เมียนมาอัพเดทมาตรการเดินทางเข้าประเทศ

เมื่อวันที่ 11 เม.ย.65 กระทรวงสาธารณสุขเมียนมาร์ (MoH) เผย มาตรการการเดินทางเข้าเมียนมา โดยผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคนจะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ได้รับการยอมรับจาก MoH และรายงานผลการทดสอบ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ขณะเดียวกัน เด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ขวบที่เดินทางพร้อมผู้ปกครองที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว จะได้รับการยกเว้น และชาวต่างชาติจะต้องแสดงหลักฐานการซื้อประกัน COVID-19 ของเมียนมาก่อนเข้าประเทศ ทั้งนี้ผู้เดินทางเข้าประเทศที่จะต้องพักโรงแรมที่ภาครัฐได้กำหนดไว้เพื่อรอผลการทดสอบ RT-PCR ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนที่จะส่งผลตรวจให้ดับกระทรวงฯ ต่อไป หากพบว่ามีการติดเชื้อ จะถูกแยกตัวและนำส่งสถานพยาบาลทันที ทั้งนี้ การเดินทางเข้าประเทศจะต้องลงที่สนามบินนานาชาติย่างกุ้งเท่านั้น

ที่มา: https://english.news.cn/asiapacific/20220411/8b54cdd352b14b0e84100e3cc043f647/c.html

ผู้ประกอบการปลื้ม การท่องเที่ยวเมียนมาเห็นแววฟื้นตัวจากโควิด-19

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเมียนมา เฮ ! รัฐบาลประกาศยกเลิกการระงับเที่ยวบินประเทศและมาตรการการต่างๆ ในวันปีใหม่เมียนมา เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่อุตสาหกรรมการบินระหว่างประเทศหยุดให้บริการท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยรัฐบาลจะยกเลิกมาตรการจำกัดเที่ยวบินของประเทศ ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2565  ซึ่งตรงกับวันปีใหม่ของเมียนมา (เทศกาลตะจาน) เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวและการจ้างงานของประเทศ พบว่าโรงแรมและเกสต์เฮาส์ริมชายหาดถูกจองเต็มระหว่างวันที่ 9 ถึง 17 เม.ย.2565 ซึ่งธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงวันหยุดปีใหม่ เนื่องจากเมียนมากำลังจะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาในเร็วๆ นี้ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่นักท่องเที่ยวนิยม ได้แก่ พุกาม อินเลย์ ปินดายา และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ส่งผลให้ธุรกิจที่พึ่งพาการท่องเที่ยวก็จะกลับสู่ภาวะปกติเช่นกัน  ทั้งนี้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวต่างเห็นด้วยที่รัฐบาลเมียนมาจะลดข้อจำกัดของการเดินทางในวันขึ้นปีใหม่ของประเทศ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/entrepreneurs-delighted-with-tourism-recovery-from-covid-19/#article-title

 

COVID-19 กระทบการส่งออกทองคำเมียนมา

สมาคมผู้ประกอบการทองคำแห่งภูมิภาคย่างกุ้ง (YGEA) เผย การส่งออกทองคำหยุดชะงักลงเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้มีการระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศ และไม่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการได้มีการเตรียมการส่งออกไว้แล้ว เนื่องจากอัตราการเสียชีวิตและการติดเชื้อ COVID-19  ลดลงอย่างมาก ทำให้การระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศถูกยกเลิกตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.65 เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อคลายมาตรการการเข้าประเทศ คาดว่าตลาดส่งออกทองคำจะฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากนี้ การโอนเงินระหว่างประเทศในการซื้อขายทองคำที่มีมูลค่าต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะได้รับอนุญาตให้ใช้ระบบ Telegraph Transfer (TT) ทั้งนี้ตลาดส่งออกทองคำที่สำคัญของเมียนมาคือ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/covid-19-impacts-stop-gold-exports/#article-title

