แบงก์ชาติยอมรับ อัตราเงินเฟ้อสูง เป็นปัจจัยกดดัน ให้ปรับดอกเบี้ย

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวยอมรับว่า ปัจจัยเศรษฐกิจตอนนี้ ยังมีความไม่แน่นอน (Uncertainty) ทำให้เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องสร้างกันชน-ภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามปัญหาเงินเฟ้อจากเดิมที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำมากจนไม่จำเป็นต้องสนใจเลย แต่หลังเกิดเหตุสงครามยูเครน-รัสเซีย ส่งผลให้พุ่งสูงขึ้นจนเกินเป้า คาดว่าจะถึงจุดสูงสุด(พีค)ในไตรมาส 3 ปีนี้ ทำให้เรื่องเงินเฟ้อเป็นโจทย์สำคัญมากต่อภาวะเศรษฐกิจนี้ ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed จะสะท้อนกับกระทบเงินทุนเคลื่อนย้าย ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยของไทย ควรเป็นแบบไทย ไม่ใช่ตามต่างชาติ ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ช้าเกินไปก็ไม่ดี เร็วไปก็ไม่ดี เหมือนการเหยียบคันเร่งกับการแตะเบรก ที่ผ่านมานโยบายการเงินเราผ่อนปรนมากหากเทียบกับภูมิภาค ระยะต่อไปเราจึงต้องค่อยๆถอดคันเร่งแล้ว การขึ้นดอกเบี้ยแม้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนก็ต้องดูแล แต่ถ้าไม่ทำอะไรผลกระทบต่อประชาชนจะยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

ที่มา: https://www.naewna.com/business/660091

‘บิ๊กตู่’พร้อมผลักดันไทย เป็นศูนย์สุขภาพด้านทันตกรรม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมผลักดันประเทศให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติด้านทันตกรรม (Dental Hub) โดยจะใช้จังหวัดภูเก็ตเป็นพื้นที่นำร่อง เชื่อมั่นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการแพทย์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยดึงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศแล้วยังเพิ่มการจ้างงาน และเชื่อมโยงไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยการเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ และศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ เป็น1 ใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ของไทยที่มีศักยภาพ (New S-curve) ได้แก่ 1.กลุ่มหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม 2.อุตสาหกรรมการบิน 3.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 4.อุตสาหกรรมดิจิทัล และ 5.อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร

ที่มา: https://www.naewna.com/business/659829

พลังงานแจง “ราคาน้ำมัน” ไทย-อาเซียน ต่างกัน ยันน้ำมันไทยไม่ได้แพงที่สุด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ “ราคาน้ำมัน” ตลาดโลกยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ราคาพลังงานสูงขึ้นและบางประเทศขาดแคลนพลังงาน ส่งผลให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยนายกรัฐมนตรีมีข้อห่วงใยกำชับทุกฝ่ายให้ช่วยกันสร้างการรับรู้ให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องราคาน้ำมันของไทย เน้นย้ำว่า “ราคาน้ำมัน” ไทยไม่ได้แพงที่สุดในอาเซียน และรัฐบาลให้ความสำคัญกับการรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาพลังงานของประเทศให้ดีที่สุด ในขณะที่กระทรวงพลังงานชี้แจงเสริมว่า ท่ามกลางสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน  เป็นเหตุให้อุปทานพลังงานลดลง ประกอบกับสถานการณ์โควิดในหลายประเทศดีขึ้น ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อราคาเชื้อเพลิงตลอดจนค่าครองชีพของประชาชนที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก หากเปรียบเทียบราคาน้ำมันของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจะพบว่าจุดที่ทำให้ราคาแตกต่างกันขึ้นกับโครงสร้างน้ำมัน ที่แต่ละประเทศมีมาตรการภาษี และระบบการเก็บเงินเข้ากองทุนหรืออุดหนุนราคาพลังงานที่แตกต่างกัน

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/politics/1008983

ดัน “เมตาเวิร์ส” กระตุ้นท่องเที่ยว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดการประชุม ไทยแลนด์ ทัวริซึ่ม คองเกรส 2022 ที่โรงแรมบียอนด์ รีสอร์ท กะตะ จ.ภูเก็ต พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง ยุทธศาสตร์การยกระดับท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวคุณภาพที่ยั่งยืน ว่า พร้อมรับข้อเสนอของภาคเอกชนจังหวัดภูเก็ต โดยประเทศไทยขณะนี้ต้องสร้างโครงสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องสร้างสิ่งใหม่ให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น ให้เป็นท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและยั่งยืน โดยขอให้พิจารณานำเทคโนโลยีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเมตาเวิร์ส เออาร์ เอ็นเอฟซี บล็อกเชน มาใส่ในการท่องเที่ยว ให้คนต่างชาติได้เที่ยวประเทศไทยในโลกเสมือนจริงแล้วติดใจอยากมาประเทศ

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2412366

ส่งออกไปรัสเซีย เม.ย.ดิ่งหนัก “รถยนต์-ชิ้นส่วน” สูญหลังโดนนานาชาติคว่ำบาตร

นายกิตตินันท์ ยิ่งเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย เปิดเผยถึงการส่งออกของไทยไปรัสเซียว่า ตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.65 ที่รัสเซียเริ่มใช้ปฏิบัติการทางทหารกับยูเครน จนทำให้นานาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การส่งออกสินค้าไทยไปรัสเซียหดตัวอย่างรุนแรง โดยเดือน มี.ค.65 มูลค่าส่งออกอยู่ที่ 22.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบถึง 73.02% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.65 มีมูลค่า 207.80 ล้านเหรียญฯ ลดลง 6.56% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เดือน เม.ย.65 มูลค่าเหลือเพียง 16.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบหนักถึง 76.77% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) ปี 65 มูลค่า 224.40 ล้านเหรียญฯ ติดลบเพิ่มขึ้นเป็น 23.64%

