เศรษฐกิจเวียดนามโต 5.8% หากควบคุมพิษโควิด-19 ระบาดได้

สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจและนโยบายเวียดนาม (VEPR) คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 5.8% ในปีนี้ หากไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเขตชุมชน และส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศจะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจจะต่ำกว่าที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 6.5% อย่างไรก็ตาม สถาบันฯ ได้ทำการประเมินอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไว้ที่ 1.8% หากมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นและขัดขวางกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เวียดนามมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 679 ราย นับตั้งแต่มีการระบาดในพื้นที่ชุมชน

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/economy-to-expand-5-8-pct-if-covid-19-outbreak-contained-4235863.html

ฐานข้อมูลหน่วยเศรษฐกิจพื้นฐานเพิ่มขึ้นเป็น 133,997 หน่วยในปีที่ผ่านมา

สำนักงานสถิติสปป.ลาวเผยข้อมูลจำนวนหน่วยเศรษฐกิจพื้นฐานในสปป.ลาวเพิ่มสูงถึง 133,997 หน่วยในปี 2019 เพิ่มขึ้น 9,124 หน่วยจาก 124,873 หน่วยที่บันทึกไว้ในปี 2013 ระบบสารสนเทศด้านข้อมูลที่ทางหน่วยงานทำการจัดเก็บเป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญที่จะนำมาพิจารณาในการกำหนดนโยบายต่างๆ ของภาครัฐให้สอดคล้องกับสภาพข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง ฐานข้อมูลหน่วยเศรษฐกิจพื้นฐานจะถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบเพื่อประสิทธิภาพสำหรับการนำมาใช้ในภายภาคหน้า อย่างไรก็ตามสปป.ลาวยังพบความท้าทายอีกประการหนึ่งในการจัดทำข้อมูลสารสรเทศคือการขาดความสามารถและความเข้าใจเชิงลึกในส่วนของจัดเก็บของหน่วยงานท้องถิ่นและความยากลำบากในการจัดเก็บของมูลบางอย่าง ทำให้ข้อมูลไม่ครอบคลุม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Number_33.php

รัฐบาลกัมพูชารายงานการจัดเก็บภาษีในช่วงเดือนมกราคม

กรมสรรพากร (GDT) กระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน รายงานถึงรายรับจากการจัดเก็บภาษีจำนวน 879 พันล้านเรียล (ประมาณ 217 ล้านดอลลาร์) ในช่วงเดือนมกราคมปีนี้ ซึ่งจัดเก็บได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึงร้อยละ 116 ของรายรับที่วางแผนไว้สำหรับเดือนมกราคม แต่เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมปีที่แล้วรายรับที่ได้จากภาษีลดลงร้อยละ 8 อยู่ที่ประมาณ 19 ล้านดอลลาร์ โดยรัฐบาลได้ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในการจัดเก็บภาษีและทำการปฏิรูประบบการจัดการให้มารวมกันเพื่อส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการรวบรวมรายรับจากภาษีมากขึ้น ภายใต้ผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งรายรับจากภาษีที่จัดเก็บทั้งหมดอยู่ที่ 2.889 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2020 ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาหดตัวถึงร้อยละ 3.1

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50814324/217-million-collected-through-tax-in-january-pm/

ท่าเรือสีหนุวิลล์ในกัมพูชารายงานผลการประกอบการในปี 2020

ผลกำไรจากการดำเนินงานของ Preah Sihanoukville Autonomous Port (PSAP) ในปี 2020 ลดลงกว่าร้อยละ 54 สู่ระดับ 10.37 ล้านดอลลาร์ ตามงบการเงินปี 2020 ซึ่งแถลงการณ์ออกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้รับการตรวจสอบโดย PricewaterhouseCoopers (PwC) โดยกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนในหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) ลดลงจากร้อยละ 7 สู่ร้อยละ 2 ในปี 2020 ตามรายงาน อย่างไรก็ตามหุ้นของ PAS มีปริมาณการซื้อขายที่ดีในปี 2020 โดยราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 35 จากปี 2019 ซึ่งราคาหุ้น ณ สิ้นปีอยู่ที่ 1.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น ปัจจุบันมูลค่าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 130.19 ล้านดอลลาร์ โดย COVID-19 มีผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจ ส่งผลให้เกิดการสูญเสียในหลายด้าน ซึ่งบริษัทยังคงต้องชำระคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่มีการเปลี่ยนแปลงมีส่วนทำให้กำไรของบริษัทลดลง โดย PSAP เป็นท่าเรือน้ำลึกเชิงพาณิชย์แห่งเดียวในกัมพูชา ขณะนี้กำลังดำเนินโครงการขยายหลายโครงการ รวมถึงอาคารขนส่งสินค้าแห่งใหม่ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้เป็นสองเท่า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50814565/sihanoukville-port-reports-profits-down-in-2020/

