเพื่อรองรับความต้องการของท่าเรือ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/union-commerce-minister-attends-export-promotion-coord-meeting/

เมียนมาลงนาม MoU กับเวียดนาม หนุนภาคส่วนมะพร้าว

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ เมียนมาลงนามบันทึกความเข้าใจกับเวียดนามเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาภาคมะพร้าวที่ ในย่างกุ้งเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม และได้ไปศึกษาดูงานฟาร์มมะพร้าวในหมู่บ้านยินกาดิษฐ์ เมืองพันตานอว์ เขตอิรวดี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม โดยเมียนมาจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับโครงการ “ห่วงโซ่มูลค่าผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ (มะพร้าว)” ภายใต้กองทุน ACEMES-ROK ที่โรงแรม Pan Pacific บริษัท เมียนมา ออร์ชาร์ด จำกัด และสหกรณ์บริการการเกษตร Hoa Binh Hiep ของเวียดนาม ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อจัดหาต้นมะพร้าวและความช่วยเหลือด้านเทคนิคสำหรับสวนมะพร้าว ซึ่งในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ผู้เชี่ยวชาญที่นำโดยนาง Nguyen Thi Kim Thanh ประธานสมาคมมะพร้าวเวียดนาม ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการปลูกมะพร้าวและวิธีการผลิต คาร์บอนเครดิต และการสร้าง Macapuno ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่างไรก็ดี ภายใต้กองทุน ACEMES-ROK โครงการ “ห่วงโซ่มูลค่าผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ (มะพร้าว)” ยังรวมหลักสูตรหัตถกรรมมะพร้าวในเขตอิรวดีระหว่างเดือนพฤษภาคม 2566 ถึงเมษายน 2567 ซึ่งหลักสูตรนี้จะนำเสนอแนวทางปฏิบัติในการเปลี่ยนกะลามะพร้าวเหลือทิ้งให้เป็นงานฝีมือที่มีมูลค่าเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เรียนรู้ทักษะการเลือกกะลามะพร้าว การออกแบบ ตัด ขัด ตากแห้ง และตกแต่งด้วยอุปกรณ์ทีละขั้นตอน มีวิชาการวาดภาพขั้นพื้นฐานรวมอยู่ด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-signs-mou-with-vietnam-to-bolster-coconut-sector/

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา บังคับใช้บทลงโทษการนำเข้าก่อนกำหนดโดยไม่มีใบอนุญาต เริ่ม 1 กรกฎาคมนี้

กระทรวงพาณิชย์แจ้งว่าจะเริ่มดำเนินการทางวินัยในวันที่ 1 กรกฎาคม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งออก/นำเข้า หากสินค้านำเข้ามาถึงสนามบินและอาคารผู้โดยสารก่อนได้รับใบอนุญาตหรือใบอนุญาต ยกเว้นสินค้าที่ได้รับอนุญาตให้จัดเก็บในคลังสินค้าของศุลกากร สินค้านำเข้าที่ไม่ได้รับอนุญาตจะถูกห้ามมิให้มาถึงท่าเรือและสนามบิน อย่างไรก็ดี คำสั่งที่ออกเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2020 ระบุว่าบริษัทนำเข้าจะต้องถูกลงโทษภายใต้กฎหมายการส่งออก/นำเข้า หากสินค้าดังกล่าวมาถึงโดยไม่มีใบอนุญาตหรือใบอนุญาตนำเข้า แต่มักพบว่าสินค้านำเข้ามาถึงท่าเรือก่อนที่จะออกใบอนุญาต นอกจากนี้ รายงานยังระบุด้วยว่ากรมศุลกากรอนุญาตให้จัดเก็บสินค้าที่จำเป็นสำหรับภาคการผลิตและสุขภาพในประเทศไว้ในคลังสินค้าของศุลกากรตามระเบียบเท่านั้น กระทรวงจึงเรียกร้องให้บริษัทนำเข้าปฏิบัติตามกฎหมายและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moc-to-enforce-penalties-for-premature-arrival-of-imports-without-licences-starting-1-july/