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2411480

เอกชนไทย–ลาวเดินหน้าขยายโอกาสการค้า ลงทุน ท่องเที่ยว

ประธานกรรมการหอการค้าไทยเผยเอกชน ไทย-สปป.ลาว เดินหน้าขยายโอกาสการค้า ลงทุน ท่องเที่ยว เสนอรัฐเร่งเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกมิติของ 2 ประเทศ เพื่อให้การค้าการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในอนาคต นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ ฯพณฯ พันคำ  วิพาวัน นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 1-2 มิถุนายน 2565 ถือเป็นโอกาสที่สำคัญอย่างยิ่งที่ผู้นำของทั้งสองประเทศจะได้กระชับความสัมพันธ์ และร่วมกำหนดวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ไทย-สปป.ลาว ให้ก้าวหน้าต่อไป โดยเฉพาะในบริบทการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 และการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการรับมือกับความผันผวนของสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน

ที่มา : https://tna.mcot.net/business-953320

หนี้สาธารณะแตะ 60.58% ครม.ยันไม่หลุดกรอบวินัยการคลัง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) รายงานว่า ณวันที่ 31 มี.ค.2565 โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพี (GDP) อยู่ที่ 60.58 ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบที่กำหนดไม่เกินร้อยละ 70 ส่วนสัดส่วนภาระหนี้ต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณร้อยละ 26.77 กรอบที่กำหนด ไม่เกินร้อยละ 35 จากเการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รัฐบาลจึงมีความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจ เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ปริมาณหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ระบบเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว เป็นผลให้ช่วงเดือนมี.ค.นี้มีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ที่มา: https://www.naewna.com/business/657084

อุตสาหกรรมชีวภาพโต! ต่างชาติลงทุน 7.6 หมื่นล้านบาท มุ่งสู่ฮับอาเซียน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเยือนญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26-27 พ.ค. ว่า ส่วนหนึ่งของการกล่าวปาฐกถาบนเวที นิคเคอิ ฟอรั่ม นายกฯได้กล่าวถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศที่มุ่งเป้าสร้างความสมดุล ลดความเหลื่อมล้ำและขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมชีวภาพของอาเซียน (Bio Hub of ASEAN) ภายในปี 2570 ทั้งนี้ เฉพาะปี 64 มีโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมชีวภาพ เช่น การเกษตรและแปรรูปอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ รวม 222 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 76,500 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการผลิตพลาสติกชีวภาพชนิด Thermoplastic starch ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก 2.โครงการผลิตพลาสติกชีวภาพชนิด Polylactic Acid ในจังหวัดนครสวรรค์ และ 3.โครงการผลิตหลอดดูดน้ำย่อยสลายได้จากเศษแป้ง จังหวัดขอนแก่น

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2405417

‘ททท.’ เตรียมเอกชนพร้อมเปิดประเทศเต็มสูบ ชี้ต่างชาติจ่อเที่ยวไทย 1 ล้านคนต่อเดือน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากกำหนดการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบเต็มรูปแบบ ในวันที่ 1 มิ.ย. 2565 ททท. โดยได้ปรับคาดการณ์ว่าตลอดเดือนพ.ค.-ก.ย.นี้ ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) 5 เดือน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 5 แสนคนต่อเดือน สูงกว่าที่เคยตั้งไว้ 3 แสนคนต่อเดือน และในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ซึ่งตรงกับไตรมาส 4 ของปี (ต.ค.-ธ.ค.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน หากรวมกับ 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ที่มียอด 4.44 แสนคน ประเมินว่าแนวโน้มตลอดปี มีโอกาสถึง 7-10 ล้านคน ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวไทยตั้งเป้าที่ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวทั้งปี ที่ 1.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัว 50% เมื่อเทียบกับก่อนเจอวิกฤตโควิด-19 เมื่อปี 2562

ที่มา: https://www.matichon.co.th/economy/news_3362591

สภาอุตฯ ขอแรงจีนช่วย ยกระดับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ส.อ.ท. ได้ร่วมหารือกับท่านทูตหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย โดยได้หารือถึงการแลกเปลี่ยนนโยบาย และแนวทางความร่วมมือ ในด้านการส่งเสริมการค้าและการลงทุน การถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล 5.0 เพื่อนำมาปรับใช้ในทุกภาคธุรกิจ เช่น การนำเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ซึ่งจะเป็นการนำร่องให้อุตสาหกรรม และผู้ประกอบการไทย ต้องเร่งปรับตัว และยกระดับการแข่งขัน ให้เท่าเทียมกับตลาดโลกในทุกๆ มิติ อีกทั้ง ยังได้ร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดกิจกรรมอบรม “Thai SME GP แต้มต่อธุรกิจดิจิทัล และอุปกรณ์การแพทย์ สู่คู่ค้าภาครัฐ  ณ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะมีการจัดอีกจำนวน 3 ครั้ง ที่เชียงใหม่ ขอนแก่น และกรุงเทพฯ ตามลำดับ

ที่มา: https://www.naewna.com/business/655231