จำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศกัมพูชาเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวรายงานถึงจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นโดยอยู่ที่จำนวน 194,025 คน ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากถึงร้อยละ 696.33 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า ถึงแม้ว่าในเดือนเมษายนที่ผ่านมารีสอร์ททุกแห่งในกัมพูชาได้รับคำสั่งให้ปิดกิจการชั่วคราวและมีการสั่งห้ามเดินทางในหลายจังหวัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงปีใหม่ของกัมพูชา ซึ่งมีการสั่งห้ามการเดินทางในช่วงวันที่ 6 และ 17 เมษายนตามลำดับ โดยเมื่อวันที่ 25 เมษายน รัฐบาลประกาศยุติการห้ามเดินทางระหว่างจังหวัดและการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทั่วประเทศอีกครั้งภายใต้มาตรการการป้องกันอย่างเข้มงวด ซึ่งหลังจากรัฐบาลได้ทำการยกเลิกการล็อกดาวน์ส่งผลทำให้ผู้คนจำนวนมากในประเทศออกท่องเที่ยว โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดในเขตพื้นที่จังหวัดกำปอต รองลงมาคือจังหวัดพระตะบอง เสียมราฐ กำปงสปือ และจังหวัดสีหนุวิลล์ ตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50865863/domestic-tourism-numbers-leap-to-over-190000-during-month-of-may/

สถานการณ์การส่งออกกัมพูชาในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021

ไตรมาสแรกของปี 2021 กัมพูชาส่งออกสินค้ารวมมูลค่า 4,428 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต โดยเน้นถึงการส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าที่ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งการส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่มในเดือน มกราคม-มีนาคม มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 2,527 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่การส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่มปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 52 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทะยานสู่ระดับ 887 ล้านดอลลาร์ โดยการเติบโตของมูลค่าการส่งออกสำหรับสินค้าที่ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่ม แสดงให้เห็นถึงความต้องการสินค้าที่ผลิตจากกัมพูชาอย่างมีนัยสำคัญในตลาดโลก เช่นสหรัฐอเมริกา ซึ่งเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ส่วนการส่งออกสินค้าเกษตรทำสถิติสูงสุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 รวมมูลค่ากว่า 1,014 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50865678/4-4-billion-in-cambodias-export-of-garment-non-garment-and-agricultural-products/

ปีงบฯ 63-64 เมียนมาส่งออกสินค้าเกษตรพุ่ง 33%

7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563-2564 การส่งออกสินค้าเกษตรของเมียนมาพุ่งแตะ 33.36% มูลค่า 3.46 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563-2564 ในปัจจุบัน แม้จะมีข้อจำกัดของการเปิดทำการของธนาคารและมาตรการควบคุมโควิด-19 แถบชายแดน สะท้อนจากการเพิ่มขึ้น 866.066 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากปีงบประมาณ (2562-2563) ที่ 2.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อุตสาหกรรมการเกษตรคิดเป็น 22% ของการส่งออกโดยรวม สินค้าส่งออกอันดับต้น ๆ ได้แก่ ข้าวและปลายข้าว เมล็ดถั่ว ข้าวโพด ผักและผลไม้ งา ใบชา แห้งน้ำตาล และผลิตภัณฑ์เกษตรอื่น ๆ ตลาดส่งออกสำคัญ เช่น จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย และศรีลังกา แต่บางครั้งตลาดสำคัญยังคงมีความไม่แน่นอนความต้องการของตลาดโลก ปัจจุบันภาครัฐได้เข้ามาช่วยเกษตรกรในการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การจัดหาเมล็ดพันธุ์ และรับมือกับกับสภาพอากาศที่ยากจะคาดเดา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/agro-exports-up-33-per-cent-this-fy/

นายกฯ สปป.ลาว เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนสร้างโอกาสในการพัฒนาเยาวชน

วันเด็กโลกในวันที่ 1 มิถุนายนนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนของสังคมร่วมมือกันสร้างเงื่อนไขและโอกาสที่เอื้อต่อการพัฒนาเด็ก สร้างเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อให้เด็กลาวสามารถเติมเต็มศักยภาพในการพัฒนาและการเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพสำหรับประเทศ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวว่าทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาเด็กหลากหลายเชื้อชาติของสปป.ลาวจนถึงปี 2573 ตามแผนงาน ในขณะเดียวกันก็มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PM104.php

ราคาหม้อดินเผาในหมู่บ้านงามพญาอก ยังนิ่ง แม้เป็นที่ต้องการของตลาด

ความต้องการหม้อดินแบบดั้งเดิมอยู่ในระดับปานกลาง และราคาส่วนใหญ่มีเสถียรภาพในงามพญาอก  อำเภอญองอู้ จังหวัดญองอู้ เขตมัณฑะเลย์ ราคาของหม้อดินเผาอยู่ระหว่าง 2,000-7,000 จัตขึ้นอยู่กับลวดลายการออกแบบ ขนาด และคุณภาพ หมู่บ้าน Taunggon ใน ตำบลงามพญาอก ประกอบกิจการหม้อดินเผามาหลายชั่วอายุคน โดยทำการค้าและส่งท่าเรือไปยังเขตและรัฐอื่น ๆหมู่บ้านสามารถผลิตหม้อดินเผามากกว่า 250,000 ต่อปี โดยเฉพาะหม้อดินสำหรับน้ำดื่มเป็นที่ต้องการตลอดทั้งปี

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/prices-of-traditional-clay-pots-stable-in-ngapthayauk/#article-title

