สายการบินในกัมพูชาอาจจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง

สายการบินที่จดทะเบียนในกัมพูชาส่วนหนึ่งกำลังเผชิญกับผลกระทบในแบบเดียวกันกับทั่วโลกในด้านการเดินทาง จากการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของ COVID-19 โดยสายการบินเกือบทั้งหมดได้รายงานเกี่ยวกับจำนวนเที่ยวบินที่ลดลง ในขณะที่นักท่องเที่ยวก็ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันนับตั้งแต่การระบาดเริ่มขึ้นในปลายเดือนธันวาคม 2562 ซึ่งโดยรวมแล้วอุตสาหกรรมการบินกำลังเผชิญกับความปั่นป่วนที่เพิ่มขึ้นหลังจากการระบาดของ Covid-19 ทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคาดการณ์การสูญเสียรายได้ในครั้งนี้อาจจะสูงกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐขึ้นอยู่กับการแพร่ระบาดของไวรัส ซึ่งจากการสำรวจล่าสุดโดย Global Business Travel Association พบว่ากว่า 40% ของบริษัทสมาชิกได้ยกเลิกหรือระงับการเดินทางระหว่างประเทศทั้งหมดและอีกกว่า 95% ได้ยกเลิกหรือระงับการเดินทางไปทำธุรกิจส่วนใหญ่หรือทั้งหมดในประเทศจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50702254/airlines-may-suffer-100b-loss-cambodias-airlines-hit-hard-by-drop-in-tourist-numbers/

ภาคการก่อสร้างของกัมพูชายังคงลอยตัว

ในขณะที่ภาคส่วนต่างๆทั่วโลกกำลังเผชิญกับผลกระทบของ COVID-19 แต่อุตสาหกรรมการก่อสร้างของกัมพูชายังคงมีเสถียรภาพตามข้อมูลจากกระทรวงการจัดการที่ดินการวางผังเมืองและการก่อสร้าง โดยนักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจได้คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกจะลดลงกว่า 50% ในปีนี้ แต่โครงการก่อสร้างในกัมพูชายังคงได้รับความนิยมอยู่บ้าง ซึ่งมีโครงการก่อสร้างมากกว่า 500 โครงการที่ขอใบอนุญาตในการดำเนินการ โดยเมื่อเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562 มีการยื่นใบขออนุญาตเพียง 300 โครงการ ซึ่งภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างยังมองว่ามีการเติบโตที่น่าประทับใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการจาก MLMUPC โดยการลงทุนไปแตะอยู่ที่ประมาณ 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 เพิ่มขึ้นเกือบ 90% จากปี 2561 ที่อยู่ที่ 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงการตัดสินใจล่าสุดของรัฐบาลในการยกเลิกภาษีตราประทับ 4% สำหรับทรัพย์สินที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่าน้อยกว่า 70,000 เหรียญสหรัฐภายในหนึ่งปีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงมกราคม 2564 เพื่อลดผลกระทบทางการเงินของ COVID-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50702356/cambodias-construction-sector-still-buoyant/

เวียดนามส่งออกเครื่องนุ่งห่ม 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนม.ค.-ก.พ. 2563

จากรายงานของสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม (VITAS) เปิดเผยว่าในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 มูลค่าการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามอยู่ที่ 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยจากการส่งออกรวม พบว่าเม็ดเงิน 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐมาจากการขนส่งเสื้อผ้าทางเรือ และอีก 512 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาจากเส้นด้าย ลดลงร้อยละ 2.3 และ 16 ตามลำดับ ซึ่งในปัจจุบัน ปกติแล้วธุรกิจมีการจัดหาวัตถุดิบที่ตอบสนองความความต้องการในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. อย่างไรก็ตาม ธุรกิจทุกภาคส่วนจะยังคงเผชิญกับปัญหาอย่างยากลำบาก เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ได้รับจากผลของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้อุปสงค์ทั่วโลกลดลง ทั้งนี้ อุตสาหกรรมดังกล่าวตั้งเป้ายอดส่งออกในปี 2563 อยู่ที่ 42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/garment-export-value-hits-5-3-billion-usd-during-jan-feb/170143.vnp

เวียดนามยังคงนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลของกรมศุลกากร เปิดเผยว่าสหรัฐอเมริกาเป็น 1 ในแหล่งวัตถุดิบรายใหญ่ที่สุดจากเวียดนาม และมีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่แล้ว พบว่ามูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 14.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 18  รวมถึงคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบด้วยมูลค่า 14.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้นร้อยละ 84.3 ด้วยมูลค่า 826.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ การนำเข้าสินค้าอื่นๆ เริ่มต้นเพิ่มขึ้นในช่วงปีนี้ ได้แก่ อาหารทะเลและวัตถุดิบอาหารเลี้ยงสัตว์ที่นำเข้าทำให้ราคาลดลง เป็นผลมาจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ทางผู้อำนวยการบริษัทเทรดดิ้งอาหารทะเลระหว่างประเทศ ระบุว่าการส่งออกล็อบสเตอร์ของสหรัฐฯไปยังจีนลดลง เนื่องมาจากราคาสินค้าและทำให้ต้องนำเข้าจากเวียดนามพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้คนไม่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านเท่าไรนัก เนื่องจากความกังวลต่อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้อุปทานของภัตตาคารลดลง แต่ในทางกลับกัน จำนวนผู้คนที่ทำอาหารในบ้านเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vn-imports-of-us-goods-continue-to-rise-411376.vov

