โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าบางแห่งในกัมพูชา ไม่คัดค้านการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าบางแห่งเห็นชอบกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการเตรียมการยื่นเรื่องเข้าเจรจารอบแรก ในวันที่ 14 ก.ย. กับสหภาพแรงงานกัมพูชา โดยการปรับขึ้นค่าแรงเป็น 214.20 ดอลลาร์ต่อเดือน ในขณะนี้ยังคงมีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดในปัจจุบัน ซึ่งประธานสหภาพแรงงานกัมพูชากล่าวว่าบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตชุดกีฬา กระเป๋าถือ และรองเท้า โดยเฉพาะแบรนด์ระดับพรีเมียม มีแนวโน้มที่จะเพิ่มค่าจ้างให้กับแรงงานโดยไม่คำนึงถึงการตัดสินใจของผู้ผลิตรายอื่น ๆ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับโรงงานทั่วไปที่ไม่สามารถขึ้นค่าแรงได้เพราะโรงงานบางแห่งจำเป็นต้องควบคุมและลดค่าใช้จ่ายในช่วงการแพร่ระบาด เพื่อความอยู่รอดของบริษัท

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50931983/not-all-factories-oppose-minimum-wage/

รมว.พาณิชย์กัมพูชา ยืนยันความร่วมมือทางการค้ากับสิงคโปร์

กัมพูชาและสิงคโปร์ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาได้จัดการประชุมทางวิดีโอกับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งได้หารือถึงความคืบหน้าในการให้สัตยาบันความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ระหว่างสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เพื่อสร้างกลุ่มการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งได้พูดคุยกันเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19 ซึ่งรายงานว่าสองประเทศมีระดับปริมาณการฉีดวัคซีนสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนครบ 2 โดส แล้วกว่าร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมดที่มีอยู่ 16 ล้านคน ทางด้านสิงคโปร์ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส แล้วประมาณร้อยละ 80 ของประชากร ซึ่งการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสิงคโปร์มีมูลค่าถึง 4.2 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยการลงทุนของสิงคโปร์ในกัมพูชาสูงถึง 1.29 พันล้านดอลลาร์ระหว่างปี 1994 ถึง 2020

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50931917/the-commerce-minister-reaffirms-trade-cooperation-with-singapore/

‘นักธุรกิจแคนาดา’ เชื่อมั่นเศรษฐกิจเวียดนาม

ผู้ประกอบการชาวแคนาดามีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนาม แม้ว่าจะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 ที่สร้างผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจและการเติบโตของประเทศ ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ของสำนักข่าวเวียดนาม คุณ Marc Djandji นักวิเคราะห์การเงินชาร์เตอร์ด กล่าวว่าประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดหุ้นที่มีพลวัต (dynamic) แห่งหนึ่งที่สุดในโลก และเศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นจนถึงครึ่งแรกของปีนี้ ทั้งนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของเวียดนามจะหยุดชะงักลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากการแพร่ระบาดไปยังอุตสาหกรรมการผลิตและการก่อสร้าง ถือเป็นแรงคับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเวียดนามนั้นขึ้นอยู่กับการฉีดวัคซีน ตลอดจนความร่วมมือและความรับผิดชอบร่วมกันของคนในประเทศ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1026159/canadian-businesses-believe-in-viet-nams-medium-term-economic-outlook.html

‘เวียดนาม’ เผยทิศทางการส่งออกขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

ตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าสิ้นปีนี้ ยอดการส่งออกสูงถึง 313 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี หากเวียดนามสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ ขณะที่ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมียอดการส่งออก/นำเข้ารวม ประมาณ 242.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 27.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี เป็นผลมาจากช่วงครึ่งแรกของปีเติบโตได้ดีและมั่งคง ทั้งนี้ สินค้าที่มีมูลค่าสูงสุด ได้แก่ โทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วน 35.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 33.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ดี การส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เนื่องจากความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่าการระบาดของโควิดระลอกที่ 4 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลักและศูนย์กลางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของประเทศ ตลอดจนก่อให้เกิดการอพยพของคนงานจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1026158/export-outlook-depends-on-virus-control.html

เมียนมานำเข้ายา พุ่ง 397.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 9 เดือนแรกของปีงบฯ ปัจจุบัน

