เกษตรกรเมืองยองปลูกพริก สร้างสร้างกำไรงาม

เกษตรกรผู้ปลูกพริกจากเมืองยองในรัฐฉานตะวันออก กำลังเก็บเกี่ยวพริกและมีรายได้อย่างสม่ำเสมอทุกวัน นอกจากการปลูกพืชตามฤดูกาล เช่น แตงกวา ฟักทอง มะเขือเทศ แตงโม และเมล่อน ส่วนพริกจะมีกรปลูกหลากหลายสายพันธ์ โดยทำการปลูกในพื้นที่ปิดหลังจากนั้น 15 วันจะถูกย้ายลงแปลงปลูกและรดน้ำทุกๆ 5 วัน แม้ว่าจะมีราคาอยู่ถึง 5,000 จัตต่อกิโลกรัมต่อกิโลกรัมในฤดูเก็บเกี่ยว แต่เเร็ว ๆ นี้ราคาได้ลดลงเหลือประมาณ 2,000 จัตต่อกิโลกรัม ปัจจุบันเมียนมาส่งออกพริกสดไปยังจีนและไทย ซึ่งการส่งออกไปไทยจะผ่านชายแดนเมียวดี

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/chilli-growers-from-mong-yawng-earning-regular-income/

‘เอกชน’ ย้ำต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน หวั่นล่าช้ากระทบเปิดประเทศ

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เผยกรณีที่ประชาชนเริ่มกังวลการฉีดวัคซีนรักษาโควิด-19 ว่า ถือเป็นเรื่องปกติเพราะการพัฒนาวัคซีน เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนจึงทำให้มีการทดลองเพียง 1 ปี ที่กังวลเนื่องจากกระแสข่าวออกมาว่า มีคนฉีดแล้วเสียชีวิต ดังนั้นรัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องเลือกชนิดของวัคซีนให้เหมาะกับคนฉีด แต่หากกังวลจนไม่อยากฉีดวัคซีนจะกระทบต่อการเปิดประเทศ รัฐบาลจึงต้องเร่งผลักดันให้ฉีดในจังหวัดนำร่องก่อน เริ่มด้วยภูเก็ต ให้ทันก่อนเปิดรับนักท่องเที่ยว ในวันที่ 1 กรกฎคมนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนในพื้นที่แล้วนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามา

ที่มา: https://www.matichon.co.th/economy/news_2657526

Moody’s รายงานการจัดอันดับเครดิตเรตติ้งของกัมพูชา

ฝ่ายบริการนักลงทุนของ Moody’s ประกาศถึงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของ 6 ประเทศ ในกลุ่มอาเซียนรวมถึงกัมพูชา โดยในรายงานภายในอาเซียนฉบับเดือนมีนาคมสถาบันจัดอันดับของสหรัฐฯกล่าวว่าแนวโน้มด้านเครดิตเรตติ้งของกัมพูชายังคงมีเสถียรภาพ ซึ่งถูกจัดอยู่ในอันดับ B2 โดยอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่จัดเครดิตเรตติ้งอยู่ที่ Baa2, มาเลเซียถูกจัดอยู่ในอันดับ A3, สิงคโปร์ Aaa และไทยถูกจัดอันดับอยู่ที่ Baa1 ในขณะเดียวกันสำหรับ สปป.ลาว ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ Caa2 ซึ่งถือเป็นเรตติ้งที่อยู่ในทิศทางลบ จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ส่วนสำหรับเวียดนามอยู่ที่อันดับ Ba3

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50831628/moodys-says-outlook-stable-for-cambodias-credit-rating/

การค้าทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชาลดลงในช่วง 2 เดือนแรกของปี

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.298 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2021 ลดลงร้อยละ 20.5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ของไทยกล่าวถึงการส่งออกของกัมพูชามายังไทยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 225 ล้านดอลลาร์ ลดลงถึงร้อยละ 47 ส่วนการนำเข้าสินค้าของกัมพูชาจากไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.073 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสินค้าเกษตรคิดเป็นสัดส่วนการส่งออกส่วนใหญ่ของกัมพูชาไปยังประเทศไทย ส่วนสินค้าส่งออกของไทยไปกัมพูชาประกอบด้วย น้ำมัน ปุ๋ย อาหารและเครื่องสำอางเป็นหลัก โดยรองประธานหอการค้ากัมพูชากล่าวว่าหากในอนาคตอันใกล้มีการกระจายวัคซีนไปทั่วประเทศของทั้งสองประเทศ คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะดีขึ้นและจะช่วยกระตุ้นการค้าและการส่งออกของทั้งสองประเทศให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 7.236 พันล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้วลดลงร้อยละ 23 จากปี 2019

