พาณิชย์ชี้ช่องรุกตลาดจีน สินค้าบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมรุ่ง

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากน.ส.ชนิดา อินปาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศณ เมืองชิงต่าว สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ตลาดจีน หลังจากที่ได้ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้พลาสติก และทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น จึงนับเป็นอีกโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการเข้ามาขยายตลาดในจีน เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนหลายด้านทั้ง Stay at Home Economy หรือเศรษฐกิจอยู่ติดบ้าน และพฤติกรรมการสั่งอาหารและเครื่องดื่มเดลิเวอรีของชาวจีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังควรเฝ้าติดตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคชาวจีนอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนร่วมมือกับแบรนด์จีนในลักษณะของ Co-Brand เพื่อให้มีโอกาสประสบความสำเร็จ และสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ที่มา: https://www.naewna.com/business/650980

เมียนมาผ่อนผันคำสั่งแปลงสกุลเงินให้ผู้ค้าที่ชายแดนจีน-ไทย

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ธนาคารกลางเมียนมา (CBM) ได้ขยายระยะเวลาบังคับแปลงสกุลเงินต่างประเทศเป็นเงินจัตสำหรับผู้ส่งออกที่ทำการค้าที่ชายแดนกับจีนและไทย โดยผู้ส่งออกที่ซื้อขายภายใต้โครงการการค้าชายแดนจีน-เมียนมา และไทย-เมียนมา ไม่จำเป็นต้องแปลงรายได้จากการส่งออกเป็นสกุลเงินจัตภายในหนึ่งวันทำการอีกต่อไป และอนุญาตแปลงรายได้ของตนเองที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศมาเป็นเงินจัตได้ภายในระยะเวลา 1 เดือน ทั้งนี้ ธนาคารกลางยังมีคำสั่งให้ธนาคารตัวแทนที่ได้รับอนุญาตดำเนินการตรวจสอบการบังคับนำรายได้ของผู้ส่งออกเข้าบัญชีธนาคารของรัฐสำหรับรายได้จากการส่งออก นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ผู้นำเข้าสามารถชำระเงินเป็นสกุลเงินต่างประเทศกับธนาคารที่กำหนด โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแลการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ.

ที่มา: https://english.news.cn/20220428/c939e28c2cdf49dab0f244300c49df72/c.html

ไทยทำมินิเอฟทีเอไทย-กานซู่ หวังดันยอดการค้าเพิ่มกว่าพันล้านบาทในปี 65

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับกรมพาณิชย์ มณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายเริ่น เจิ้นเห้อ ผู้ว่าการมณฑลกานซู่ ว่าการลงนามใน MOU ครั้งนี้ เป็น มินิเอฟทีเอ (Mini FTA) ฉบับที่ 2 ที่ไทยได้มีการลงนามกับมณฑลในจีน และถือเป็นฉบับที่ 4 ที่ได้ลงนามกับคู่ค้า โดยได้ตั้งเป้าที่จะร่วมมือขับเคลื่อนกิจกรรมทางการค้าระหว่างไทย-กานซู่ และเพิ่มยอดการค้าในปี 2565 เป็น 1,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปี 2564 ที่มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 1,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 โดยมณฑลกานซู่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือในด้านการค้าและการลงทุน ทั้งจากไทยและอาเซียนสู่จีน ไปจนถึงเอเชียกลางและยุโรปตะวันออก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการค้าทางบกที่สำคัญสายหนึ่งของโลกมาตั้งแต่อดีตกาล หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “เส้นทางสายไหม”