มูลค่าการนำเข้ายาของเมียนมาอยู่ที่ประมาณ 397.46 ล้านดอลลาร์ในช่วงเก้าเดือน (ต.ค.63- มิ.ย.64) ของปีงบประมาณปัจจุบัน 2563-2564 โดยเมียนมานำเข้ายาและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ 90% จากต่างประเทศ อินเดียเป็นแหล่งนำเข้าหลักสำหรับเมียนมา นอกจากนี้ยังมีบังคลาเทศ จีน เยอรมนี อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ใต้หวัน ไทย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ปัจจุบันมีการนำเข้ายาอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ราคายาเพิ่มขึ้น 5-10% จากการอ่อนค่าของจัต ส่วนกรมการค้าเมียนมาได้ยกเว้นใบอนุญาตนำเข้าชั่วคราวสำหรับสินค้า 92 HS code (รหัสศุลกากร) รายการ นาน3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.64 เป็นต้นไป เพื่อเอื้อสำหรับการค้าในช่วงวิกฤต COVID-19 ปัจจุบันสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI) พร้อมหน่วยงาน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกในการของยาในช่วงวิกฤต COVID-19

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-pharmaceutical-imports-top-397-46-mln-in-nine-months/

ธนาคารโลกเน้นย้ำโอกาสและความท้าทายของเศรษฐกิจสปป.ลาว

ตามรายงานของธนาคารโลกฉบับใหม่ ระบุว่าเศรษฐกิจลาวคาดว่าจะเติบโตที่ 3.6% ลดลงจากการตัวเลขคาดการณ์การเติบโตที่ 4% ในเดือนมีนาคม 2564  การฟื้นตัวคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตของการส่งออกที่แข็งแกร่ง เนื่องจากอุปสงค์ภายนอกฟื้นตัว ด้านภาคบริการก็มีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่จะกลับมาขยายตัวได้ดีในอนาคตเมื่อมีการเปิดประเทศรับนักท่องที่ยว ด้านการลงทุนคาดว่าหลังจากการสิ้นสุดของการรถไฟลาว-จีนในปีนี้ จะมีส่วนส่งเสริมสปป.ลาวอย่างยิ่งในการเติบโตด้านเศรษฐกิจและความแข็งด้านการเชื่อมต่อกลับพรหมแดนนูมิภาค นอกจากนี้ยังมีแผนการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เช่น ทางด่วนระหว่างอำเภอวังเวียงในแขวงเวียงจันทน์กับชายแดนลาว-จีน และเส้นทางภาคใต้อื่นๆ ด้านการส่งออกจะได้รับประโยชน์จากช่วยเหลือและการให้โควต้าของจีนและการลงนามในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค อย่างไรก็ตามสถานการณ์โควิดในปัจจุบันจะเป็นปัจจัยในเชิงลบต่อเศรษฐกิจของสปป.ลาว ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญทั้งในด้านสาธารณะสุขที่ต้องมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับแผนการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_World176.php

กัมพูชาส่งออกมะม่วงสดเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 251 ในช่วง 8 เดือนแรกของปี

ทางการกัมพูชารายงานถึงการส่งออกมะม่วงสดภายในประเทศไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากกว่าร้อยละ 251 หรือคิดเป็นกว่า 163,828 ตัน ในช่วง 8 เดือนแรกของปี ตัวเลขดังกล่าวรายงานโดยกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง (MAFF) ซึ่งในเวลาเดียวกันกัมพูชาได้ทำการส่งออกแยมมะม่วงไปอีกกว่า 14,087 ตัน และน้ำเชื่อมจากมะม่วงกว่า 4,000 ตัน คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 195 และ ร้อยละ 79 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดส่งออกที่สำคัญของมะม่วงกัมพูชา ได้แก่ เวียดนาม ไทย จีน เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ คูเวต ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา คาซัคสถาน และรัสเซีย เป็นต้น ซึ่งกัมพูชามีพื้นที่เพาะปลูกมะม่วงมากกว่า 100,000 เฮกตาร์ และสามารถสร้างผลผลิตได้ประมาณ 1.5 ล้านตันต่อปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50931274/fresh-mango-exports-up-251-percent-in-first-eight-months/

อนาคตอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มกัมพูชา

การประชุมก่อนการเจรจาปรับค่าแรงขั้นต่ำในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มกัมพูชา ระหว่างสมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปแห่งกัมพูชา (GMAC) และสหภาพแรงงาน รายงานว่าปัจจุบันคนงานในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 192 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยสหภาพแรงงานกำลังพิจารณาที่จะเพิ่มค่าแรงขึ้นเป็น 214.20 ดอลลาร์ต่อเดือน จากคำกล่าวของประธานสหภาพแรงงานกัมพูชา แต่ในทางกลับกันเลขาธิการ GMAC กล่าวว่านายจ้างส่วนใหญ่ยังคงรักษาระดับการจ่ายค่าจ้างไว้ ทั้งที่ควรจะลดลงในปีนี้ เนื่องจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน อุปสงค์ที่ลดลง ผลผลิตที่ลดลง และค่าธรรมเนียมการขนส่งที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเมื่อประเมินสถานการณ์จริงที่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญอยู่ ชัดเจนว่าปัจจุบันยังไม่อยู่ในฐานะที่จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่ง GMAC ยังได้เตือนอีกว่าการเพิ่มค่าจ้างขึ้นร้อยละ 11 จะทำให้นักลงทุนที่มีอยู่และนักลงทุนรายใหม่เกิดความกังวลและความไม่แน่ใจที่จะทำการลงทุนใหม่ จากการที่มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นอีกด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50931076/ministry-shares-bleak-data-on-the-garment-industry-future/

รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเยือนอาเซียน เลือกไปเวียดนาม-กัมพูชา-สิงคโปร์ จับตากระชับอิทธิพลจีน

รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเลือกไปเวียดนาม-กัมพูชา-สิงคโปร์ ในแผนเยือนอาเซียนสุดสัปดาห์นี้ จับตาเจรจากระชับอิทธิพลจีนในภูมิภาค หลังรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพิ่งเยือนสิงคโปร์-เวียดนามเมื่อเดือนที่แล้ว โดยวันที่ 8 ก.ย. 2564 เว็บไซต์ SCMP สื่อภาษาอังกฤษในฮ่องกง รายงานว่า นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ประกาศแผนเดินทางเยือนชาติในภูมิภาคอาเซียน โดยมีกำหนดเยือนเวียดนามในวันศุกร์นี้ (10 ก.ย.) ขณะเดียวกันรัฐมนตรีต่างประเทศจีนยังเลือกเดินทางเยือนกัมพูชาและสิงคโปร์ ก่อนจะจบท้ายด้วยการเยือนเกาหลีใต้ในสัปดาห์หน้า สำหรับประเด็นหารือ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า จะเน้นพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 และความร่วมมือในโครงการ 1 แถบ 1 เส้นทางเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายจับตาการพูดคุยประเด็นระหว่างประเทศอื่นๆ เช่น ข้อพิพาททะเลจีนใต้ ซึ่งจีนกำลังมีปัญหากับเวียดนามและหลายชาติอาเซียน รวมไปถึงสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งอาจมีการพูดคุยกันระหว่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเดินทางเยือนเกาหลีใต้ด้วย

ที่มา : https://workpointtoday.com/china-asean-trip/

รัฐบาลสปป.ลาวทุ่มกว่า 8.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในวังเวียง

รัฐบาลสปป.ลาวจะมีการใช้เงินมากกว่า 8.8 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการก่อสร้างถนนที่มุ่งสู่น้ำตกแก่งนุ้ยในจุดท่องเที่ยวของวังเวียงในแขวงเวียงจันทน์ โดยได้รับทุนจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียมากกว่า 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตวังเวียงและรอบอ่างเก็บน้ำน้ำงึม โดย 4.6 ล้านเหรียญสหรัฐได้ถูกอนุมัติแล้วในการสร้างถนนที่มีอยู่เดิมไปน้ำตกแก่งยุ้ยระยะทาง 6 กิโลเมตร รวมถึงการก่อสร้างถนนและสะพานทางฝั่งตะวันตกของอำเภอวังเวียงเป็นระยะทาง 26 กิโลเมตร และความกว้างของถนน 6 เมตร การสร้างถนนและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาแขวงเวียงจันทมากขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_OverUS_175.php