งบประมาณย่อย 64-65 เมียนมาส่งออกข้าวไปแล้วกว่า 1.4 ล้านตัน

จากข้อมูลของสหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) พบว่า เมียนมาส่งมอบข้าวและข้าวหักมากกว่า 1.4 ล้านตัน ไป 27 ประเทศ ในช่วงงบประมาณย่อย (ต.ค. 2564 ถึงมี.ค. 2565) ตลาดหลักของการส่งออกคือ จีน ตามด้วยเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม สเปน ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ โดยราคาพันธุ์ข้าวขาวเกรดต่ำอยู่ที่ประมาณ 340-355 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทและคุณภาพที่แตกต่างกัน ซึ่งราคาค่อนข้างต่ำกว่าไทยและเวียดนาม แต่ยังสูงกว่าราคาตลาดของอินเดียและปากีสถาน ปัจจุบันผู้ส่งออกได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางเมียนมา (CBM) ซึ่งการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนั้นผู้ค้าข้าวในเมียนมาที่จะต้องฝากเข้าบัญชีที่ธนาคารที่ได้รับอนุญาตและแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินท้องถิ่นที่เรตอ้างอิง คือ 1,850 จัตต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบัน ผู้ค้าต้องส่งออกข้าวทางทางทะเลแทนการค้าชายแดน เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้เมียนมามีรายได้กว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกข้าวในปีงบประมาณ 2562-2563 จากการส่งออกข้าว 2.5 ล้านตัน ส่วนในปีงบประมาณ 2563-2564 มีรายได้กว่า 700.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกข้าวและข้าวหัก 1.87 ล้านตัน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/7-april-2022/#article-title

MoC เผย ปีงบประมาณย่อย 64-65 เมียนมานำเข้าสินค้าลดลง 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา (MoC) เผย มูลค่าการนำเข้าของเมียนมาระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2564-25 มี.ค.2565 ของงบประมาณย่อย ปี 2564-2565 (ต.ค.64-มี.ค.65) อยู่ที่ 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 24 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยที่การนำเข้าสินค้าทุนลดลงในเดือนที่แล้ว ขณะที่กลุ่มนำเข้าอื่นๆ (สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าขั้นกลาง และธุรกิจเย็บเครื่องนุ่งห่ม หรือ CMP) เพิ่มขึ้น เมื่อเดือนที่แล้วเมียนมานำเข้าสินค้าทุน เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ ยานพาหนะ เครื่องจักร ฯลฯ อยู่ที่ประมาณ 1.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคมูลค่า 1.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 73.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณก่อนหน้า โดยประเทศที่เมียนมานำเข้าสินค้า 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และสหรัฐอเมริกา

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/5-april-2022/#article-title

 

ราคามะขามตลาดมัณฑะเลย์พุ่ง! จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ราคาตลาดมัณฑะเลย์เพิ่มขึ้นจากความต้องการอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อปีที่แล้ว ช่วงก่อนเทศกาลติงยาน (สงกรานต์ของเมียนมา) ราคามะขามอยู่ที่ 1,000 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัมส่วนราคามะขามไร้เมล็ดจะอยู่ที่ 2,200 จัตต่อ viss ส่วนในปีนี้ ราคามะขามอยู่ที่ 1,800 จัตต่อ viss และราคามะขามไร้เมล็ดอยู่ที่ 3,600 จัตต่อ viss ในปีนี้ คาดว่าผลผลิตและสต๊อกมะขามจะลดลง จาการการสั่งซื้อจากในประเทศและต่างประเทศที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น โดยมะขามจะถูกส่งไปยังจีน อินเดีย และบังคลาเทศ ส่วนการเพาะปลูกส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคกลางของประเทศอย่างเขตมัณฑะเลย์ (เมืองเจาะบะด้อง, เมืองโปะป้า, เมืองปะโคะกู, เมืองมไยง์, เมืองยะแม่ตี้น, เมืองซีพินไยง์ และ เมือปีนแลบู้) โดยในปีงบประมาณ 2564-2565 เมียนมาส่งออกมะขามรวมทั้งสิ้น 20,662 ตัน คิดเป็นมูลค่า มูลค่า 9.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 9,796 ตัน (มูลค่าประมาณ 5.6 ล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2563-2564

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/strong-demand-drives-tamarind-price-up-in-mandalay-market/#article-title

3 เดือนแรกของงบประมาณย่อย 64-65 เมียนมามีรายได้จากการส่งออกข้าวกว่า 233 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงการวางแผนและการคลังของ เผย เมียนมามีรายได้จากการส่งออกข้าวกว่า 233 ล้านดอลลาร์ในช่วง 3 เดือนแรกของช่วงงบประมาณย่อยของปี 2564-2564 ลดลงกว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณก่อน (2563-2564) อยู่ที่ 238.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนก.พ.2565 เมียนมาส่งออกข้าวกว่า 100,000 ล้านตันผ่านทางเรือ สร้างรายได้เกือบ 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นส่งออกไปยังประเทศในเอเซีย 41,800 ตัน แอฟริกาประมาณ 35,300 ตัน และสหภาพยุโรปอีก 22,300 ตัน ส่วนการส่งออกผ่านชายแดน ได้แก่ จีน11,000 ตัน และบังคลาเทศ 15 ตัน สร้างรายได้กว่า 3.545 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์เมียนมาระบุว่าในปีงบประมาณ 2563-2564 การส่งออกข้าวและข้าวหักสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 700.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-earns-over-233-mln-from-rice-export-in-first-half-of-mini-budget-period/#article-title