เมียนมาตั้งเป้าการค้าต่างประเทศบรรลุมูลค่า 33 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 2567-2568

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุเป้าหมายการค้าต่างประเทศมูลค่า 33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2567-2568 ซึ่งประกอบด้วยเป้าการส่งออกมูลค่า 16.7 พันล้านดอลลาร์และการนำเข้ามูลค่า 16.3 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า มูลค่าการค้าต่างประเทศของเมียนมา ณ วันที่ 17 พฤษภาคม ในปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2567-2568 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน มีมูลค่าสูงถึงกว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยการส่งออกมูลค่า 1.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้ามูลค่า 1.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งเป็นการค้าทางทะเลมีมูลค่ารวม 2.85 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่มูลค่าการค้าชายแดนมีมูลค่า 684.56 ล้านดอลลาร์ มีดุลการค้ารวมอยู่ที่ 3.116 พันล้านดอลลาร์ โดยที่เมียนมาส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ในขณะที่นำเข้าสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง วัตถุดิบที่นำเข้าโดยวิสาหกิจ CMP และสินค้าอุปโภคบริโภค

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/foreign-trade-targeted-to-achieve-us33b-in-fy2024-2025/#article-title

เขตอุตสาหกรรม และเขตต่อขยาย มีโอกาสส่งเสริมสินค้าส่งออกได้มาก

คณะกรรมการกลางพัฒนาอุตสาหกรรมและเขตอุตสาหกรรมจัดการประชุมครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องประชุมกระทรวงอุตสาหกรรม ในเมืองเนปิดอว์ เมื่อบ่ายวานนี้ โดยมีประธานคณะกรรมการกลาง รองประธานสภาบริหารแห่งรัฐ โดยรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.โซ วิน. กล่าวว่า คณะกรรมการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมและกำกับดูแลจะต้องกำกับดูแลมาตรการเพื่อพิจารณาว่าเขตอุตสาหกรรมเปิดดำเนินการจริงและอนุญาตให้มีกระบวนการทำงานของธุรกิจเดียวกันได้หรือไม่ ในคำปราศรัยเน้นย้ำว่า เมียนมาต้องพัฒนาเขตอุตสาหกรรมหลัก 28 แห่ง อุตสาหกรรมสาขา 53 แห่ง และเขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง พร้อมเขตอุตสาหกรรมอีก 2 แห่งที่อยู่ระหว่างการจัดตั้ง เพื่อแก้ไขประเด็นที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายและกฎเกณฑ์ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกลางจำเป็นต้องกำหนดนโยบายและแก้ไขปัญหา ในขณะที่คณะกรรมการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมท้องถิ่นและกำกับดูแลและรัฐบาลส่วนภูมิภาคต้องกำกับดูแลการดำเนินงานของเขตอุตสาหกรรมที่ตั้งไว้แล้ว และเขตอุตสาหกรรมที่จะจัดตั้งและเขตอุตสาหกรรมให้ประสบผลสำเร็จ นอกจากนี้ ยังพบปัญหาเขตอุตสาหกรรมตั้งอยู่ใกล้เขตที่อยู่อาศัยด้วย ซึ่งต้องหาทางแก้ไขปัญหาภายใต้กฎหมายและกฎเกณฑ์เขตอุตสาหกรรม เขตอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่ภูมิภาคมะเกวส่งมา ได้รับการจัดสรรให้กับกลุ่มพื้นที่น้อยกว่า 500 เอเคอร์เป็นหลัก เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มที่ทำจากพืชน้ำมัน ถั่ว และฝ้าย ส่งผลให้รัฐบาลเขตมะเกวจำเป็นต้องยื่นข้อเสนอใหม่สำหรับเขตอุตสาหกรรมเพื่อใช้อุตสาหกรรมฝ้ายและด้ายและพืชน้ำมัน รวมทั้ง ต้องดำเนินการเขตอุตสาหกรรมของตนให้สอดคล้องกับกฎหมายและกฎเกณฑ์อุตสาหกรรมจึงจะประสบความสำเร็จได้

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/industrial-zones-and-extended-zones-have-great-chance-to-boost-export-products/

