เอกชนคาดส่งออกอาหารโต 9.3% มูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท

นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า สถาบันฯ ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รายงานการส่งออกอาหารในช่วงไตรมาสแรกปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 28.8 คิดเป็นมูลค่ากว่า 286,000 ล้านบาท เนื่องจากประเทศคู่ค้านำเข้าสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะกลับมาคึกคักในช่วงที่หลายประเทศเตรียมการเปิดประเทศและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอาหารที่ผลิตเพื่อการส่งออก โดยสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า มีเพียงการส่งออกผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและอาหารพร้อมรับประทานเท่านั้นที่การส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า เนื่องจากทางการจีนเข้มงวดในมาตรการนำเข้าสินค้าเพื่อควบคุมโควิด-19 ทำให้ผลไม้ส่งออกของไทยโดยเฉพาะทุเรียนหดตัวลง และแนวโน้มการส่งออกสินค้าอาหารในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือ คาดว่า จะขยายตัวได้ร้อยละ 4.4 คิดเป็นมูลค่ากว่า 913,900 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากความต้องการสินค้าในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการที่มีแนวโน้มฟื้นตัว และทั้งปีมั่นใจว่าการส่งออกอาหารจะขยายตัวได้ร้อยละ 9.3 คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท

ที่มา : https://www.innnews.co.th/news/economy/news_341602/

สภาพัฒน์ หั่นเศรษฐกิจปี 65 โตเหลือ 3%

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2565 ขยายตัว 2.2% จากการส่งออกที่ขยายตัวได้ดี ซึ่งปรับลดลงจากที่ประมาณไว้เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2565 ก่อนที่มีสงครามรัสเซียยูเครน โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 2.5-3.5% หรือ ค่าเฉลี่ยกลางอยู่ที่ 3% จากเดิมที่คาดไว้ก่อนหน้าจะขยายตัวได้ 3.5-4.5% ซึ่งเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากการยืดเยื้อของสงครามรัสเซียยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันแพง ส่งผลต่อเงินเฟ้อสูงถึง 4.2 – 5.2% นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงหนี้ครัวเรือนไทยสูง โดยเฉพาะหนี้เสียของครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา: https://www.posttoday.com/economy/news/683242

เดือนเม.ย. ของปีงบประมาณ 65-66 ค้าชายแดนเมียนมา-ไทยลดลง 12.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ระบุเดือนเม.ย.2565 ของปีงบประมาณปัจจุบัน 2564-2565 มูลค่าการค้าชายแดนระหว่างของเมียนกับไทยลดลง 12.798 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่าการส่งออกมีมูลค่ากว่า 240.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมูลค่าการนำเข้ากว่า 92 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ารวม 332.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2563-2564 ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 345.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยผ่านด่านชายแดน 7 แห่ง ได้แก่ ชายแดนท่าขี้เหล็ก เขตการค้าเมียวดี ชายแดนเมียวดี ชายแดนคอทุ่ง ชายแดนตีกี และชายแดนมะริด โดยเมียนมาส่งออกข้าวโพดไปไทยผ่านชายแดนเมียวดีและท่าขี้เหล็ก นอกจากนี้ การส่งออกก๊าซธรรมชาติจากเขตตะนาวศรีมีส่วนทำให้การค้าชายแดนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้เมียนนมาส่งออกก๊าซธรรมชาติ สินค้าประมง ถ่านหิน ดีบุกเข้มข้น (SN ร้อยละ 71.58) มะพร้าว (สด/แห้ง) ถั่ว ข้าวโพด หน่อไม้ งา เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า ไม้อัดและวีเนียร์ ข้าวหัก และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ส่วนการนำเข้าจะเป็นสินค้าทุน อาทิ เครื่องจักร สินค้าวัตถุดิบอุตสาหกรรม อาทิซีเมนต์และปุ๋ย และสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิเครื่องสำอาง น้ำมันพืช และผลิตภัณฑ์อาหารจากไทย

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-thailand-border-trade-down-by-12-79-mln-in-april/

