“คนเวียดนาม” มองการจัดการการเงินส่วนบุคคลไปในทิศทางที่ดี

“แมนูไลฟ์” เปิดเผยผลการสำรวจ พบว่าคนเวียดนามมองเรื่องการบริหารทางการเงินส่วนบุคคลไปในทิศทางที่เป็นบวก แต่คนส่วนใหญ่ยังกังวลว่าจะจัดการกับสุขภาพของตนเองได้อย่างไร โดยจากการสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จะเห็นได้ว่ารายได้ส่วนบุคคลเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 17% ในปี 2566 และเมื่อถามถึงวิธีการในการบรรลุเป้าหมายทางการเงิน พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 40% ทำการออมเงินเพื่อการเกษียณ รองลงมาออมเงินเพื่อค่ารักษาพยายาล 37% ค่าเล่าเรียนของลูกหลาน 32% และออมเงินสำหรับการซื้อบ้านใหม่ 30% ตามลำดับ ทั้งนี้ เครื่องมือสำคัญที่จะบรรลุเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล รวมถึงการออมเงินเพื่อการเกษียณ พบว่าคนส่วนใหญ่ 80% ต้องการถือเงินสด รองลงมาการสนับสนุนทางครอบครัวและมรดก (42%) และการประกันสุขภาพส่วนบุคคลและโรคร้ายแรง (37%) ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดเอเชีย ในขณะเดียวกัน คนเวียดนามมองว่าอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย ได้แก่ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ (62%), ภาวะเงินเฟ้อ (60%), สุขภาพที่ย่ำแย่ (51%), การสูญเสียรายได้ (48%) และค่ารักษาพยายาล (38%)

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-people-optimistic-about-personal-finances-post1026170.vov

“เวียดนาม” ลงนามข้อตกลง FTA กับประเทศคู่ค้า 15 ฉบับ

เวียดนามเป็นประเทศเดียวที่ได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศคู่ค้าที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักรและรัสเซีย และจนถึงในปัจจุบัน เวียดนามได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรี รวมทั้งสิ้น 15 ฉบับ และอยู่ในช่วงขั้นตอนการเจรจาข้อตกลงการค้าอีก 4 ฉบับ โดยข้อตกลงการค้าหรือเขตการค้าเสรีมีส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเวียดนามมีข้อได้เปรียบอย่างมากที่จะส่งเสริมการค้า ความเชื่อมโยงทางธุรกิจและนำเสนอสินค้าเวียดนามไปสู่ผู้บริโภคในตลาดสำคัญทั่วโลก ทั้งนี้ จากข้อมูลในปีที่แล้ว ระบุว่ายอดการส่งออกที่ใช้หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าแบบพิเศษ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี มีมูลค่าอยู่ที่ 78.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 33.61% ของมูลค่าการส่งออกรวมของเวียดนามไปยังตลาดที่ทำข้อตกลงการค้าเสรี (233 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม รายงานว่าอัตราการใช้หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าแบบพิเศษ อยู่ที่ 33.61% และอัตราการเติบโตที่ 13.18% แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวของการส่งออกของเวียดนามในตลาด FTA ในช่วงหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-signs-15-ftas-with-foreign-partners-2153890.html

จับตาเวียดนามวิกฤตหนักไฟฟ้าส่อขาดแคลน

“เวียดนาม” ประเทศ “น่าลงทุน” และมีศักยภาพการพัฒนาอันดับต้น ๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วันนี้…กำลังเผชิญวิกฤตพลังงานไฟฟ้าขาดแคลนอย่างหนักมาตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และส่อแววยืดเยื้อไปจนถึงฤดูร้อนในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ถึงขั้นต้องประกาศเวียนดับไฟฟ้าทั่วประเทศเพื่อรับมือกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบางพื้นที่อาจต้องดับไฟฟ้านานกว่า 7 ชั่วโมง ทั้งที่ประเทศเวียดนามมีกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้งในระบบมากถึง 80,704 เมกะวัตต์ ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 45,434 เมกะวัตต์ สะท้อนถึงปัญหาความมั่นคงระบบไฟฟ้าและคุณภาพไฟฟ้าของเวียดนามที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต ความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล

ที่มา : https://www.thaipost.net/hi-light/392968/

“เวียดนาม” แก้ไขปัญหาไฟดับ! ในภาคเหนือของประเทศ

ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. โรงไฟฟ้าพลังความร้อนท้ายบิ่ญ 2 (Thai Binh) ได้กลับมาดำเนินกิจการตามปกติแล้ว โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเฉลี่ย 8 ล้านกิโลวัตต์ต่อวัน และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงิเซิน (Nghi Son) คาดว่าจะเดินเครื่องด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้า 13 ล้านกิโลวัตต์ต่อวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. ทั้งนี้ ตามข้อมูลของการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) เปิดเผยว่าระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำไฟฟ้าพลังน้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังคงอยู่ในระดับวิกฤต เครื่องกำเนิดไฟฟ้าบางเครื่องกลับมาทำงานอีกครั้ง แม้ว่ากำลังการผลิตจะลดลงก็ตาม เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในภาคเหนือของเวียดนาม ทางศูนย์สั่งการพลังงานแห่งชาติได้เพิ่มกำลังส่งระยะสั้น 2,600 MVA บนสายส่ง Nho Quan-Nghi Son 2-Ha Tinh ขนาด 500 กิโลวัตต์ เพื่ออำนวยความสะดวกจากภาคใต้สู่ภาคเหนือของประเทศในช่วงเวลาเร่งด่วน

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/electricity-shortage-in-northern-vietnam-eases/

“อียู” ประกาศผ่อนปรนกฎระเบียบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากเวียดนาม

การแก้ไขกฎระเบียบฉบับที่ 2019/1973 ที่แผยแพร่เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. เกี่ยวกับมาตรการฉุกเฉินในการควบคุมการส่งออกอาหารไปยังสหภาพยุโรป ด้วยเหตุนี้ สหภาพยุโรปจึงย้ายข้อกำหนดของสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเวียดนามจากภาคผนวก 2 ซึ่งต้องมีใบรับรองสุขอนามัย (HC) และการควบคุมในอัตรา 20% ที่ประตูชายแดนไปยังภาคผนวก 1 ที่กำหนดให้ควบคุมผลิตภัณฑ์เพียง 20% ที่ประตูพรมแดนสหภาพยุโรป การตัดสินใจครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) ในการควบคุมความปลอดภัยของอาหารและสนับสนุนธุรกิจในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมคุณภาพของผลิตภัณฑ์เวียดนามที่จะเข้าไปสู่ตลาดสหภาพยุโรปนั้น จำเป็นที่ต้องผลักดันภาคธุรกิจให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของอาหารของสหภาพยุโรปอย่างเคร่งครัด

ที่มา : https://en.baochinhphu.vn/eu-eases-regulations-on-viet-nams-instant-noodles-11123061211192207.htm

“THG” อัดงบ 170 ล้านบาท รุกลงทุนธุรกิจคลินิกในเวียดนาม

นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ และ Ms.Nguyen Thi Mai และ คุณวรศักดิ์ มานิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทมิตรไมตรีการแพทย์ จำกัด ร่วมพิธีลงนามข้อตกลงการพัฒนาคลินิกสุขภาพในเวียดนาม ด้วยมูลค่ากว่า 170 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการลูกค้าที่มีฐานะสูงในเวียดนาม ตลอดจนมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าที่มีความสนใจในการดูแลสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย ทั้งนี้ นพ. ธนาธิป ศุภประดิษฐ์. ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (THG) กล่าวว่ากลุ่มลูกค้าเวียดนามที่มีกำลังซื้อสูง เล็งมองหาการให้บริการทางการแพทย์โดยหมอไทย และเวียดนามยังเป็นตลาดการแพทย์ที่มีแนวโน้มสดใส พร้อมกับเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บริษัท THG คาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากโครงการดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 20% โดยมีระยะเวลาคืนทุน 4.5 ปี

ที่มา : https://www.bangkokpost.com/business/2588951/thg-invests-in-vietnam-clinic

“จีน” ชื่นชมสินค้าเกษตรเวียดนาม แต่ซื้อเพียงเล็กน้อย

นายเจิ่น แทงห์ นาม รมช.เกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวกับสื่อท้องถิ่นเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ว่าด้วยจำนวนประชากร 1.41 พันล้านคน และรายได้เฉลี่ย 13,800 เหรียญสหรัฐในปี 2565 ส่งผลให้จีนเป็นตลาดสินค้าเกษตรรายใหญ่ รัฐบาลและองค์กรต่างๆ ของเวียดนามและจีน ร่วมมือเป็นคู่ค้าสำคัญทางด้านภูมิศาสตร์ โดยมีปัจจัยบวกหลายประการ อาทิเช่น ระยะเวลาในการขนส่งที่ต่ำ ต้นทุนต่ำและรูปแบบการขนส่งที่หลากหลาย เป็นต้น โดยเฉพาะอาหารทะเล ผลไม้ งานไม้และเนื้อไก่ของเวียดนามเป็นที่ต้องการอย่างมากของตลาดจีน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความต้องการผลผลิตทางการเกษตรสูงจากทั้งสองประเทศ แต่ว่าในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานตามแนวชายแดนที่มีมากเกินไป จำเป็นที่ต้องหันมามุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนด ประกอบกับความร่วมมือทางการค้าของทั้งสองประเทศยังคงไม่มีเสถียรภาพ ผู้ค้าส่วนใหญ่เพียงแค่ทำธุรกรรมเท่านั้น และขาดความต่อเนื่องในการติดต่อสื่อสาร เนื่องจากปัญหาการขาดข้อมูล