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50831807/cambodia-thailand-bilateral-trade-down-jan-feb/

อยากมีงานทำต้องรู้! 1 ตำแหน่งงานว่าง คู่แข่งร่อนใบสมัคร 100 สูงสุด 1,000 ใบ

จ๊อบส์ ดีบีฯ ชี้สัญญาณบวก โรงงานอุตสาหกรรมกลับมาผลิต ส่งผลการจ้างแรงงานเพิ่ม ระบุกลุ่มเทคโนโลยี-ไอที ยังเป็นมนุษย์ทองคำ เงินเดือนสูง จับตาสายงานใหม่ติดโผ ทั้งบล็อกเชน ที่ปรึกษาการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล ผู้จัดการคลาวด์คิทเช่น นักสืบไซเบอร์ เผยเด็กจบใหม่ มีศักยภาพเรียกเงินเดือน 6-7 หมื่นบาท และแนวโน้มทิศทางตลาดแรงงานหลังวิกฤตจะกลับมาโตได้ 5% ทั้งนี้ยังมีความต้องการแรงงานทักษะสูงจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ และภาษา แต่ทักษะแรงงานกว่า 70% อยู่ในระดับปานกลางถึงต่ำเพราะตลอดหลายปีที่แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยเพราะยังมีงานทำจึงไม่ได้ปรับเปลี่ยนมากนัก

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/929850

บิ๊กตู่ มั่นใจศก.ไทยปีนี้โต 4% ก่อนกลับมาปกติปีหน้า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการนายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ผ่าน PM PODCAST ทางเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ว่า ตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 64 อยู่ที่ 4% และมั่นใจเศรษฐกิจไทยกลับมาอยู่ในภาวะก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด ประมาณครึ่งหลังของปี 2565 ส่วนการบริหารเศรษฐกิจไทยในปีนี้ รัฐบาลพยายามบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน และภาคธุรกิจ ผ่านมาตรการเยียวยา และการฟื้นฟูต่าง ๆ เช่น การเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่ง เราชนะ ม33เรารักกัน และเราเที่ยวด้วยกัน โดยในมาตรการกระตุ้นและบรรเทาผลกระทบยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนแนวทางการดึงดูดการลงทุนนั้น ในระยะเร่งด่วนรัฐบาลจะเร่งแก้ไข 3 เรื่อง คือ 1.การปรับปรุงการตรวจคนเข้าเมือง วีซ่า และใบอนุญาตการทำงาน 2.การปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้ง่ายและทันสมัยมากขึ้น และ 3. การจัดทำข้อการตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศ ขณะที่เรื่องการท่องเที่ยวนั้น มีแผนการเปิดประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไปและจะเป็นไปตามสัดส่วนของการกระจายวัคซีนโควิดทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/833504

นายกฯ ปลื้มโครงสร้างพื้นฐาน 5 จี ไทยอันดับ 1 ในอาเซียน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ดีอีเอส) ว่าวันนี้เป็นการประชุมดีอีเอส หารือเกี่ยวกับการจัดทำยุทธศาสตร์แผนแม่บทต่างๆ ในการดำเนินการแผนต่างๆ ซึ่งวันนี้ก็มีความก้าวหน้าโดยจากการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลของประเทศ การใช้ประโยชน์จากดิจิทัลในเรื่องของการบริหารจัดการหลายๆอย่าง เพื่อให้สะดวกต่อการให้บริการประชาชน และเพื่อเป็นการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐบนฐานข้อมูลเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบคลาวด์ (Cloud) หรืออะไรต่างๆ ก็ได้มีการหารือกันในที่ประชุมเรียบร้อยแล้ว ที่จะต้องดำเนินเดินหน้าต่อไป โดยถือเป็นนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาล ในการดำเนินการในฐานะเป็นผู้กำหนดนโยบายลงไปยังกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจที่เราเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน 5 จี

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/97130

เวียดนามนำเข้ายานยนต์พุ่ง 20% ในเดือนก.พ.