เปิดพรมแดนกระตุ้นการท่องเที่ยว กัมพูชา-ไทย-เวียดนาม

หลังจากที่รัฐบาลไทยอนุญาตให้เปิดพรมแดนระหว่างกัมพูชาอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สมาคมและบริษัทเอกชนหลายแห่งในภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชา ไทยและเวียดนาม ได้ร่วมมือกันวางแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมสมาชิกในสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (PATA) ได้ร่วมหารือระหว่างกัน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและทำความเข้าใจ เกี่ยวกับการเดินทาง ตลอดจนการจัดทำเอกสาร ณ ด่านตรวจชายแดนทั้งฝั่งกัมพูชาและไทย โดยคาดว่าการไหลของนักท่องเที่ยวทางบกจะเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้นหากฝ่ายไทยผ่อนคลายเงื่อนไขหรือเอกสารบางอย่าง ซึ่งปัจจุบันข้อกำหนดจากฝั่งไทยยังคงไม่แน่นอนในหลายประเด็น ในขณะที่ทางฝั่งกัมพูชารายงานว่าได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อย่างนครวัดมีจำนวนนักท่องเที่ยวพุ่งสูงขึ้นกว่าร้อยละ 622 หรือเป็นจำนวน 33,205 คนในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ สร้างรายได้ประมาณ 1.35 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว มีนักเดินทางมาเยือนถึง 13,365 คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501072171/border-opening-boost-tourism-among-cambodia-thailand-vietnam/

‘พาณิชย์’ ดึงญี่ปุ่นลงทุนไทยชูใช้สิทธิ ‘FTA-RCEP’ ปักหมุดอุตสาหกรรม BCG

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ ประธานเปิดงานสัมมนาเชิงนโยบาย “ความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้ามิติใหม่ ไทย – ญี่ปุ่น” โอกาสฉลองครบรอบ 135 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – ญี่ปุ่น ว่า ได้มีการแลกเปลี่ยนแนวคิดเรื่องนโยบายและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกัน ในมิติใหม่ที่สอดรับกับสถานการณ์โลกหลังวิกฤตโควิด-19 โดยมีเป้าหมายส่งเสริมอุตสาหกรรมของกลุ่มเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ พลังงานสะอาด สุขภาพและการแพทย์

ทั้งนี้ ไทยมีความตกลงการค้าเสรีกับญี่ปุ่น ได้แก่ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน – ญี่ปุ่น (AJCEP) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การค้าระหว่างไทยและญี่ปุ่นเติบโตอย่างมาก

ที่มา : https://www.thaipost.net/economy-news/138495/

สะพานมิตรภาพลาว-ไทยเปิดอีกครั้ง ด้านสปป.ลาวแอร์ไลน์วางแผนเที่ยวบินเพิ่ม

จุดผ่านแดนหลักของสปป.ลาวที่สะพานมิตรภาพลาว-ไทยแห่งแรกที่เชื่อมระหว่างเวียงจันทน์กับจังหวัดหนองคายในประเทศไทย ได้เปิดขึ้นอีกครั้งหลังจากถูกปิดมานานกว่าสองปีเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของ Covid-19 ด้วยการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทาง ชาวต่างชาติและคนไร้สัญชาติสามารถเข้าและออกจากลาวได้อย่างอิสระในเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยมี 100 คนข้ามสะพานมายังประเทศไทย ขณะที่อีกเกือบ 300 คนเข้าสู่ลาว ด้านสายการบินจะเพิ่มเที่ยวบินระหว่างเวียงจันทน์และกรุงเทพฯ เป็น 2-3 เที่ยวต่อสัปดาห์ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม รัฐบาลได้เรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐ ผู้ประกอบธุรกิจ และทุกภาคส่วนในสังคม เตรียมพร้อมต้อนรับและให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten87_Lao_thai_y22.php

พาณิชย์ชี้ช่องรุกตลาดฟิลิปปินส์ อาหารและเครื่องดื่มมีโอกาสทำเงิน

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก น.ส.จันทนา โชติมุณี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ ถึงโอกาสในการขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดฟิลิปปินส์ หลังจากที่ปัจจุบัน ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ทำให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอย และหาซื้อสินค้าในร้านค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้าเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมค้าปลีกกลับมาดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกได้เห็นพฤติกรรมการช้อปแบบล้างแค้นของผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์ ที่กระตือรือร้นมากขึ้น และร้านค้าปลีกต่างๆ ก็พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นยอดขายให้กับธุรกิจมากขึ้น ซึ่งสินค้าที่มีโอกาสในการจำหน่ายผ่านช่องทางค้าปลีกมีหลากหลาย ไม่ว่าจะกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ความงาม และเครื่องสำอาง ของใช้ของตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น