ธุรกิจ Healthcare ปัจจัยสำคัญสู่การดิจิทัลไลเซชั่นและการลงทุนในกัมพูชา

ภาคธุรกิจ Healthcare ในกัมพูชาถือเป็นส่วนสำคัญสำหรับการสร้างการลงทุนและก่อให้เกิดดิจิทัลไลเซชั่นด้านการดูแลสุขภาพในกัมพูชา โดยเห็นถึงโอกาสในการฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 ในกัมพูชา กลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งทางกัมพูชาเห็นถึงความสำคัญของภาคธุรกิจด้านสุขภาพมากขึ้นหลังเกิดการแพร่ระบาด จากการที่ผู้ป่วยภายในประเทศเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่มีมาตรฐานได้ไม่ทั่วถึง ทางกัมพูชาจึงมีแนวคิดที่จะนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในด้านการแพทย์ เช่น การให้คำปรึกษา การวินิจฉัยและการจัดส่งยาจากระยะไกล ให้กับผู้ป่วยที่ไม่สะดวกในการเดินทางมายังโรงพยาบาล โดยเชื่อว่ามีโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรม Healthcare ภายในกัมพูชา เนื่องจากกัมพูชาขาดผู้ผลิตยาที่ถือเป็นหนึ่งในความสำคัญลำดับต้นๆ ของภาคอุตสาหกรรม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50865080/kingdoms-healthcare-sector-prime-for-digitalisation-and-investment/

กระทรวงเกษตรฯ กัมพูชาวางแผนเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกทุเรียน

กระทรวงเกษตรป่าไม้และประมงมีแผนที่จะส่งเสริมการผลิตทุเรียนโดยการขยายพื้นที่เพาะปลูกสร้างความเข้มแข็งให้กับโรงงานด้วยการสร้างมาตรฐานและจัดตั้งสมาคมชาวสวนทุเรียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งราคาทุเรียนที่ปลูกในท้องถิ่นนั้นสูงกว่าราคาที่ทำการนำเข้ามาส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้จากสวนทุเรียนที่ 10,000 ถึง 20,000 ดอลลาร์ต่อเฮกตาร์ต่อปี โดยภายใต้นโยบายของกระทรวงเกษตรฯ กำลังวางแผนและกำหนดวัตถุประสงค์ในการขยายการปลูกทุเรียนและผลไม้อื่น ๆ ที่มีศักยภาพในตลาดในประเทศและในต่างประเทศ รวมถึงเสริมสร้างทักษะด้านเทคนิคการปลูกให้กับเกษตรกรซึ่งเป็นผู้ผลิตต้นน้ำได้มีองค์ความรู้เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันกัมพูชามีพื้นที่ปลูกทุเรียน 5,289 เฮกตาร์โดยมีผลผลิตต่อปี 36,656 ตัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50865112/ministry-of-agriculture-plans-to-increase-durian-plantations/

‘ผู้ว่าธปท.’คาดเศรษฐกิจฟื้นเท่าก่อนโควิด อาจรอไตรมาสแรก’66

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผย สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสามตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา คาดเศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลาถึงไตรมาสแรกของปี 66 กว่าจะกลับมาสู่ระดับเดิม ขณะเดียวกันต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องสภาพคล่องของเอสเอ็มอี โดยรัฐและ ธปท ได้ออกมาตรการฟื้นฟู ส่วนสถาบันการเงิน มีบทบาทในการเชื่อมต่อข้อมูลจากผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่ในการประสานความช่วยเหลือกับคู่ค้ารายย่อย และปรับแนวทางการปล่อยสินเชื่อ ทั้งนี้ธุรกิจเอสเอ็มอีควรปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดและยกระดับการจัดการธุรกิจ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้นเพราะนอกจากจะนำมาใช้บริหารต้นทุน กำไร ยังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสถานะทางการเงินธุรกิจอีกด้วย

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/846888

เมืองโฮจิมินห์ ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงต่างประเทศ 1.34 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 5 เดือนแรก

สำนักงานสถิติประจำเมือง เผยว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไหลเข้าเมืองโฮจิมินห์ ทะลุ 1.34 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 16.52% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งจากตัวเลขเม็ดเงินทุนทั้งหมด 378.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ถุกโอนไปสู่โครงการใหม่ 187 โครงการ โดยเฉพาะด้านการพาณิชย์และอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติได้ระดมทุน 267.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปยังโครงการอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป จำนวน 7 โครงการ ตามมาด้วยโครงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 11 โครงการ ด้วยมูลค่า 85.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการเชิงพาณิชย์ ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มูลค่าราว 270 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาสิงคโปร์และสหราชอาณาจักร ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hcm-city-attracts-over-134-billion-usd-worth-of-fdi-in-first-five-months/202334.vnp

เวียดนามเผยโควิดระลอกใหม่ ฉุดการค้าการขนส่ง

ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในปัจจุบัน ทำให้การค้า การขนส่งและการท่องเที่ยวเกิดหยุดชะงัก ตลอดจนทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจประสบปัญหาในเดือนพฤษภาคม อีกทั้ง จำนวนขนส่งผู้โดยสารทั่วประเทศ อยู่ที่ 287.8 ล้านคน ลดลง 14.9% จากเดือนเมษายน และในเดือนเดียวกันนั้น ปริมาณการขนส่งสินค้า 139 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.8% ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกสินค้าและบริการ มีมูลค่า 393.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 3.1% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเวียดนาม มีจำนวนทั้งสิ้น 13,400 คน ในเดือนนี้ ลดลง 30.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 40.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่งผลให้ตัวเลขของนักท่องเที่ยวในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 97.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สาเหตุมาจากข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/new-covid19-outbreak-puts-brakes-on-trade-transport/202302.vnp