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/china-praises-vietnam-s-farm-produce-but-makes-modest-purchases-2152940.html

“เวียดนาม” ส่งออกลิ้นจี่ไปสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการครั้งแรก

คุณ Thai Tran กรรมการผู้จัดการของบริษัท กล่าวว่านับเป็นครั้งแรกที่มีการนำเข้าลิ้นจี่สุกก่อนกำหนดจากเวียดนาม เพื่อที่จะแข่งขันกับเม็กซิโกและจีนที่ได้จำหน่ายลิ้นจี่ในตลาดสหราชอาณาจักร (UK) โดยปัจจุบันลิ้นจี่ของเวียดนามติดรูปธงชาติไว้บนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมแบรนด์ของเวียดนามและช่วยให้ผู้บริโภคจดจำผลิตภัณฑ์ของเวียดนามในซูเปอร์มาร์เก็ตได้ ทั้งนี้ กระบวนการจัดเก็บลิ้นจี่ไปจนถึงการวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักร ใช้เวลาเพียง 36 ชั่วโมง ขณะที่ความต้องการลิ้นจี่ในตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากคุณภาพสูงและฤดูการปลูกอายุสั้น ตลอดจนกิจกรรมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการส่งเสริมการค้า นอกจากนี้ ราคาลิ้นจี่ของเวียดนามในปัจจุบัน อยู่ที่ 15 ปอนด์ (18.65 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อกิโลกรัม ที่วางขายในสหราชอาณาจักร

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-s-first-official-channel-lychee-shipment-arrives-in-uk-2151932.html

“เวียดนาม” เผย พ.ค. ส่งออกโต 4.3%

เจ้าหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าการส่งออกของเวียดนามในเดือน พ.ค. ปรับตัวดีขึ้น ขยายตัว 4.3% เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. ที่มีมูลค่า 29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ 5 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามทำรายได้จากการส่งออก 136.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าอุตสาหกรรมมีสัดส่วนมากถึง 88% ของมูลค่าทั้งหมด โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ทั้งนี้ การดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเสรี อาทิเช่น ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) และข้อตกลงสหราชอาณาจักร-เวียดนาม (UKVFTA) ได้อำนวยความสะดวกในการส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังตลาดอียู โดยจากข้อมูลทางสถิติแสดงให้เห็นว่าการส่งออกข้าวของเวียดนาม ม.ค.-พ.ค. เพิ่มขึ้น 40.8% ในเชิงปริมาณ และ 49% ในเชิงมูลค่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-exports-grow-4-3-in-may/

“เวียดนาม” กลายมาเป็นตลาดบริการรับฝากเซิร์ฟเวอร์ที่น่าสนใจ ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

จากรายงานของ KPMG ล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อต้นเดือนนี้ พบว่าเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 7 ของตลาดเกิดใหม่ชั้นนำที่ให้บริการเช่าพื้นที่สำหรับการวางเซิร์ฟเวอร์ (Server) และคาดการณ์ว่าขนาดตลาดจะพุ่งสูงขึ้นแตะ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2569 ทั้งนี้ คุณ Meir Tlebalde ผู้อำนวยการของบริษัท KPMG ประจำเวียดนาม กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Vietnam Investment Review ว่าการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับตลาดเทียร์-1 เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ซิดนีย์และโตเกียว คิดเป็นสัดส่วน 82% ของขนาดข้อมูลทั้งหมดในเอเชียแปซิฟิก อย่างไรก็ดี ตลาดเทียร์-1 กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนที่ดินจำนวนมากที่ใช้ในการพัฒนาและต้นทุนของพลังงานทดแทนที่มีราคาสูง เป็นต้น อีกทั้ง จากข้อมูลของ Tlebalde ชี้ให้เห็นว่าตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของตลาดให้บริการเช่าพื้นที่สำหรับการวางเซิร์ฟเวอร์ของเวียดนาม มาจากต้นทุนที่ต่ำที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และระบบอินเทอร์เน็ตที่มีศักยภาพ ประกอบกับแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้ในราคาต้นทุนที่ต่ำที่สุดในภูมิภาค และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เร่งดีดตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-becomes-attractive-colocation-markets-for-foreign-investors-2151582.html