YRIC รับรองโครงการลงทุนในประเทศ และโครงการต่างประเทศ 3 โครงการ

ในการประชุมครั้งที่ 5/2567 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม คณะกรรมการการลงทุนภูมิภาคย่างกุ้ง (YRIC) ให้ไฟเขียวแก่วิสาหกิจในประเทศหนึ่งแห่งที่พลเมืองเมียนมาเป็นเจ้าของ และวิสาหกิจต่างชาติทั้งหมด 3 แห่ง โดยมีทุนจดทะเบียนประมาณ 3.739 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 1.55 พันล้านจ๊าด โดยองค์กรในประเทศ 1 แห่งนั้นจะมีการลงทุนในภาคการโรงแรม ในขณะที่องค์กรต่างชาติ 3 แห่งจะลงทุนในการผลิตกระเป๋า เสื้อผ้า และชุดเจ้าสาวบนพื้นฐานการผลิตแบบ CMP ซึ่งคาดว่าจะมีการสร้างงานทั้งหมด 2,301 ตำแหน่ง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/yric-endorses-k1-55b-domestic-project-3-foreign-projects-worth-us3-7m/#article-title

การค้าชายแดนเกาะสองเกินดุลฯ ในเดือนเมษายน

ตามที่กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ระบุ ในเดือนเมษายนของปีการเงินปัจจุบัน พ.ศ. 2567-2568 การค้าชายแดนที่เกาะสอง มีการเกินดุลการค้ามากกว่า 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นช่วงที่การส่งออกมีมากกว่าการนำเข้า โดยมูลค่าการส่งออกเกาะสองมีมูลค่า 17.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 4.97 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมมูลค่าการค้า 22.69 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการส่งออกสินค้าประมงที่เกาะสองดำเนินการด้วยระบบขนส่งสินค้าบนเรือ (FOB) อย่างไรก็ดี การค้าชายแดนที่เกาะสองตลอดทั้งปีงบประมาณ 2566-2567 ที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 234.386 ล้านดอลลาร์ ซึ่งประกอบด้วยการส่งออกมูลค่า 193.75 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้ามูลค่า 40.63 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ในปีงบประมาณก่อนหน้ามีการค้าเกินดุล 153.12 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ สินค้าสำคัญที่เมียนมามีการส่งออก ได้แก่ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผลิตภัณฑ์ประมง เช่น ปลาหมึก ปูและปลา อวนจับปลา วัสดุก่อสร้าง และสินค้าอื่นๆ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/kawthoung-border-sees-trade-surplus-in-april/

ฟาร์มเพาะพันธุ์ปศุสัตว์ใน 9 รัฐและภูมิภาคจะได้รับเงินกู้ 12 พันล้านจ๊าด เริ่มเดือนมิถุนายน

ตามที่กรมเพาะพันธุ์ปศุสัตว์และสัตวแพทย์เมืองเนปิดอว์ ระบุว่า จะมีการกู้ยืมเงิน 12,000 ล้านจ๊าด ให้กับฟาร์มเพาะพันธุ์ปศุสัตว์ใน 9 รัฐและภูมิภาค รวมถึงกรุงเนปิดอว์ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ทั้งนี้ เขตสภาเนปิดอว์ ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ พะโค อิรวดี มะเกว ตะนาวศรี รัฐฉาน และรัฐมอญ กำลังวางแผนที่จะให้กู้ยืมเงินสำหรับการเลี้ยงโคเนื้อ โคนม การเลี้ยงไก่ไข่ และการเพาะพันธุ์แกะและแพะตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยเงินกู้ดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนส่งเสริมเศรษฐกิจแห่งรัฐ และจะมีการเสนอในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยมีการวางแผนการให้กู้ยืมแบบพิเศษสำหรับธุรกิจฟาร์มโคนม มีระยะเวลากู้ยืมสำหรับธุรกิจฟาร์มโคนมกำหนดไว้ที่ 3 ปี ในขณะที่ระยะเวลากู้ยืมสำหรับธุรกิจโคเนื้อ ฟาร์มไก่ไข่ และธุรกิจฟาร์มแกะและแพะกำหนดไว้ที่ 2 ปี