กรมศุลกากรเวียดนาม เผยว่าในเดือนกุมภาพันธ์ เวียดนามนำเข้ายานยนต์จำนวน 10,039 คัน คิดเป็นมูลค่า 209 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 20.3% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ในแง่ของจำนวน และหดตัว 1.88% ในแง่ของมูลค่า โดยส่วนใหญ่ราว 90% นำเข้ามาจากไทย (5,200 คัน), อินโดนีเซีย (3,300 คัน) และจีน (589 คัน) ตามลำดับ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในภาพรวม จะเห็นว่าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามนำเข้ายานยนต์ประมาณ 18,400 คัน เพิ่มขึ้น 23.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะยานยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีสัดส่วนมากที่สุดถึง 66.3% ของส่วนแบ่งการตลาด อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขสถิติของกรมศุลฯ ชี้ให้เห็นว่าเวียดนามนำเข้าชิ้นส่วนและส่วนประกอบยานยนต์ 345 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ และส่วนใหญ่นำเข้าจากเกาหลีใต้ ไทย จีนและอินเดีย

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-car-imports-surge-over-20-in-february-316742.html

ผงะสต๊อกข้าวโรงสีอีสานเกือบเกลี้ยงแต่ ราคาตลาดยังนิ่ง “จุรินทร์” เตรียมถกผู้ส่งออก

ผงะสต๊อกข้าวโรงสีอีสานเกือบเกลี้ยงแล้ว ราคาตลาดยังนิ่งแค่ตันละ 12,500 บาท คาดต้นเหตุจากปมขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ส่งออกสะดุด จุรินทร์ เตรียมถกสมาคมผู้ส่งออกข้าว 24 มี.ค.นี้ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2564 ได้มีการประชุมคณะกรรมการ สมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งได้มีการรายงานสถานการณ์ข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่าข้าวของฤดูกาลผลิตปี 2563 /64 มีสต๊อกที่ลดลงอย่างมากในรอบ 10 ปี ได้ลดกำลังการผลิตลงถึง 50% และคาดว่าข้าวสำรองที่มีอยู่ในโรงสีหากเร่งสีแปรก็ไม่เกิน 20 วันข้าวจะหมดจากในสต็อกของโรงสี แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่าปริมาณข้าวมีน้อยมากราคาข้าวกลับไม่ขยับขึ้น น่าจะมาจากการที่ผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศได้ล่าช้าเพราะข่าวการขาดแคลนตู้คอนเทนเน่อร์และการขึ้นราคาค่าขนส่งที่สูงขึ้นมากทำให้การรับซื้อข้าวสารของผู้ส่งออกจากโรงสีได้ในราคาไม่สูงจึงทำให้ไม่สามารถซื้อข้าวเปลือกในราคาเพิ่มสูงขึ้นได้ หากไม่เกิดเหตุการณ์ปัญหาการส่งออกตึงตัวคาดการว่าราคาข้าวเปลือกน่าจะมีราคาที่ 14,000-15,000 บาท/ตัน แต่เวลานี้ราคาที่โรงสีสามารถจะรับซื้อได้เพียง12,500-12,800 บาท/ตันเท่านั้น ส่วนข้าวเหนียวราคาจะค่อยๆ ดีขึ้นแต่พอมีข่าวว่าลักลอบจากเพื่อนบ้านราคาถูกเข้ามา ประกอบกำลังเริ่มเตรียมเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผู้ค้าข้าวสารก็กังวลกลัวราคาจะลดต่ำลงและจะชะลอการรับซื้อข้าวสารจากโรงสี

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-634443

เวียดนามจำเป็นต้องเปิดพรมแดน เพื่อฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว

นายเหงียน ฮิ๋ว เถาะ นายกสมาคมท่องเที่ยวแห่งประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เผยว่าเวียดนามจำเป็นต้องค้นหาโซลูชันและเตรียมความพร้อมกับเงื่อนไขที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อที่จะเปิดพรมแดนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในเดือนกรกฎาคม 2564 ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติถือเป็นทางออกเดียวสำหรับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 9.2% ของ GDP ในปี 2562 ทั้งนี้ การควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อที่จะสามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ในขณะที่ ณ ปัจจุบัน ประเทศในกลุ่มภูมิภาคแห่งนี้ มีแผนที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศไทย ได้ประกาศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 ตลอดจนสิงคโปร์เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีใบรับรองระบุสถานะติดลบของ COVID-19 อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากได้ แต่ก็ไม่อาจชะลอตัวได้ เนื่องจากการแข่งขันของประเทศในภูมิภาค ประกอบกับคนในพื้นที่กลัวการระบาดอีกครั้ง

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/904845/viet-nam-needs-to-open-borders-for-tourism-recovery-experts.html