เมียนมาคาด การปรับนโยบายใหม่ จะไม่กระทบการส่งออกข้าวโพด

นายอู มิน แค ประธานสมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดของเมียนมา กล่าวว่า นโยบายใหม่เกี่ยวกับการส่งออกข้าวโพดของเมียนมา จะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อการส่งออกข้าวโพดของประเทศ โดยรายการสินค้าส่งออก ได้แก่ ข้าวโพด แป้ง ป๊อปคอร์น เมล็ดพืช แป้งข้าวโพด เมล็ดธัญพืช ข้าวฟ่าง อาหารเม็ด บัควีต (Buckwheat) และเมล็ดข้าวสำหรับเลี้ยงนก จะต้องขอใบอนุญาตส่งออกโดยการยื่น Form-D (หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า) ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 โดยการปรับเปลี่ยนนโยบายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อรับรองความมั่นคงด้านอาหาร ความมั่นคงภายในประเทศ และประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ปัจจุบัน ราคา FOB อยู่ที่ 320-340 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพข้าวโพดในตลาดย่างกุ้ง ในปีงบประมาณ 2563-2564 เมียนมาส่งออกไปตลาดต่างประเทศ จำนวน 2.3 ล้านตัน ตลาดหลักคือไทย ส่วนที่เหลือจะส่งออกไปยังจีน อินเดีย และเวียดนาม

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/30-march-2022/#article-title

การค้าทางทะเลของเมียนมา พุ่งขึ้น ! 2.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย มูลค่าการค้าทางทะเลตั้งแต่วันที่  1 ต.ค.2564 ถึงวันที่ 18 มี.ค.2565 ของงบประมาณย่อย ปี 2564-2565 อยู่ที่ 11.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.275 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเป็นการส่งอออก 5.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้า 6.416 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในปีงบประมาณ 2563-2564 ที่ผ่านมา การค้าทางทะเลสร้างรายได้ 19,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากมูลค่าการค้าโดยรวมทั้งหมดของประเทศที่ 29,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ประมง แร่ธาตุ ปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากป่า สินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ส่วนการนำเข้า ได้แก่ สินค้าทุน สินค้าอุปโภคบริโภค และวัตถุดิบอุตสาหกรรม ปัจจุบันเมียนมามีท่าเรือ 9 แห่ง โดยท่าเรือย่างกุ้งเป็นประตูสู่การค้าทางทะเลของประเทศ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/30-march-2022/#article-title

เมียนมาปิดถนนเมียวดี-ดอนา-ตอง-จอ กระทบค้าส่งออกชายแดนเมียนมา-ไทย หลายแสนจัต !

ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.2565 การปิดถนนถนนเมียวดี-โดนา-ตอง-จอ ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าสำคัญบริเวณชายแดนเมียนมา-ไทย ส่งผลให้ชาวเมียนมาหลายแสนคนต้องกลายเป็นคนว่างงาน รถบรรทุกขนาดเล็กและขนาดใหญ่กว่า 1,000 คัน รวมทั้งรถยนต์นั่งต้องหยุดทำการวิ่งขณะขนส่งสินค้าเข้าจากไทยผ่านชายแดนเมียวดี ซึ่งการปิดชายแดนทำให้สินค้าเกษตรเกิดความเสียหายหลายแสนรายการในทุกๆ วัน โดยสินค้าเกษตรที่ส่งจากเมียวดีไปยังไทย ได้แก่ พริกสด ถั่วลิสง และหัวหอม ซึ่งจะเน่าเสียหายเพราะเก็บไว้ไม่ได้นาน ในขณะที่การนำเข้าน้ำอัดลมและอาหารลดลงเมื่อสองเดือนก่อน อีกทั้งจากข้อจำกัดในการนำเข้าส่งผลให้ การนำเข้าเหล็ก ดีบุก ซีเมนต์ และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ต้องลดลงไปด้วย

ที่มา : https://news-eleven.com/article/228319