ที่มา: https://www.naewna.com/business/652417

เอกชนเฮ! ด่านลาวเปิดตามปกติ 9 พ.ค. นี้

วันที่ 8 พฤษภาคม 2565 ดร.จตุรงค์ บุนนาค ประธานสภาธุรกิจไทย-ลาว เปิดเผยว่า ขณะนี้เอกชนได้รับการแจ้งเอกสารจากสำนักงานนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เรื่องมาตรการการเข้าออกประเทศ รวมทั้งการเปิดทุกด่านในวันที่ 9 พ.ค. 2565 เป็นต้นไป โดยสรุปมาตรการเปิดประเทศ ดังนี้ 1.เปิดด่านสากลทุกด่าน 2.อนุญาตให้พลเมืองทุกสัญชาติ ที่ยกเว้นวีซ่ากับ สปป.ลาว สามารถเข้าประเทศได้ไม่ต้องขอวีซ่า 3.สำหรับประเทศที่ไม่ได้ยกเว้นวีซ่า สามารถขอวีซ่าจากสถานทูต กงสุล หรือผ่านระบบ E-visa หรือขอวีซ่าที่หน้าด่านสากล ที่มีหน่วยงานวีซ่า 4.ผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่ทันมีใบรับรองฉีดวัคซีนครบโดส ขอให้มีผลตรวจเชื้อโควิดแบบเร็ว ATK ภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทาง เมื่อถึง สปป.ลาว ไม่ต้องมีการตรวจซ้ำ 5. ในกรณีที่ติดเชื้อโควิด ต้องรับผิดชอบค่ารักษาโควิดเอง 6.อนุญาตให้พาหนะต่างๆ เข้า-ออก ประเทศได้ตามปกติ 7.ให้มีการเปิดร้านบันเทิง แต่เอาใจใส่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด 8.ปฏิบัติตั้งแต่ 9 พ.ค.2565 เป็นต้นไป

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-926531

 

Q1/2022 กัมพูชาส่งออกไปยัง เวียดนาม จีน และไทย เป็นสำคัญ

ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ถือเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของกัมพูชา โดยการส่งออกของกัมพูชาไปยังประเทศสมาชิก RECP มีมูลค่าแตะ 1.95 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากมูลค่า 1.75 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งประเทศผู้นำเข้าสำคัญของกัมพูชา ได้แก่ เวียดนาม จีน และไทย รายงานโดยกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา โดยกัมพูชาได้ส่งออกสินค้าไปยังเวียดนามมูลค่า 759 ล้านดอลลาร์, ไปยังจีน 322 ล้านดอลลาร์ และส่งออกไปยังไทยมูลค่าแตะ 318 ล้านดอลลาร์ ซึ่งผลิตผลทางการเกษตรถือเป็นสินค้าสำคัญที่มีศักยภาพในการส่งออก อาทิเช่น ข้าว กล้วย มะม่วง มันสำปะหลัง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501068941/cambodias-top-export-destinations-in-q1-2022-vietnam-china-and-thailand/

“ททท.” เร่งบูสต์ตัวเลขนักท่องเที่ยว ตั้งเป้าไตรมาส 4 เดือนละ 1 ล้านคน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-มีนาคม) ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 444,039 คน สร้างรายได้รวม 34,173 ล้านบาท โดยตลาดหลักที่เดินทางเข้ามาสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ยุโรป 265,888 คน สร้างรายได้ 21,894 ล้านบาท รองลงมาคือ เอเชียตะวันออก 85,362 คน สร้างรายได้ 4,674 ล้านคน อาเซียน 45,471 คน สร้างรายได้ 2,139 ล้านบาท เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ 39,891 คน สร้างรายได้ 2,535 ล้านบาท และอเมริกา 33,875 คน สร้างรายได้ 2,691 ล้านบาท และประเมินว่าจากการผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศด้วยการยกเลิก Test & Go 1 พฤษภาคม 2565 รอบนี้จะทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดย ททท.ตั้งเป้าว่าในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน 2565 จะมีนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลกเดินทางเข้าประเทศไทยไม่น้อยกว่า 300,000 คนต่อเดือน และตั้งเป้าว่าในช่วงไตรมาส 4 หรือในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มเป็นเดือนละ 1 ล้านคน ซึ่ง ททท.จะเร่งทำการตลาดโดยเร่งด่วนทั้งตลาดระยะใกล้และตลาดระยะไกล

ที่มา : https://www.prachachat.net/tourism/news-922701