ส่งออกเมียนมายังปกติ แต่นำเข้ามุเซ หยุดชะงัก

การส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าเน่าเสียง่ายไปจีนของเมียนมายังเป็นปกติแม้มีการต่อต้านการยึดอำนาจของทหารเมียนมาแบบอารยะขัดขืนโดยการขวางการนำเข้าของประเทศ ขณะนี้ตัวแทนที่นำเข้าค้าชายแดนมูเซกำลังเข้าร่วมเคลื่อนไหวส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการทำธุรกรรมในแต่ละวันและรถบรรทุกขาเข้าที่ติดอยู่ที่เขตการค้า ผู้ดูแลศูนย์ค้าส่งมูเซ 105 ไมล์ เผยอย่างไรก็ตามการส่งออกผักผลไม้และสินค้าเน่าเสียง่ายของประเทศไปยังจีนยังคงดำเนินการตามปกติ อย่างไรก็ตามยังสามารถขนส่งการส่งออกพืชผลไปยังจีนได้บางส่วน ด้านการส่งออกแตงโม แตงกวา มะม่วง ปลา ปู และปลาไหลยังขนส่งไปจีนตามปกติ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/exports-operating-usual-imports-stutter-muse.html

เงินเฟ้อชะลอตัวแต่ยังอยู่ในระดับที่สูง

 แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มลดลง แต่อย่างไรชาวเวียงจันทน์จำนวนมากกล่าวว่ารายได้ของพวกเขาไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ราคายังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ค่าครองชีพในการดำเนินชีวิตยังคงสูงทำให้คุณภาพการชีวิตของพวกเขายังคงยากลำบาก ตามรายงานข้อมูลจากสำนักงานสถิติสปป.ลาว ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ 113.95 จุดในเดือนมกราคมขยายตัวร้อยละ 2.01 เมื่อเทียบกับปี 63 ชะลอตัวจากเดือนธันวาคมที่ขยายตัวร้อยละ 3.19 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งค่าเงินกีบที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อยังคงเติบขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Inflation_32.php

เยอรมนีมอบเงิน 20 ล้านยูโรให้สปป.ลาว สำหรับการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า

กระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของสหพันธรัฐเยอรมันมอบเงินประมาณ 20 ล้านยูโรและรัฐบาลสปป.ลาวมอบเงินจำนวน 4 ล้านยูโรให้เป็น เงินช่วยเหลือของเยอรมันจัดให้เป็นความร่วมมือทางการเงินผ่าน KfW Development Bank โครงการนี้จะดำเนินการโดยกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ และกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า โดยได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคจากบริษัทที่ปรึกษาระหว่างประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตของประชากรที่พึ่งพาผลผลิตจากป่า โดยการแนะนำระบบการประกันความถูกต้องตามกฎหมายของไม้และการเสริมสร้างอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ของสปป.ลาว ความร่วมมือทางการเงินของ FLEGT จะติดตามผลการดำเนินการและถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการบูรณาการข้อผูกพันของเยอรมันในสปป.ลาวอย่างใกล้ชิด ภาคป่าไม้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจสปป.ลาวโดยเฉพาะอุตสาหกรรมแปรรูปไม้และเพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและลดความยากจน  ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่มีใบอนุญาต FLEGT จะถือว่าถูกกฎหมายหากได้รับการตรวจสอบตามข้อกำหนดของ FLEGT โครงการนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการสร้างงานใหม่ในอุตสาหกรรมแปรรูปไม้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาภาคเศรษฐกิจที่สำคัญ  