เมียนมาส่งออกข้าว 40,000 ตันผ่านด่านมูเซ

จำนวนข้าวและข้าวหักรวมประมาณ 40,000 ตันถูกส่งออกผ่านแดนมูเซ 105 ไมล์ในหนึ่งเดือนเนื่องจากความต้องการจากตลาดจีน ซึ่งถือเป็นโอกาสของตลาดการค้าชายแดนกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง โดยรัฐบาลจีนอนุญาตให้ส่งออกผ่านประตูชายแดนเนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้น และไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาต การส่งออกรายวันอยู่ที่ประมาณ 1,700 ตันทั้งข้าวและข้าวหัก การค้าชายแดนของมูเซเกือบหยุดชะงักเนื่องจาก COVID-19 แต่การค้าขายกลับอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ และถูกส่งออกอย่างสม่ำเสมอด้วยรถบรรทุก 40 หรือ 50 คันทุกวัน องค์การอนามัยโลกประกาศว่า COVID-19 เป็นการระบาดใหญ่ การส่งออกสินค้าเกษตรไปยังประเทศจีนได้รับผลกระทบจากการปิดชายแดนและการส่งออกที่ลดลง จำนวนข้าวส่งออกและถุงข้าวหักเพิ่มขึ้นโดยมีรถบรรทุกประมาณ 50 คันต่อวันจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 หากเปรียบเทียบกับรถบรรทุกเพียง 20 คันในเดือนตุลาคมพฤศจิกายนและธันวาคมปีที่แล้ว

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/40000-tonnes-rice-exported-muse.html

คน.ถกผู้ผลิตสินค้ารับมือชาวบ้านแห่กักตุน

กรมการค้าภายในเชิญผู้ประกอบการสินค้าหาแนวทางรับมือประชาชนกักตุนอาหาร ชี้ผู้ผลิตยืนยันยังเหลือกำลังการผลิตอีก 30% วอนประชาชนไม่ต้องกักตุนสินค้า ขณะนี้มีข่าวลือเรื่องการระบาดของไวรัสโควิด-19  จนทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมามีประชาชนเข้าไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมากกว่าปกติ จนทำให้ชั้นวางสินค้าในบ้างห้างบ้างช่วงเวลาขาดแคลน จึงได้เรียกผู้ประกอบการค้าปลีกเข้ามาสอบถามสถานการณ์อีกครั้งเพื่อหาแนวทางในการดูแลไม่ให้สินค้าขาดแคลน เบื้องต้น  ได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคว่ามีกำลังการผลิต 70% ยังเหลือกำลังการผลิตอีก 30% ที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ทันที หากความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์ปริมาณสินค้าอย่างใกล้ชิดหลังจากที่มีประชาชนวิตกกังวลจากปัญหาโรคโควิด-19 จนทำให้เร่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ไปกักตุน จนหายออกไปจากชั้นวางในห้างต่างๆ  อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตสินค้าอุปและบริโภคสำคัญของโลก โดยเฉพาะเป็นผู้ผลิตอาหาร ทั้งอาหารสำเร็จรูป และผู้ปลูกข้าวรายใหญ่ จึงไม่ต้องกลัวอาหารขาดแคลน รวมถึงสินค้าอุปโภค เช่น  กระดาษชำระที่ยังมีวัตถุดิบการผลิตเพียงพอ ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องกักตุนสินค้า ผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ของประเทศกว่า 40 ราย ต่างยืนยันสินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการบริโภคของคนในประเทศไม่มีการขาดแคลนอย่างแน่นอน  โดยตอนนี้ผู้ผลิตสินค้าได้ใช้กำลังการผลิต 70% ยังเหลืออีก 30%   จึงไม่มีความจำเป็นต้องซื้อสินค้าไปกักตุนไว้ และได้ขอความร่วมมือกับผู้ผลิตและห้างสรรพสินค้าทุกรายของประเทศแล้วให้ช่วยกันดูแลสินค้าภายในห้างให้มีเพียงพอต่อความต้องการให้มากที่สุดด้วย

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/763212

ญี่ปุ่นสนับสนุนเงิน 3.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและความแห้งแล้งในแม่น้ำโขง

