การค้าข้ามพรมแดนระหว่างไทยกัมกัมพูชาขยายตัวเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 1.09

การค้าข้ามพรมแดนระหว่างประเทศของไทยลดลงร้อยละ 7.42 ในช่วง 8 เดือนแรกเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 และ เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านมีมูลค่าอยู่ที่ 497 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.5 จากการส่งออกทั้งหมดอยู่ที่ 293 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.63 และการนำเข้า 204 พันล้าน ลดลงร้อยละ 14 ซึ่งยกเว้นกัมพูชาที่มีการค้าระหว่างประเทศเติบโตเล็กน้อยอยู่ที่ 1.09 หรือคิดเป็น 108 ล้านบาท โดยการค้าระหว่างประเทศกับมาเลเซียมีมูลค่ารวม 152 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 21 ตามด้วยการค้ากับ สปป.ลาว 123 พันล้าน ลดลงร้อยละ 6.33 และเมียนมาอยู่ที่ 114 พันล้านลดลงร้อยละ 13

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50771249/cross-border-shipments-between-thailand-cambodia-shows-modest-1-09-percent-growth-in-first-8-months/

คาดกัมพูชาจะได้รับประโยชน์จาก 3 โครงการใหม่ ภายใต้โครงการ EEC ของไทย

คณะกรรมการนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้อนุมัติการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการพัฒนาใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 1.18 ล้านล้านบาท เพื่อเชื่อมโยงระหว่าง EEC และอุตสาหกรรมในภูมิภาคอาเซียน โดยโครงการใหม่ทั้ง 3 โครงการคือท่าเรือบก 3 แห่ง มูลค่ารวม 24 พันล้านบาท ในขอนแก่น นครราชสีมา และฉะเชิงเทรา ซึ่งท่าเรือบกทั้ง 3 แห่งจะได้รับการพัฒนาเพื่อเชื่อมโยง EEC กับกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และจีน ซึ่งคณะกรรมการคาดว่ากลยุทธ์การเชื่อมโยงจะมีส่วนเพิ่มปริมาณการไหลเวียนของตู้คอนเทนเนอร์อีกกว่า 2 ล้านตู้ ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง โดยคณะกรรมการนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ตั้งเป้าที่จะศึกษาท่าเรือบก ณ ฉะเชิงเทรามูลค่าประมาณ 8 พันล้านบาทภายในปี 2021 โดยใช้เวลาก่อสร้างอีก 2 ปี และศึกษาท่าเรือบกอีก 2 แห่ง ในขอนแก่นและนครราชสีมามูลค่ารวม 16 พันล้านบาท มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2022

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50770836/cambodia-stands-to-benefit-from-thai-eec-panels-approval-for-feasibility-studies-on-three-new-projects/

ส่งออกไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ลุ้นปีนี้ติดลบแค่ 8%

น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนส.ค. 2563 มีมูลค่า 20,212 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 7.94% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน  ส่วนการนำเข้าในเดือนส.ค. 2563 มีมูลค่า 15,862 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ลดลง19.68 % ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 4,349 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ขณะที่ภาพรวม 8 เดือน (ม.ค.- ส.ค) ไทยส่งออกรวมมูลค่า 153,374 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 7.75% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน   การส่งออกในเดือนส.ค. กลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ลดลง 13.2% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน  โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดีอยู่ คือ น้ำมันปาล์ม สุกรสดแช่เย็นแช่แข็ง อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง แต่สินค้ากลุ่มที่หดตัวคือ น้ำตาลทราย ยางพารา ผักผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป ข้าว ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ได้แก่ 1.กำลังซื้อของผู้บริโภคทั่วโลกที่ยังมีความอ่อนแอ 2.ค่าเงินบาทที่ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง 3.International logistics  พบว่าค่าระวางสูง 4.ปัญหาภัยแล้ง 5. ปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าว นอกจากนี้ “ส่งออกไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว หลังมีการเปิดประเทศ  ซึ่งส่งออกเดือน ส.ค.ติดลบ 7.94% ถือว่ามีแนวโน้มติดลบน้อยลง แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาต้นทุนขนส่งและปริมาณตู้สินค้าที่ไม่เพียงพอกับความต้องการ เนื่องจากการส่งออกของจีนขยายตัว 11% จนอาจฉุดการฟื้นตัวส่งออกไทย”