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/1001355

นายกฯ พอใจส่งออกมะม่วงไทยอันดับ 2 ในอาเซียน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจมูลค่าการส่งออกมะม่วงสดของไทย ซึ่งปัจจุบันขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 15% ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2565 โดยไทยถือเป็นผู้ส่งออกมะม่วงเป็นอันดับที่ 2 ในอาเซียน และเป็นอันดับ 7 ของโลก สะท้อนความนิยมของผลไม้ไทยซึ่งมีศักยภาพในตลาดโลก พร้อมสนับสนุนการขยายช่องทางทางการค้าเพิ่มเติมผ่านการเจรจาการค้าเสรี และข้อตกลงทางการค้าเสรี FTA นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ พิจารณาขยายช่องทางการค้าและส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเติมในประเทศคู่เจรจา FTA รวมทั้งให้การสนับสนุน ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยพัฒนาเพิ่มเติมรูปแบบ ช่องทางของสินค้าในการส่งออก ทั้งในด้านการออกแบบ การแปรรูปสินค้าเพื่อให้สามารถเพิ่มมูลค่า

ที่มา : https://tna.mcot.net/politics-930848

ไฟเขียวต่างชาติลงทุน53ราย สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่าหมื่นล้าน

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เดือนมีนาคม 2565 คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย 53 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 17 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 36 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 10,838 ล้านบาท ประกอบธุรกิจในไทย ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ นำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 962 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 447 คน และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีฉพาะด้าน เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมหลุมเจาะปิโตรเลียม การใช้โปรแกรมในการออกแบบระบบโซลาร์ขั้นสูง และการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า เป็นต้น

ที่มา: https://www.naewna.com/business/649594

ผู้ประกอบการหนุนรัฐ ปรับขึ้น‘ดีเซล’แบบขั้นบันได

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย แสดงความเห็นต่อทิศทางราคาน้ำมันว่า การใช้เงิน กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลยังเป็นแนวทางที่รัฐต้องพิจารณา แม้ว่าจะมีแผนค่อยๆ ทยอยลดภาระด้วยการปรับขึ้นแบบขั้นบันไดก็ตามเพราะหากปรับขึ้นทันทีจะกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนทันที ดังนั้นประเด็นสำคัญอยู่ที่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่เป็นแพ็กเกจไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบ “คิดไปทำไป” ควรทำให้ครอบคลุมทั้งปี ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า แนวทางอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงจะลดการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 50% จากราคาอุดหนุนปัจจุบันเฉลี่ย 11 บาทต่อลิตร วันที่ 1 พ.ค.2565 นี้ แต่กระทรวงพลังงานจะปรับขึ้นแบบขั้นบันได 1-3 บาทต่อลิตร เพื่อลดผลกระทบเช่นเดียวกับ LPG ที่จะขึ้นอีกพ.ค.กิโลกรัมละ 1 บาท (15 บาทต่อถัง 15 กก.) เหล่านี้ล้วนกดดันต่อระดับราคาสินค้าและแรงซื้อของประชาชน

ที่มา: https://www.naewna.com/business/649398

จี้รัฐเร่งเปิดด่านชายแดน ฟื้นฟูเศรษฐกิจเชียงราย

สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทำให้รัฐบาลไทยสั่งปิดด่านชายแดนแม่สาย เชียงแสน และเชียงของ จ.เชียงราย มานานกว่า 2 ปี สภาพเศรษฐกิจด้านนี้ย่ำแย่ และได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนอีก ล่าสุด ตัวแทนภาคธุรกิจเมืองเศรษฐกิจการค้าชายแดน จ.เชียงราย ออกมาเรียกร้องให้รัฐเร่งเปิดด่านโดยเร็ว ก่อนที่ร้านรวงจะล้มหายตายจากไปจนหมด ด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงรายและประธานหอการค้าแม่สาย เปิดเผยว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจชายแดนอย่างเร่งด่วน ด้วยการตั้งคณะกรรมการทั้งภาครัฐและเอกชนที่รู้ปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา-สปป.ลาว-จีน เพื่อเจรจาระดับภาคีขอเปิดด่านพรมแดน ซึ่งตอนนี้โควิด-19 เริ่มดีขึ้นบ้าง ประเทศเพื่อนบ้านต่างมีมาตรการดูแลประชาชน ซึ่งอยากให้เร่งพิจารณาเมื่อพื้นที่ไหนพร้อมก็ควรเปิด โดยเฉพาะ อ.แม่สาย เป็นเส้นทางถนนเอเชียไฮเวย์ 2 (เส้นทาง R3B) เชื่อมต่อ 8 ประเทศ เข้าจากทางภาคใต้ด่าน จ.สงขลา ไปออกแม่สาย ผ่านสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 1 เชื่อมโยงไปจีนตอนใต้ ตามเส้นทาง จ.ท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง-เมืองลา เขตโกกั้ง เมืองตองจี เมืองมัณฑะเลย์ ถึงชายแดนเมียนมา-จีน ที่ด่านมูเซ-รุ่ยลี่ แต่ละปีสินค้าไทยและสินค้าเกษตรของเมียนมาเข้า-ออกจีนที่ด่านนี้ มีมูลค่าการค้านับแสนล้านบาท ชายแดนฝั่งตรงข้ามไทยไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม เขายังพึ่งพาอาหารและสินค้าไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะตลาดชายแดนจีน

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/north/2372316

ไทยเตรียมส่งออกทุเรียนล็อตใหม่ ผ่านรถไฟจีน-ลาว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยความคืบหน้าการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ด่านโม่ฮานของจีน ได้เปิดนำเข้าทุเรียนไทยแล้วตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากระงับการนำเข้าทุเรียนไทย 3 วัน ระหว่างวันที่ 12-14 เมษายน จากเหตุพบการปนเปื้อนโควิดในรถบรรทุกคอนเทนเนอร์ และช่วงกลางสัปดาห์นี้ไทยจะมีการส่งออกทุเรียนอีกล็อตหนึ่ง โดยใช้เส้นทางรถไฟจีน-ลาว ด้วยการขนส่งระบบผสมราง-รถ ซึ่งจะต้องคุมเข้มมาตรการขจัดทุเรียนอ่อนและป้องกันการปนเปื้อนโควิด-19 อย่างต่อเนื่อ ให้มีมาตรฐานตามข้อกำหนด

ที่มา : https://news.ch7.com/detail/563786

‘ฟู้ดเดลิเวอรี’ปีนี้ส่อโต 7.9 หมื่นล.

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาดและพันธมิตรทางธุรกิจ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยคาดว่าในปี 2565 นี้ ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 7.9 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารก็หันมาใช้ช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรีมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งเห็นได้จากจำนวนพาร์ทเนอร์ร้านอาหารของแกร็บฟู้ดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 800% (เปรียบเทียบจากช่วงสิ้นปี 2562 จนถึงปี 2564) จนมีจำนวนมากกว่า 200,000 ร้านในปัจจุบัน

ที่มา: https://www.naewna.com/business/648201

ชายแดนเกาะสอง-ระนอง ส่งออกประมงมากที่สุดของเขตตะนาวศรี

รายงานของกรมประมงเมืองเกาะสอง เผย ด่านชายแดนเกาะสอง-ระนอง มีการส่งออกสินค้าประมงมากที่สุด ของเขตตะนาวศรี โดย 6 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2564 ถึง 31 มี.ค. 2565 มีการส่งออกสินค้าประมงจากเกาะสองไปยังประเทศไทย คิดมูลค่ากว่า 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากปริมาณสินค้าประมงประมาณ 161,283 ตัน แม้ชายแดนเกาะสองจะมีความต้องการสินค้าประมงในปริมาณมาก แต่พบว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาลดลงกว่า 18,000 ตันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าการส่งออกลดลง 1.245 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การส่งออกปลามีแนวโน้มลดลงในฤดูสัตว์น้ำวางไข่ (เมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน) ซึ่งธุรกิจประมงชายฝั่งถือเป็นหัวใจหลักทางเศรษฐกิจของเกาะสอง

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/kawthoung-ranong-border-post-sees-highest-fishery-exports-in-taninthayi-region/#article-title