รัฐบาลญี่ปุ่นจะมอบเงินช่วยเหลือ 412 ล้านเยนญี่ปุ่น (ประมาณ 3.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แก่คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านการตรวจสอบและการพยากรณ์ถึงภัยธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมและภัยแล้งที่เป็นปัญหาที่สปป.ลาว ต้องเผชิญทุกปีโดยเฉพาะภาคการผลิตของเกษตร ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ข้อตกลงเรื่องเงินทุนได้ลงนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยตัวแทนของ ศูนย์จัดการน้ำท่วมและภัยแล้งในภูมิภาค(MRC)และรัฐบาลญี่ปุ่นในเวียงจันทน์โดยความช่วยเหลือดังกล่าวจะเปลี่ยนศูนย์จัดการน้ำท่วมและภัยแล้งในภูมิภาคของ MRC ให้กลายเป็นศูนย์กลางของความเป็นเลิศในการจัดหาการคาดการณ์น้ำท่วมและภัยแล้งที่รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นและเตือนภัยล่วงหน้าไปยังประเทศลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ญี่ปุ่นเชื่อว่าการสนับสนุนทางการเงินแก่สปป.ลาวในครั้งนี้ นอกจากเป็นการสนับสนุนในด้านดังกล่าวแล้ว ถือเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่าง 2 ประเทศเพื่อเป็นผลดีต่อการเจรจาด้านการค้าในอนาคต

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Japan.php

COVID-19 ส่งผลกระทบต่อแรงงานอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในกัมพูชา

การระบาดทั่วโลกของ COVID-19 กำลังส่งผลทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง รวมถึงส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในกัมพูชาซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในภูมิภาค ซึ่งโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากประเทศจีน ในขณะที่การผลิตลดลงในประเทศจีนเจ้าของโรงงานในกัมพูชาได้เริ่มหยุดดำเนินการและตัดทอนแรงงานลง ซึ่งโรงงาน 10 แห่งในกัมพูชาแจ้งรัฐบาลว่าจะระงับการผลิต และคาดว่าจะมีโรงงานอีกกว่า 200 แห่งในภาคอุตสาหกรรมที่จะหยุดการดำเนินงานหรือลดกำลังการผลิตลง โดยจากแหล่งข่าวรายงานว่าแรงงานกัมพูชา 5,000 คนตกงานแล้ว ซึ่งโรงงานที่หยุดการดำเนินงานจะต้องจ่ายค่าแรง 60% ของค่าแรงขั้นต่ำ ในช่วงพักงานพนักงานจะต้องได้รับการฝึกอบรมที่จัดทำโดยกระทรวงแรงงานและอาชีวศึกษาในสถานที่ทำงาน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50701601/covid-19-impacts-garment-workers-in-cambodia/

การจัดเก็บภาษีของกรมศุลกากรเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

กรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) กล่าวว่าการจัดเก็บภาษีมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 19.5% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2014 จากการกำกับดูแลที่ดีของ GDCE ซึ่งสะท้อนจากการปฏิรูปการทำงานในระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งจากข้อมูลของ GDCE รายได้จากภาษีนำเข้าปี 2019 เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% และจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ประมาณ 29% โดยแหล่งรายได้หลักสำหรับปี 2019 คือการนำเข้ายานพาหนะและเครื่องจักรซึ่งจากข้อมูลของ GDCE นั้นคิดเป็น 50% ของรายได้ทั้งหมด เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา GDCE ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการระบาดใหญ่ของโลก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการประจำปีสำหรับการจัดเก็บภาษีสำหรับปีนี้แผนประจำปีของ GDCE คือการจัดเก็บภาษีให้ถึง 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยกรมสรรพากร (GDT) ในเวลาเดียวกันได้เตือนถึงการระบาดของ COVID-19 จะลดรายได้ที่สามารถเก็บได้ในปีนี้ ผู้อำนวยการ GDT กล่าวว่าไวรัสยังคงสร้างการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นเป็นอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพราะไม่ทราบถึงการระบาดของ COVID-19 จะสิ้นสุดลงเมื่อใด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50701921/custom-revenue-grows-by-almost-20-percent-over-last-five-years/

กลุ่มยางวางแผนที่จะสร้างโรงงานแปรรูปในภาคเหนือ

จากข้อมูลของกลุ่มยางเวียดนาม (Vietnam Rubber Group – VRG) ได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานแปรรูปจำนวน 3 โรงงานในภาคเหนือ เนื่องมาจากผลผลิตยางจะเพิ่มขึ้นเร็วๆนี้ ดังนั้น ในปี 2565 บริษัทยาง Lai Chau จะดำเนินลงทุนในสายการผลิตน้ำยางข้น (SVR10,SVR20) ด้วยกำลังการผลิตอยู่ที่ 3,000 ตันต่อปี เพื่อที่จะรองรับกับบริษัทในภาคเหนือ ทั้งนี้ ในปัจจุบัน กลุ่มยางเวียดนาม (VRG) มีโรงงานแปรรูปยางในจังหวัด Son La ด้วยกำลังการผลิต 6,000 ตัน และในจังหวัด Lai Chau ด้วยกำลังการผลิต 5,000 ตันต่อปี ซึ่งในปี 2566 ทางกลุ่มยางเวียดนามจะเริ่มก่อสร้างโรงงานแปรรูปยาง (เฟส 2) ในจังหวัด Lai Chau ด้วยกำลังการผลิต 4,000 ตันต่อปี ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 9,000 ตันต่อปี ขณะเดียวกัน โรงงานทั้งสองแห่งนี้คาดว่าจะตอบสนองต่อความต้องการทั้งภูมิภาค

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/rubber-group-plans-to-build-three-processing-plants-in-northern-region/170134.vnp