ที่มา : https://www.posttoday.com/economy/news/634829

ธุรกิจไทยเข้าเจรจาซื้อโซลาร์ฟาร์มในเวียดนาม

บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภคและพลังงานชั้นนำในประเทศไทย เปิดเผยว่าบริษัทกำลังติดต่อผู้ประกอบการโซลาร์ฟาร์ม เพื่อเจรจาข้อตกลงซื้อโซลาร์ฟาร์มที่มีขนาดกำลังการผลิต 50-250 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ ธุรกิจแห่งนี้ได้ให้ความสำคัญกับแหล่งน้ำ โดยทางบริษัทกำลังวางแผนในระยะที่ 2 ของการพัฒนาแหล่งน้ำประปาในเมืองฮานอยและเกื๋อหล่อ การดำเนินงานดังกล่าว บริษัทไทยได้ทำการเข้าซื้อสินทรัพย์เมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้ เมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็กำลังอยู่ในช่วงเจรจากับนักลงทุนเวียดนาม เพื่อเข้าซื้อโซลาร์ฟาร์ม ด้วยมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท หรือ 32 ล้านดอลลาร์ล้านบาท หรือ 32 ล้านดอลลาร่า 1 เพื่อเข้ากงาน บริการได้รับผลกระทบอย่างมาก ด้วยสหรัฐ และคาดว่าสรุปข้อตกลงในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ สำหรับโซลาร์ฟาร์มอย่างน้อย 2 แห่งที่มีกำลังการผลิตรวม 50-100 เมกะวัตต์ โดยมีงบประมาณอยู่ที่ 1-2 พันล้านบาท

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/thailand-company-in-talks-to-purchase-vietnamese-solar-farms-24932.html

มูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชากับไทยอยู่ที่ 5.07 พันล้านดอลลาร์

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่าอยู่ที่ 5,073 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ลดลงร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคมกัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่าราว 913 ล้านดอลลาร์ ไปยังประเทศไทยลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปีถึงร้อยละ 40 ตามตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์ไทย ในขณะเดียวกันกัมพูชานำเข้าสินค้าจากไทยสูงถึง 4,161 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยในปีที่แล้วการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.28 คิดเป็น 9,418 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกัมพูชาส่งออกไปยังไทย 2,272 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 195

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50770207/cambodia-thailand-trade-breech-5-07-billion-in-first-eight-months-registering-a-16-percent-decrease/

กัมพูชามองหาการลงทุนจากไทยเพิ่มขึ้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาขอให้ไทยช่วยผลักดันการลงทุนของไทยในกัมพูชามากขึ้น โดยปีนี้ครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัมพูชาและไทย ซึ่งมีการค้าทวิภาคีที่แข็งแกร่งแม้จะอยู่ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 โดยกัมพูชาได้เสนอไทยให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งการค้าข้ามพรมแดน เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างประเทศให้มากขึ้น ทั้งรัฐมนตรีจากทั้งสองแสดงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเสริมสร้างสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพอันยาวนาน ซึ่งหลังจากการพูดคุยระหว่างรัฐมนตรีทั้งสองประเทศทางกัมพูชายังขอให้ไทยอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่ถือบัตรผ่านแดนและแรงงานภายใต้ MoU กลับเข้าทำงานภายในไทยได้ตามปกติ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50769628/cambodia-seeks-more-thai-investments/

ดึงเอกชนช่วยปั๊มยอดคนไทยเที่ยว 5 แสนล.