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Germany_32.php

องค์กร NGO ของญี่ปุ่น มอบทุนสนับสนุนให้แก่กัมพูชา

องค์กรความร่วมมือแบบให้เปล่าแก่โครงการซึ่งดำเนินการโดย NGO ของญี่ปุ่น ได้ตกลงที่จะมอบเงินจำนวน 754,321 ดอลลาร์ แก่สององค์กรภายใต้กรอบของโครงการ Grant Assistance สำหรับโครงการนอกภาครัฐ (NGO) ของญี่ปุ่น ซึ่งสัญญาดังกล่าวลงนามโดยเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศกัมพูชาและตัวแทนของผู้รับทุนทั้งสองราย โดยรายแรกคิดเป็นจำนวน 371,479 ดอลลาร์ สำหรับการพัฒนาหลักสูตรการพลศึกษาของมหาวิทยาลัยในระยะเวลา 4 ปี ณ สถาบันการพลศึกษาแห่งชาติ ภายใต้โครงการ Hearts of Gold คาดว่าจะมีนักเรียนมากกว่า 930,000 คน ในกัมพูชาได้รับการศึกษาทางกายภาพที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการริเริ่มโครงการ และมอบเงินสนับสนุนอีกมูลค่า 382,842 ดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยในการทำเกษตรพันธสัญญา สำหรับเมล็ดมะม่วงหิมพานต์อินทรีย์ ผ่านสหกรณ์การเกษตรในโครงการ International Volunteers of Yamagata (IVY) เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรภายในประเทศให้ยั่งยืน โดยการให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าสำหรับโครงการ NGO ของญี่ปุ่นในกัมพูชามีขึ้นตั้งแต่ปี 2002 โดยการให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจภายในกัมพูชาในระดับรากหญ้า นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดหาเงินกว่า 42 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการ 133 โครงการ โดยให้ความสำคัญกับสาขาการศึกษาระดับประถมศึกษา สุขภาพ และภาคการเกษตร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50814017/japanese-ngo-projects-awarded-grants/

ผู้ให้บริการเช่าอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชามีมุมมองเชิงบวกสำหรับปี 2021

แม้ชาวต่างชาติที่เคยพักอาศัยอยู่ในกัมพูชาจะลดลงเป็นอย่างมากในช่วงที่มีการระบาดของ Covid-19 ทำให้ภาคธุรกิจการปล่อยเช่าไม่ค่อยจะดีนักในกัมพูชา แต่ก็ได้คาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นในปี 2021 โดยผู้จัดการฝ่ายขายของ Asian Condo Brokers กล่าวว่ากัมพูชาโดยรวมยังคงเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการลงทุนจากต่างชาติแม้ว่าจะมีการระบาดอย่างหนักในปัจจุบันก็ตาม ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เกิดความต้องการในอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลายและกระตุ้นความต้องการของตลาดให้เช่าในกัมพูชาได้ในอนาคต โดยชาวต่างชาติประมาณร้อยละ 80 ได้ทำการย้ายถิ่นฐานกลับไปยังภูมิลำเนาของตนเองในช่วงแรกของการระบาดของ COVID-19 ส่งผลทำให้ราคาค่าเช่าลดลงประมาณร้อยละ 20 และบริมาณการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ลดลงประมาณร้อยละ 40 ภายในสิ้นปี 2020 ซึ่งหากวัคซีนมีประสิทธิภาพมากพอและมีการพิจารณาให้เปิดพรมแดนอีกครั้งคาดว่าตลาดการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์จะกลับสู่สภาวะปกติในปี 2021

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50814018/rental-sector-businesses-share-positive-outlook-for-market-in-2021/

ยอดขายชุด PPE ในเมียนมา ลดฮวบ

ตลาดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ของเมียนมาลดลงเนื่องจาก ปัญหาด้านโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและความไม่สงบทางการเมืองในปัจจุบันส่งผลให้ผู้ซื้อใช้ลดลงอย่างมาก นาย U Aye Kyaw ผู้ขายอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลในย่างกุ้งเผย ตลาดหน้ากากในประเทศลดลงครึ่งหนึ่ง ด้านอุปทานลดลงเช่นกันเนื่องจากรถบรรทุกหยุดให้บริการเพราะคนขับรถได้เข่าร่วมต่อต้านรัฐบาลทหาร ปัญหาการขนส่งยังส่งผลให้ชุด PPE มากเกินความต้องการที่ศูนย์การค้าชายแดนเมียวดีหลักไมล์ 105 ตลาดหน้ากากในย่างกุ้งลดลง 40% :จากที่คนขับรถบรรทุกร่วมอารยะขัดขืนต้านรัฐประหารด้วยการหยุดวิ่งรถ ดังนั้นจึงไม่มีการส่งมอบหน้ากากที่ด่านมูเซ ทำให้ตลาดไม่เคลื่อนไหวและราคายังไม่เปลี่ยนแปลง ราคาหน้ากากอนามัย 50 กล่องในย่างกุ้งในราคา 760 จัต ราคาขายนอกตลาดอยู่ระหว่าง 1,000-1,200 จัต หน้ากากอนามัยที่ขายมาจากล็อตก่อนหน้านี้คาดว่าจะหมดในภายในสัปดาห์ถัดไป

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/demand-personal-protective-equipment-falls-myanmar.html