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/livestock-breeding-farms-in-9-states-and-regions-to-get-k12-billion-loans-starting-june/

ผู้ว่าธนาคารกลางเมียนมา เข้าพบเจ้าหน้าที่ธนาคารไทย

เช้าวานนี้ ณ ห้องประชุมธนาคารกลางแห่งเมียนมา สาขาย่างกุ้ง ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งเมียนมา และเจ้าหน้าที่จากธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงไทย ได้พบกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการลงทุนเพิ่มเติมของไทยในเมียนมา บริการธนาคารเงินตราต่างประเทศระหว่างเมียนมาและไทย โดยนโยบายของ CBM เพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การส่งเงินการค้าและแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมา ให้มีการปรับเปลี่ยนจากช่องทางที่ถูกกฎหมายแทนการใช้ช่องทางที่ผิดกฎหมาย การอำนวยความสะดวกในการส่งมอบค่าจ้างของแรงงานเมียนมาในประเทศไทยให้กับครอบครัว การลงทุนเพิ่มเติมจากไทยในเมียนมา การศึกษาและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพทางการเงินการดำเนินการแลกเปลี่ยนเงินที่จะได้รับความร่วมมือจากธนาคารไทย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องให้การสนับสนุนทางการเงิน (การจัดหาเงินทุนเพื่อการส่งออกก่อนการจัดส่งและภายหลังการส่งสินค้า) เพื่อพัฒนาการค้าระหว่างไทยและเมียนมา อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการอำนวยความสะดวกในการโอนเงินตราต่างประเทศระหว่างทั้งสองประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/cbm-governor-meets-thai-banks-officials/

เขตมินบู มีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรจากโครงการชลประทานพลังงานแสงอาทิตย์ 19 โครงการ

กรมชลประทานและการจัดการการใช้น้ำของเมียนมา ระบุว่า โครงการชลประทานพลังงานแสงอาทิตย์ 19 โครงการได้ดำเนินการในเขตมินบู โดยได้รับเงินกู้จากกองทุนส่งเสริมเศรษฐกิจของรัฐ เพื่อปรับปรุงคุณทางสังคมและเศรษฐกิจของเกษตรกรในภูมิภาคจากเมืองต่างๆ และเพื่อเพิ่มผลผลิตพืชผลในท้องที่ โดยทั้ง 19 โครงการ ได้รับการอนุมัติด้วยเงินกู้จำนวน 78.365 ล้านจ๊าด และประสบความสำเร็จอย่างมากในการปลูกพืชผลในเขตดังกล่าว  อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากกรมชลประทานและการจัดการการใช้น้ำ กล่าวว่า ชาวนาแต่ละรายกู้ยืมเงิน 5.625 ล้านจ๊าด ในอัตราดอกเบี้ยต่ำโดยมีระยะเวลากู้ยืม 1 ปี สิ่งอำนวยความสะดวกด้านชลประทานได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีในการจัดหาน้ำเพื่อการเกษตรให้กับพืชผลในพื้นที่ที่ยากลำบาก นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่าเกษตรกรในท้องถิ่นสามารถปลูกพืชได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าต่อปี ด้วยระบบชลประทานพลังงานแสงอาทิตย์แบบใหม่ ระบบใช้น้ำใต้ดินและจัดหาน้ำประปาที่เชื่อถือได้ทุกครั้งที่ต้องการ สิ่งนี้มาแทนที่การพึ่งพาน้ำฝนแบบดั้งเดิมและลดต้นทุนเชื้อเพลิงสำหรับเกษตรกร รวมทั้ง ระบบดังกล่าวคาดว่าจะเพิ่มผลผลิตพืชผลและปรับปรุงชีวิตทางเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของเกษตรกร จากข้อมูลของหน่วยงานดังกล่าว กองทุนส่งเสริมเศรษฐกิจของรัฐจะถูกใช้เพื่อขยายระบบน้ำประปาพลังงานแสงอาทิตย์นี้ไปยังเมืองอื่นๆ ในเขตมินบูด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/minbu-district-enjoys-agricultural-water-from-19-solar-powered-irrigation-projects/