ททท.จัดทำโครงการ เวิร์กเคชั่น ไทยแลนด์ ทำงานเที่ยวได้ รวมใจช่วยชาติ ดึงเอกชนซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวในประเทศ หวังสร้างรายได้ท่องเที่ยว 5 แสนล้านบาท ไทยเที่ยวไทยแตะ 100 ล้านคน-ครั้ง นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดทำโครงการ เวิร์กเคชั่น ไทยแลนด์ ทำงานเที่ยวได้ รวมใจช่วยชาติ ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านกลุ่มคนที่ยังมีกำลังซื้อ ออกเดินทางท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมในประเทศ เพื่อให้ธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว เบื้องต้นมีบริษัทเข้าร่วมโครงการผ่านการซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวในประเทศแล้วกว่า 84 ราย แบ่งเป็นทั้งหน่วยงาน องค์กร และบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย ทั้งนี้ได้เชิญชวนบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ องค์กร และหน่วยงาน เดินทางท่องเที่ยวผ่านเส้นทางการท่องเที่ยว 5 ประเภท ได้แก่ ทำงานแบบสุขกาย สุขใจ ได้ตอบแทนสังคมรักษาสิ่งแวดล้อม,ท่องเที่ยวไปกับความสนใจพิเศษที่เลือกได้เอง ควบคู่กับการทำงาน,สร้างทีมเวิร์กด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวในชุมชน,พบปะหารือแบบพิเศษ และเสนอส่วนลดพิเศษ รวมทั้งแพ็กเกจทัวร์อีกจำนวนมาก เชื่อว่าโครงการนี้ จะทำให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศทั้งปีไม่ต่ำกว่า 80-100 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 400,000-500,000 ล้านบาท นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ททท.ยังได้หารือร่วมกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในการหารือถึงการปรับเงื่อนไขของเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อให้มีความน่าสนใจและกระตุ้นการท่องเที่ยวได้มากขึ้นด้วย.

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/799333

ก.พาณิชย์ลั่นไทยไม่ใช่ถังขยะโลก ฝ่าฝืนเจอคุก 10 ปีปรับ 5 เท่า

กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ 428 รายการ แสดงจุดยืน ไทยไม่ใช่ถังขยะโลก ห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทิ้งในประเทศ ผ่าผืนมีโทษคุก 10 ปี และปรับ 5 เท่า กรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 โดยห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 428 รายการ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 63 ที่ผ่านมา  นอกจากนี้ ยังกระตุ้นให้ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีอยู่ภายในประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการใช้ทรัพยากรในประเทศอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งยังช่วยบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่อย่างถูกวิธีมากขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดการของเสียในประเทศ

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/799144

จีนเปิดทางด่วนสายที่ 2 เชื่อมสปป.ลาว

เมื่อวันพุธที่ผ่านมาจีนได้เปิดทางด่วนสายที่สองของประเทศที่เชื่อมต่อทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลยูนนานกับ                   สปป.ลาวทางด่วนมีความยาว 49 กม. ก่อนหน้านี้ทางด่วน Xiaomengyang-Mohan ซึ่งอยู่ในมณฑลยูนนานได้เชื่อมระหว่างสองประเทศที่ชายแดนด้านจีน ยูนนานเป็นมณฑลเดียวของจีนที่มีพรมแดนทางบกร่วมกับสปป.ลาว เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวว่าทางด่วนสายใหม่จะปรับปรุงโครงข่ายทางหลวงในภูมิภาคและช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างจีนกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยเฉพาะสปป.ลาวที่มีจีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญมาโดยตลอด

ที่มา : http://en.people.cn/n3/2020/1001/c90000-9766298.html

กัมพูชาพร้อมเจรจาเพิ่มเติมด้านก๊าซกับไทย

กระทรวงการเหมืองแร่และพลังงานระบุว่าพร้อมที่จะกลับมาหารือกับไทยเกี่ยวกับผลประโยชน์ร่วมกันบนพื้นที่ทับซ้อน (OCA) ในอ่าวไทย โดยอธิบดีกระทรวงพลังงานกล่าวว่ากระทรวงกำลังรอคำตอบจากประเทศไทยเพื่อดำเนินการเจรจาต่อไปเนื่องจากพยายามเร่งกระบวนการให้ได้ข้อสรุปเร็วที่สุด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชาได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทย ณ การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานครั้งที่ 37 ที่กรุงเทพฯ โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหารือและหาข้อยุติในข้อพิพาท OCA ระหว่างกัมพูชาและไทยต่อไป ซึ่งสิทธิในการพัฒนา OCA 26,000 ตารางกิโลเมตร คาบเกี่ยวระหว่างกัมพูชาและพรมแดนของอ่าวไทยตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1970 โดยคาดว่า OCA จะมีน้ำมันและก๊าซมากถึง 500 ล้านบาร์เรล กล่าวโดยสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA)

ที่มา : https://www.nationthailand.com/news/30395298